หลักการและสาระสำคัญในการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานในมหาวิทยาลัย
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
คือ
กองทุนที่ลูกจ้างและนายจ้างตกลงกันจัดตั้งขึ้นและได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พ.ศ.2530 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประกอบด้วยเงินที่ลูกจ้างจ่ายสะสมและเงินที่นายจ้างจ่ายสมทบรวมทั้งเงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้อุทิศให้และผลประโยชน์จากเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนมีอะไรบ้าง
- เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สมาชิกมีการออมทรัพย์
-
เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่สมาชิกและครอบครัวเมื่อพนักงานเกษียณอายุหรือเสียชีวิต
พนักงานต้องการเป็นสมาชิกกองทุนต้องปฏิบัติอย่างไร
- ต้องเป็นพนักงานประจำของหน่วยงาน
จะเป็นพนักงานรายวันหรือรายเดือนก็ได้
- ต้องเขียนใบสมัครยื่นต่อคณะกรรมการกองทุน
เมื่อได้รับอนุมัติแล้วเริ่มจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน
อัตราส่วนของเงินสะสม
และเงินสมทบมีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง
- กฎหมายกำหนดอัตราส่วนเงินสะสม และเงินสมทบไว้ตั้งแต่ร้อยละ 2
ถึงร้อยละ 15 ของค่าจ้าง (ของลูกจ้างประจำกำหนดไว้ที่
ลูกจ้างประจำสะสม 3 % นายจ้างสมทบ 3 %)
- หน่วยงานต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนไม่น้อยกว่าเงินสะสมของพนักงาน
และพนักงานต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2
ของค่าจ้าง
พนักงานได้รับอะไรจากการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เป็นการส่งเสริมให้สมาชิกมีการออมทรัพย์และเป็นหลักประกันสมาชิกและครอบครัวเมื่อพนักงานเสียชีวิต
หรือลาออกจากหน่วยงานหรือเกษียณอายุการทำงานตามระเบียบของหน่วยงานหรือลาออกจากกองทุน
- กองทุนที่จัดตั้งขึ้นจะมีจำนวนเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากผลประโยชน์ที่กองทุนได้รับจะไม่ถูกหักภาษีเงินได้แต่ประการใด
ทำให้สามารถนำไปลงทุนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
-
พนักงานจะได้รับส่วนสมทบที่หน่วยงานจ่ายสมทบให้รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
-
เงินสะสมที่สมาชิกจ่ายเข้ากองทุนสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง
10,000 บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้างและต้องไม่เกิน 290,000 บาท
จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้
- กรณีที่สมาชิกออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุ ทุพพลภาพ
หรือเสียชีวิตได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินสะสม
เงินสมทบและผลประโยชน์ทั้งสองส่วนที่ได้รับจากกองทุน
ทั้งนี้ต้องเข้าเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนดรายละเอียด
หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52)
กล่าวคือ
- กรณีเกษียณอายุ
ลูกจ้างผู้นั้นต้องเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฏหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์
- กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีที่แพทย์หรือที่ทางราชการรับรอง
ได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าลูกจ้างผู้นั้นไม่สามารถที่จะทำงานในตำแหน่งซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป
ไม่ว่าเหตุทุพพลภาพนั้น
จะเกิดเนื่องจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ก็ตาม
-
กรณีเสียชีวิตไม่ว่าการเสียชีวิตนั้นจะเกิดจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่
ทั้งนี้
ลูกจ้างต้องมีหลักฐานจากนายจ้างเพื่อรับรองว่าลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ
ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตแล้วแต่กรณีมาแสดงด้วย
- สมาชิกสามารถโอนเงินกองทุนจากบริษัทนายจ้างเดิม
ไปยังบริษัทนายจ้างใหม่ได้
หากบริษัทนายจ้างใหม่มีกฏเกณฑ์ระบุไว้ในข้อบังคับว่ารับสมัครเข้าเป็นสมาชิกต่อได้
ทั้งนี้ สมาชิกจะได้มีสิทธิในการเป็นสมาชิกต่อเนื่อง
เพื่อประโยชน์ทางภาษีของสมาชิก
-
บริษัทจัดการจะต้องดำเนินการจ่ายเงินจากกองทุนตามสิทธิที่สมาชิกได้รับ
เมื่อสมาชิกพ้นสมาชิกภาพ
โดยให้จ่ายรวมทั้งหมดครั้งเดียวให้แก่สมาชิกหรือผู้รับประโยชน์ภายใน
30 วัน นับแต่วันที่สิ้นสมาชิกภาพ
โดยจะจ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะ
- บริษัท
จะไม่จ่ายเงินสมทบส่วนที่บริษัทจ่ายเข้ากองทุนและผลประโยชน์สุทธิของเงินดังกล่าวแก่สมาชิกในกรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณี
ดังต่อไปนี้
-
ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างหรือกองทุน
- จงใจทำให้นายจ้าง หรือกองทุนได้รับความเสียหาย
- ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน
หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง
และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว
เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน
-
ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร
-
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
อันมิใช่การกระทำผิดโดยประมาทหรือเป็นความผิดลหุโทษ
- สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกกองทุน
- สมาชิกจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับนี้โดยเคร่งคัดและไม่กระทำการใดๆ
ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์หรือการบริหารกองทุน
-
สมาชิกจะต้องส่งเงินสะสมส่วนของตนตามอัตราที่กำหนดเข้ากองทุนตามข้อบังคับนี้
โดยยินยอมให้บริษัทหักเงินสะสมส่วนของตนจากค่าจ้างส่งเข้ากองทุนโดยผ่านคณะกรรมการกองทุน
- สมาชิกมีสิทธิได้รับเงินสะสม เงินสมทบ
ผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินสะสมและเงินสมทบ
และผลประโยชน์อื่นตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
- สมาชิกมีสิทธิเข้าประชุมใหญ่สมาชิกกองทุน
ตลอดจนออกเสียงลงคะแนนใดๆ
- ในกรณีที่สมาชิกออกจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทไปทำงานที่อื่น
โดยมีวันที่ทำงานติดต่อกันสมาชิกมีสิทธิขอโอนเงินส่วนของตนในกองทุนไปยังอีกกองทุนหนึ่งได้
- สมาชิกมีสิทธิตรวจดูบัญชีและเอกสารของกองทุน ณ
สำนักงานของกองทุนได้ในเวลาเปิดทำการ
*******************