สัญญาณ....รัก


สัญญาณ....รัก

สัญญาณ....รัก

 

คุณเคยมีความรู้สึกว่า  จะต้องทำอะไรบางอย่างให้กับใครบางคนอย่างเต็มจิตวิญญาณทั้งๆที่ไม่เคยมีเสียงร้องขอ    ไม่มีภาพมาสร้างความสนใจ   ไม่มีอะไรเลย ที่จับต้องหรือสัมผัสได้เหมือนมีพลังคอยส่งสัญญาณมาหาคุณเป็นระยะๆ    ทำให้คุณต้องเดินตามเส้นทางนั้นด้วยความรู้สึกจนพบกับคำตอบที่มีบทสรุปในตัวของมันเอง   ฉันคนหนึ่งเคยได้สัมผัสกับพลังนั้นและทำให้ยิ้มได้เสมอในวันที่อ่อนล้า

 

สมุดสีชมพู    คำเรียกที่ติดปากของพวกเราหรือสมุดฝากครรภ์เล่มแล้วเล่มเล่าถูกวางเรียงซ้อนกันบนโต๊ะทำงาน   พร้อมกับจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่เดินเข้ามา  บางคนก็มาคนเดียวบางคนก็มาพร้อมกับสามี    ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสคำพูดทักทาย    ประโยคที่คุ้นหู   คลอดเมื่อไหร่    กี่เดือนแล้ว  ผู้หญิงหรือผู้ชาย   ฝากกับหมออะไร   ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับห้องฝากครรภ์ทั่วๆไป

 

วันนั้นเป็นวันให้บริการตามตารางงาน   ฉันเหลือบไปเห็นหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งนั่งเก้าอี้แถวหลังสุดตรงมุมห้องด้านขวา   มีสิ่งหนึ่งที่สะกิดใจทำให้ฉันต้องมองเธออย่างเต็มตา   ดูๆไปก็เป็นหญิงตั้งครรภ์ธรรมดาคนหนึ่งรูปร่างผอมสูง  ผิวสีน้ำตาลอ่อน  สวมชุดนอนเป็นกระโปรงยาวคลุมเข่าสีฟ้าหม่น   รวบผมหางม้าเปิดเผยใบหน้าให้เห็นชัดเจน   แต่แววตาที่แสนเศร้าของเธอช่างแตกต่างจากหญิงตั้งครรภ์คนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง  สายตาที่มองแค่ระยะห่างจากเก้าอี้ด้านหน้าและก้มต่ำมองพื้นเป็นพักๆ  ไม่มีรอยยิ้ม  ไม่มีคำทักทายให้กับเพื่อนที่นั่งข้างๆ

 

วาริน  ฉันเรียกเธอเข้ามารับบริการตามคิวแต่ด้วยแววตาที่สะดุดใจทำให้การซักถามของฉันไม่ใช่เป็นแค่เพียงการซักประวัติเท่านั้น  มากับใครคะ เหมือนเป็นคำถามทั่วๆไปแต่ในส่วนลึกของใจ  ฉันคิดว่าเธอต้องตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจหรือไม่มีสามีรับผิดชอบ  มาคนเดียวค่ะ แล้วแฟนไม่มาด้วยเหรอ ไปขุดหน่อไม้      ฉันคิดไปเอง   เธอตั้งครรภ์โดยมีสามี  แล้วยังมีอะไรอีกที่ทำให้เศร้าได้ขนาดนี้  ยังคงเป็นคำถามที่ติดในใจฉันอยู่และนัดเธอเข้ากลุ่มเพื่อทำกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามปกติ

 

ขณะเข้ากลุ่มสมาชิกจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์    ความรู้สึก  อาการเปลี่ยนแปลงต่างๆของแต่ละคนให้รับรู้ร่วมกัน  ใบหน้าเรียบเฉยของวาริน  สายตาที่เหม่อลอยอกไปข้างนอกเป็นระยะ   ไร้บทสนทนาใดๆ   ทำฉันให้ต้องแอบมองเธอบ่อยครั้ง   ขนมปังทาแยมพร้อมกับนมคนละแก้ว   สำหรับหญิงตั้งครรภ์คนอื่นๆดูจะเป็นอาหารว่างที่ช่วยลดความหิวระหว่างมื้อได้ดีทีเดียว  แต่ทว่าขนมปังที่ถูกพับครึ่งมีรอยกัดตรงขอบเพียงหนึ่งคำ   นมที่พร่องลงไปแค่  1  ใน 3  ของแก้วยังอยู่ในมือของเธอ  ไม่หิวเหรอคะวาริน เธอส่ายหน้าแทนคำตอบเป็นอย่างนี้สองครั้งแล้วนะฉันนึกในใจและขอพบหลังเลิกกลุ่ม  เป็นอะไรหรือเปล่า  ไม่สบายตรงไหนบอกพี่ได้นะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ แล้วก็เงียบไป ถ้าไม่สบายมาหาพี่ที่โรงพยาบาลได้ทุกวันเพราะหนูต้องไปฝากท้องต่อที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน ค่ะ เป็นคำตอบสั้นๆแล้วลากลับ  หรือว่าฉันคิดไปเองอาจเป็นบุคลิกภาพของเธอเองก็ได้   แล้วเรื่องนี้ก็จบไป

 

เช้าวันหนึ่ง    วารินเดินเข้ามาในห้องด้วยด้วยใบหน้าอิดโรย   คิ้วขมวดแน่น  มือขวาบีบแน่นบริเวณบั้นเอวเหมือนนิ้วทุกนิ้วจะจมลงไปในเนื้อ   ขาที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆทีละก้าวเหมือนมีอะไรฉุดไว้  ขนาดท้องโตขึ้นเห็นได้ชัดภายใต้ชุดนอนชุดเดิมที่ฉันพบวันแรก  เธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้า   เป็นอะไร รู้สึกปวดที่เอวมากเลยค่ะ เป็นมากี่วันแล้วเหรอ สามวัน    ก่อนที่จะซักถามอาการต่อไปขอบตาของเธอเริ่มแดง  น้ำเสียงสั่นเครือ 4 – 5 ปีก่อนน้องไปรับจ้างก่อสร้างที่เชียงใหม่แล้วปวดเอวแบบนี้แหละหมอบอกว่าเป็นไตอักเสบ  กินยา  ฉีดยาตั้งนานกว่าจะหายน้องกลัวกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน เป็นครั้งแรกที่เธอพูดโดยไม่ต้องมีคำถามทำให้ความรู้สึกที่พบกันครั้งแรกกลับเข้ามาในใจฉันอีกครั้ง

 

ตั้งแต่วันนั้น    วารินได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทุกอาทิตย์  ต้องตรวจปัสสาวะแบบละเอียด   ตรวจครรภ์  พบแพทย์  รับยา  ต้องใช้เวลาแต่ละครั้งนานกว่าคนอื่นๆ ทำให้ ฉันมีโอกาสพบกับเธอบ่อยครั้ง   1  เดือนผ่านไปผลการตรวจปัสสาวะไม่ดีขึ้น ฉันรายงานแพทย์ทราบอาการและส่งตัวเธอไปรับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลจังหวัด     อีก  3  วันต่อมา  วาริน กลับมาหาฉัน     ก่อนที่จะถามอะไรเธอรีบบอกทันที พี่อย่าส่งหนูไปที่โรงบาลโน้นอีกนะ  คนเยอะมากนั่งจนปวดเอวหนักกว่าเก่าอีกไกลก็ไกล   เป็นอะไรก็ช่างหนูจะอยู่กับพี่นี่แหละ    เวลานั้นฉันไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดเธอออกจะขำๆกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเสียมากกว่า

 

พี่ วารินตกบันไดมาวันเสาร์ โชคดีที่เด็กไม่เป็นอะไร   แพทย์ให้นอนโรงพยาบาลสังเกตอาการไว้      ตอนนี้กลับบ้านไปแล้ว รุ่นน้องที่ห้องคลอดบอกกับฉันเช้าวันจันทร์  ความรู้สึกเป็นห่วงมันพลุ่งพล่านขึ้นในใจทันที    ทำไมฉันถึงต้องเป็นห่วงวารินกับลูกขนาดนี้คนไข้ที่ฝากท้องก็มีตั้งหลายคน  ตอนนั้นไม่ใช่เวลาที่จะมาตอบคำถามในใจของตัวเอง   แต่เตรียมจะออกไปเยี่ยมเธอที่บ้านตอนบ่าย  ขณะที่กำลังสาละวนกับงานบนโต๊ะ  วารินเดินเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนเพลีย  หนังตาบวมคล้ายกับผ่านการร้องไห้มา  ฉันรีบถามอาการและขอดูรอยฟกช้ำ ขณะที่กำลังตรวจร่างกายอยู่นั้น หนูเกลียดมัน  มันทำให้หนูลำบาก  ไม่มีมันคงไม่เป็นอย่างนี้หนูอยากให้มันเกิดมาตายได้ยิ่งดี คำพูดตัดพ้อของเธอทำให้ฉันรู้สึกตกใจมาก   แน่นขึ้นมาในอกอยากจะพูดปลอบใจแต่เสียงที่จะเปล่งออกมากลับเป็นก้อนจุกแน่นบริเวณคอ   เด็กผิดอะไร  ยังไม่ทันเกิดออกมาต้องพบกับความเกลียดชังที่เกิดจากแม่ของเขาเองแล้วหรือนี่   ฉันต้องดูแลวารินและลูกในท้องของเธอให้ดีที่สุด     เด็กคนนี้ต้องเติบโตมาพร้อมกับความรักไม่ใช่ความเกลียด   เสียงนี้ดังก้องในโสตประสาทของฉันทันที  ภาพการวางแผนดูแลวารินผุดขึ้นในสมองฉันเหมือนภาพถ่ายที่เปลี่ยนไปที่ละภาพ   การส่งข้อมูลให้ห้องคลอด  การส่งต่อข้อมูลไปยังสถานีอนามัย   เตรียมแม่นมในชุมชนเพื่อการดูแลวารินให้ใกล้ชิดที่สุด  ทั้งหมดนี้ฉันเตรียมไว้สำหรับเธอและชีวิตเด็กน้อยในครรภ์

 

วารินส่งไปคลอดในเมืองนะ  รู้สึกว่าจะได้ใช้เครื่องมือช่วยคลอด    เด็กออกมาน้ำหนักดีแต่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ   ยังอยู่   ICU   แต่อาการดีขึ้นแล้วล่ะ   หัวหน้าห้องคลอดโทรศัพท์บอกกับฉัน   เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงแต่ก็โล่งใจที่วารินและลูกปลอดภัยและได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลประจำจังหวัด   ฉันเตรียมชุมชนเพื่อรอรับการกลับมาของเธอและลูก   พร้อมที่จะออกเยี่ยมบ้านทันทีที่ทราบข่าวว่าวารินและลูกกลับมา

 

ฉันสังเกตเห็นความหมางเมินของวารินที่มีต่อลูกแต่ขณะเดียวกันก็มองเห็นความใส่ใจของสามีเธอที่มีต่อลูกเช่นเดียวกัน  พ่อของเด็กก็เป็นคนไม่ช่างพูดแต่ขยันทำมาหากินไม่ให้ภรรยาไปทำงานสักที  เป็นคำบอกเล่าของเพื่อนบ้านที่เข้ามาทักทายพวกเรา   ฉันสัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่พวกเขาแบ่งปันให้แก่กันทำให้ฉันมั่นใจว่าวารินไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวแน่นอน

 

              ความรู้สึกเป็นกังวลในเรื่องที่วารินจะไม่รักลูกค่อยๆลดระดับลงทุกครั้งที่ออกเยี่ยมบ้าน  ฉันรับรู้ได้ถึงพลังแห่งความรักที่ก่อตัวขึ้นในใจของวาริน    ส่งผ่านด้วยเลือดสีขาวไปยังเจ้าตัวน้อย   อ้อมแขนที่คอยรองรับประคับประคองอย่างทะนุถนอมให้ความอบอุ่นเป็นสุขและปลอดภัยแก่ลูกน้อย   รอยยิ้มที่ฉายบนใบหน้า   แววตาที่เป็นสุขของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยเห็นตลอดระยะเวลา   30  สัปดาห์ที่ผ่านมา  ความรู้สึกกังวลที่อยู่ในใจคลายออกไปจนหมดสิ้น   ความเป็นอิสระและเป็นสุขกลับเข้ามาเกาะกุมในใจฉันแทนที่

 

ฉันมองดูเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของวาริน   เด็กผู้ชายผิวขาว  ตัวอ้วนจ้ำม่ำ  ลืมตามองมาที่ฉันอย่างจงใจ  รอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าเหมือนกับว่ากำลังยักคิ้วน้อยๆให้ฉันอยู่      เอ๊ะ ! หรือว่าเจ้าของสัญญาณนั่นจะเป็น……

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  

หมายเลขบันทึก: 271967เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2009 13:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 18:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ดีค่ะ..พี่อ้อม

ตามมาอ่านเรื่องเล่าของพี่อ้อมค่ะ

คุ้นๆ...นะคะ .อิอิ

เป็นเรื่องที่อยากอ่านตั้งแต่ที่สวนสามพรานแล้วล่ะค่ะ

พี่อ้อมเขียนดีมากค่ะ ใช้คำสวยงาม กินใจ ไม่ฟุ่มเฟือย

เขียนอีกนะคะ....จะติดตามเรื่องต่อไปค่ะ

อ่านแล้ว..ได้บรรยากาศจริงๆค่ะ วันหลังฝากเรื่องขึ้นบล็อกด้วยนะคะ

เขียนได้น่าอ่านจริง ๆ จ้ะ...จะคอยอ่านเรื่องต่อไป..เป็นกำลังใจให้นะจ้ะนู๋อ้อม

'พี่เอียดเองจ้ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท