ศูนย์พัฒนาอนามัยพื้นที่สูง กรมอนามัย ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลป่าไหน่ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพัฒนาชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอและตำบลป่าไหน่ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 2 ระยะ พัฒนาชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอและตำบลป่าไหน่ให้น่าอยู่ มีความเข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โดยศูนย์พัฒนาอนามัยพื้นที่สูงมีบทบาทการส่งเสริมสุขภาพชาวเขา โดยการศึกษา วิจัย และถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาสุขภาพในพื้นที่ชาวเขา เป็นอีกหนึ่งภารกิจงานของกรมอนามัย ซึ่งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ชาวเขาเผ่ามูเซอและตำบลป่าไหน่ ให้ได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมติดตามและประเมินผล ส่งผลให้ชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอและตำบลป่าไหน่ ได้มีโอกาสเรียนรู้ปัญหาจากการร่วมมือทำงานแบบพึ่งพาตนเองเป็นหลัก เพราะจากการดำเนินงานโครงการทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อประชาชนด้อยโอกาสในเขตท้องถิ่นทุรกันดารระยะที่ 1 (21 ตุลาคม 2548 – 15 พฤษภาคม 2549) ของมูลนิธิ พอ.สว. ในจังหวัดตาก เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา และน่าน พบว่า ในชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอ นอกจากจะพบปัญหาทันตสุขภาพแล้ว ยังพบปัญหาด้านอื่น ๆ อาทิ เด็กขาดสารอาหาร การเจ็บป่วยจากสาเหตุต่าง ๆ ในหลายกลุ่มวัย ปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพ รวมทั้งปัญหาการจัดการทรัพยากร ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งชุมชนยังขาดการพัฒนาและการขับเคลื่อนพลังชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ศูนย์พัฒนาอนามัยพื้นที่สูงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คัดเลือกตำบลป่าไหน่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในตำบลพื้นที่ดำเนินการโครงการทันตกรรมเคลื่อนที่ เพื่อประชาชนด้อยโอกาสในเขตท้องถิ่นทุรกันดารระยะที่ 2 ของมูลนิธิ พอ.สว. เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับนำแนวคิดของกระบวนการเรียนรู้มาใช้ในการพัฒนาเมืองและชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอให้น่าอยู่ มีความเข้มแข็ง และให้ชุมชนชาวเขามีส่วนร่วมในการพัฒนา เพื่อการมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างพลังชุมชนแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการในปี 2550 ด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของชุมชน กำหนดวิสัยทัศน์และร่างแผนแม่บทชุมชนและก่อตั้งสภาชุมชน จัดทำโครงการและแผนปฏิบัติการ การประเมินสภาพชุมชนและวิเคราะห์ปัญหาของชุมชน เป็นต้น ส่วนระยะที่ 2 เป็นการดำเนินงานตามแผนและการทำงานเป็นทีม ช่วงเดือนตุลาคม 2550-กันยายน 2551
ผลจากการใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมทั้ง 2 ระยะทำให้ได้ผลลัพธ์ 3 ประการคือ
1. วิสัยทัศน์ของตำบลป่าไหน่
2. แผนแม่บทชุมชนป่าไหน่รวม 10 หมู่บ้านและ 5 หย่อมบ้านบนพื้นที่สูง (บ้านขอนม่วง บ้านอาแย บ้านป่าหญ้าไทร บ้านแม่งัดน้อยและบ้านปางตอย)
และ 3. การก่อตั้งสภาชุมชนป่าไหน่ และได้นำไปบรรจุในแผน 3 ปี ตามยุทธศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าไหน่ ปี 2551-2554 เพื่อผู้เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม สามารถร่วมคิด ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสังเคราะห์ แผนแม่บทชุมชน นำไปสู่แผนปฏิบัติการ และโครงการต่าง ๆ รองรับ 3 โครงการชุมชนดำเนินการในลักษณะพึ่งตนเอง เช่น โครงการสลากภัตปลอดเหล้า โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน โครงการผู้สูงวัยปั่นจักรยานออกกำลังกายไหว้พระ 11 วัด รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิหน่วยงานสาธารณสุข เช่น โครงการอบรมอสม. บนพื้นที่สูง และการสร้างส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และโครงการที่องค์การบริหารตำบลป่าไหน่สนับสนุน คือ โครงการอบรมการเพิ่มผลผลิตการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ส่งผลให้คณะทำงานชุมชนเกิดการเรียนรู้ในการพัฒนาชุมชนตำบลป่าไหน่น่าอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้ง 3 ด้าน คือ การเพิ่มพูนความรู้ เจตคติ และทักษะการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่เข้าร่วมการพัฒนาชุมชน ทำให้รู้จักชุมชนของตนเองได้ดีขึ้นและสามารถประสานงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น สร้างความภาคภูมิใจและความสามารถในการพึ่งตนเองของชุมชน นอกจากนี้ กระบวนการดังกล่าวยังก่อให้เกิดการรวมกลุ่มของสมาชิก ในชุมชนที่อาสาสมัครเข้ามาพัฒนาชุมชนในรูปแบบของ สภาชุมชนตำบลป่าไหน่ และการรู้จักแบ่งบทบาทหน้าที่ของสมาชิก การบริหารจัดการโครงการ ค้นหาทรัพยากรและแหล่งสนับสนุน ติดตามประเมินผลงาน และประสานการทำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลป่าไหน่ และหน่วยราชการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
และในวันที่ 30-31 มีนาคม 2552 นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย และคณะได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนตำบลป่าไหน่ สถานีอนามัยตำบลป่าไหน่ และโรงพยาบาลพร้าว เพื่อให้กำลังใจ และให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์สู่การพัฒนาชุมชนที่น่าอยู่ต่อไป