อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งเป็น 3 ส่วน
ชั้นใต้ดินของอาคารแทนชั้นบาดาล
ตัวอาคารแทนชั้นโลก
และบริเวณท้องช้างแทนชั้นสวรรค์
ชั้นบาดาลจัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาและการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโบราณและโครงการปราสาทสัจธรรมที่พัทยา
รวมทั้งจัดแสดงของมีค่าจำนวนมาก เช่น เทวรูปสมัยต่างๆ เครื่องลายครามของจีนและไทย
โดยมีประติมากรรมรูปมนุษยนาค (พญานาคในภาคมนุษย์) ตั้งแสดงอยู่กลางห้อง
(ชั้นบาดาลนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ)
ชั้นโลกจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของมนุษย์
เช่น ศาสนาต่างๆ จักรราศี และประติมากรรมจากเทพปกรณัม เป็นต้น
น่ารู้ไว้ว่า ทางพิพิธภัณฑ์อนุญาตให้ถ่ายภาพสิ่งของต่างๆ ในชั้นนี้ได้ ต่างจากชั้นบาดาลซึ่งไม่อนุญาต
เสาค้ำยันในชั้นนี้มี 4 เสา แต่ละเสาใช้ดีบุกหุ้มและดุนลายแสดงเรื่องราวทางศาสนา
ตัวเลข 4 นี้อาจตีความได้ว่าหมายถึง พรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
ซึ่งเป็นธรรมที่ค้ำจุนโลกมิให้ล่มสลาย
นอกจากนี้การใช้ดีบุกดุนลายหุ้มเสาทั้งต้นยังสะท้อนความตั้งใจเดิมของคุณเล็กที่ต้องการใช้ดีบุกหุ้มตัวช้างในตอนต้นด้วย
เสาค้ำยันภายในอาคาร
โมเสสและบัญญัติสิบประการ
หลังคาโลกใช้กระจกสีทำเป็นเพดาน เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามา
แสงสว่างนี้ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามที่สาดส่องโลก
เพดานกระจกสี (stained glass) นี้เป็นฝีมือของศิลปินชาวเยอรมันชื่อ Mr. Jacob Schwarzkopf
มีภาพแผนที่โลก ภาพจักรราศี และภาพชีวิตมนุษย์ในโลก สร้างที่เยอรมนี
จากนั้นก็ถอกกระจกออกมาเป็นแผ่นๆ แล้วส่งมาติดตั้งที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
คุณจรูญ มาถนอม ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเล่าเกร็ดประวัติไว้ว่า
“....มิสเตอร์จาค็อบซึ่งเป็นศิลปินใหญ่ที่เยอรมนี เขารู้จักผลงานของคุณเล็กมากมาย
ไม่ว่าเมืองโบราณหรือปราสาทไม้สัจธรรมที่พัทยา
เขาศรัทธาในตัวเสี่ยเล็ก ไม่เชื่อว่าจะยังมีคนที่ทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่บนโลกอีก
มิสเตอร์จาค็อบเล่าว่า ก่อนมาเมืองไทยเขาคิดว่าตัวเองเป็นศิลปินที่เก่งคนหนึ่ง
แต่พอมาเห็นงานของเสี่ยเล็ก ก็รู้ว่าตัวเขานิดเดียว
จึงมีความฝันว่า อยากฝากผลงานชิ้นหนึ่งไว้กับเสี่ยเล็ก จึงติดต่อผ่านคุณแดงที่รู้จักกัน ขอมาคุยด้วย
เสี่ยเล็กเห็นความตั้งใจจริงก็อนุญาต”
หลังคาโลกทำจากกระจกสี
น่าสนใจว่า การประดับลวดลายบนปูนปั้นจะใช้เครื่องถ้วบเบญจรงค์หลากลาย หลายสีสัน
แนวคิดนี้เสนอโดยช่างสำราญ เอมโอษฐ์ ช่างปูนปั้นจากเมืองเพชรบุรี
ช่างสำราญให้เหตุผลว่า หากใช้วิธีลงรักปิดทอง อายุการใช้งานก็จะสั้น
แต่ถ้าเป็นเครื่องเบญจรงค์ก็จะคงทนกว่า
ดังเห็นได้จากตัวอย่างลวดลายเครื่องเบญจรงค์ตามวัดที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3
ซึ่งปัจจุบันก็ยังอยู่และสดใสแวววาว
ขณะที่ทองหรือปูนที่ทำในยุคเดียวกันหลุดร่วงไปเกือบหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่นำชมพิพิธภัณฑ์กำลังอธิบายเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ประดับตกแต่งภายใน
เครื่องถ้วยเบญจรงค์
วัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในการตกแต่งภายใน
ภาชนะแถวบน : ปูนกินหมาก หินทรายแดง กาวหนังควาย น้ำตาลอ้อย ทรายละเอียด
ภาชนะแถวล่าง : หินฟลูออไรต์ ปูนขาว กระดาษฟาง ข้าวเหนียว
อารมณ์ขันของช่างปูนปั้นเมืองเพชร (ใครเอ่ย?)
ตอนที่ 3
เจริญพร โยมอ.บัญชา
ไม่ได้เข้ามาชมบันทึกของอาจารย์เสียนาน
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ, เมืองโบราณ,ปราสาทสัจธรรม เป็นต้น
ผู้เป็นเจ้าของท่านได้ฝากผลงานอวดโชว์ชาวโลกไปอีกนานนับหลาย
ร้อยปีข้างหน้าว่าสถาปัตยกรรมไทยนั้นไม่เป็นรองชาติเลย
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่ พระปลัด ครับ
งานของคุณเล็กนั้นทำด้วยความเข้าใจและเข้าถึงจริงๆ ครับ น่าดีใจที่บ้านเรามีคนสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม (และอารยธรรม) ไว้เช่นนี้
สวัสดีครับ คุณ berger0123
ภาพพวกนี้ถ่ายในต่างกรรมต่างวาระกันครับ ผมไปเยี่ยมที่นี่มาแล้วถึง 3 ครั้ง ค่อยๆ เก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ
ใช้ภาพใหญ่หน่อย เพราะอยากให้เห็นรายละเอียดครับ น่าเสียดายที่บางภาพถ่ายด้วยกล้องตัวเล็ก จึงไม่ค่อยชัด ไว้แก้มือใหม่ ;-)
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ^__^
สวัสดีครับ อ.หมอเต็มศักดิ์
จริงด้วยครับ...ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะคุณเล็กทำด้วยความเข้าใจ และความศรัทธาอย่างเต็มที่ครับ
ผมตามหาประวัติของคุณเล็ก ทั้งจาก หนังสืออนุสรณ์งานศพ และหนังสือ ริมขอบฟ้า อ่านแล้วน่าทึ่งอย่างที่สุดครับ
คุณเล็กเป็นคนที่ทำงานไม่ต้องการชื่อเสียง แต่ต้องการฝากผลงานไว้คู่กับโลกนี้ นับเป็น role model ของผมคนหนึ่งทีเดียวครับ (ทุกครั้งที่ผมรู้สึกท้อ จะนึกถึงผลงานของคุณเล็ก และจิตวิญญาณของท่านในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ทิ้งไว้ให้กับพวกเรา)
ผมได้มีโอกาสขับรถผ่านทุกครั้งที่จะต้องเดินทางไปทางภาคตะวันออก เพราะจากบ้านหนองแขม วิ่งข้ามสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมไปลงแถวบางนา เห็นมาตั้งแต่ยังก่อนสร้างอยู่ จนกระทั่งเสร็จแล้ว ก็คิดว่าเป็นอนุสาวรีย์เฉยๆ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าภายในจะมีอะไรหลายอย่าง สวยงาม อลังการมากๆ อย่างนี้
ขอบคุณพี่ชิวมากครับ ที่ทำให้หูตาผมเบิกกว้างมากขึ้น
สวัสดีครับ อ.อ๊อด
นี่เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายภาพชั้นบาดาลครับ มีงานศิลปะมากมาย
ส่วนชั้นสวรรค์ (อยู่ในบันทึกถัดไป) ก็สงบและงดงามมาก พอดีถ่ายภาพในที่มืดยังไม่เป็น ภาพที่เก็บมาเลยๆ ไม่ค่อยชัดเจน
อาจารย์อ๊อดหาโอกาสพาครอบครัวไปให้ได้นะครับ รอบๆ ตัวอาคารมีสวนเล็กๆ ให้เลี้ยงปลา และมีประติมากรรม สัตว์หิมพานต์ ด้วยครับ (จะนำมาบันทึกในตอนที่ 4 ครับ)