ในการดำเนินงานต่อกลุ่มเป้าหมายงานสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง
ถ้าเราจะถือเอาตามบทบัญญัติในกฎหมาย ว่าเป็น
กลุ่มเป้าหมายแล้ว
การจัดสวัสดิการต่อกลุ่มเป้าหมายในสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ (สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ๙ แห่ง และสถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง ๒ แห่ง) ก็อาจสะท้อนได้จากคำนำบางตอนในหนังสือ "คนไร้ที่พึ่ง คนเร่ร่อน คนขอทาน คนไร้บ้าน : กฎหมาย ระเบียบ บันทึก เครื่องมือ ประสบการณ์และการเรียนรู้ (ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๒)" โดย นายปัญญา ทองดี ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่
ผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้
เชิญทัศนา
------------------------------------------------------------------------------
คำนำ
แม้ข้อ ๖ แห่ง
ระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
ว่าด้วยการสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งในสถานสงเคราะห์ พ.ศ.
๒๕๔๗
จะได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งว่า
ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป มีความสมัครใจ
เป็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย
สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือบกพร่องความสามารถ
ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพ หรือไม่มีรายได้เลี้ยงตนเอง ขาดผู้อุปการะ
หรือผู้ให้ความช่วยเหลือ
ตลอดจนเป็นผู้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในกิจวัตรประจำวัน
ไม่พิการทุพพลภาพจนไม่สามารถดูแลตนเองได้
หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
แต่หากเมื่อพิจารณาถึง มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งระบุว่า เมื่อปรากฏจากการสอบสวนว่า ผู้ใดทำการขอทาน และผู้นั้นเป็นคนชราภาพ หรือเป็นคนวิกลจริต พิการ หรือเป็นคนมีโรค ซึ่งไม่สามารถประกอบการอาชีพอย่างใด และไม่มีทางเลี้ยงชีพอย่างอื่น ทั้งไม่มีญาติมิตรอุปการะเลี้ยงดู ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์ ก็อาจเห็นภาพของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ซึ่งมากไปกว่าการประสบปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ และสังคมในสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง
หรือเมื่อพิจารณาถึงมาตรา ๔๐ และ ๔๑ แห่ง พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ต้องให้บริการผู้ป่วยโรคจิตจากสถานบำบัดรักษาและสถานที่คุมขังเมื่อถึงกำหนดปล่อยตัวแต่ไม่มีผู้ดูแล ตลอดจนประกาศคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดรายชื่อหน่วยงานด้านสถานสงเคราะห์และสวัสดิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่กำหนดให้สถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง สถานสงเคราะห์คนไข้โรคจิตทุเลาบ้านกึ่งวิถี และสถานสงเคราะห์คนไข้โรคจิตทุเลาหญิงบ้านกึ่งวิถี เป็นหน่วยงานที่รับดูแลผู้ป่วยในกรณีที่ไม่มีผู้รับดูแล ก็อาจสะท้อนถึงภาพขยายของกลุ่มเป้าหมายที่กว้างออกไปอีกกลุ่มหนึ่ง
ขณะเดียวกัน สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งก็อาจต้องจัดบริการแก่บุคคลซึ่งเป็นผู้เสียหาย จากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตลอดจนการรับบุคคลผ่านกระบวนการประสานส่งต่อจากหน่วยงาน ที่ให้บริการเชิงสถาบันเนื่องจากมีอายุพ้นเกณฑ์การให้บริการหรือสิ้นสุดกระบวนการให้บริการ ด้านการบำบัดรักษา ก็ยิ่งจะเห็นภาพความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในมิติของสภาพปัญหาและมิติของสภาพการช่วยเหลือตัวเอง
เพราะเหตุดังกล่าว การจัดบริการในสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งที่มากไปกว่าเลี้ยงดู ฟื้นฟู อยู่ในสังคมเอื้ออาทรในสถานสงเคราะห์ จึงได้แก่การทำให้ผู้รับบริการมีสถานะและตัวตนทางสังคมและทางกฎหมาย มีพื้นที่ทางสังคมที่เอื้อต่อการเป็นอยู่และสามารถใช้ศักยภาพในการพึ่งพาตนเองได้ตามสมควรแก่อัตภาพ บนความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมายในสถานสงเคราะห์
ฯลฯ
---------------------------------------------------------
ผมว่าเพียงเท่านี้
ก็อาจทำให้เรามองภาพความยุ่งยากในการดำเนินการแล้วสิครับ
ยุ่งยากกับทั้งในมิติของสภาพปัญหาและมิติของสภาพการช่วยเหลือตัวเอง
ยุ่งยากกับทั้งกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
หลากหลายอย่างบูรณาการ - ถ้าบูรณาการแปลว่ามั่ว แปลว่าคละ แปลว่าผสมปนเป (ฮา)
บางท่านอาจมีคำถามถึง "พระราชกฤษฎีกาควบคุมคนจรจัดและผู้ไม่ประกอบอาชีพ
พ.ศ. ๒๔๘๕" ก็ให้เข้าใจว่า
กฎหมายฉบับดังกล่าวนั้นมิได้มีการพูดถึงในกลุ่มงานสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งแต่อย่างใด
จะเพราะยกเลิกหรือเพราะถูกลืมก็สุดแท้
บางท่านอาจมีคำถามถึง "คนไร้บ้าน" ว่ากฎหมายตัวไหนละ
ไม่เห็นปรากฏ
เอาไว้บันทึกหน้าเรามาดูกันว่า
"ท่าน" ได้มีกฎหมายหรือกลไกใดบ้างหรือไม่ในขณะนี้ ว่าด้วยเรื่อง
"คนไร้บ้าน"
โปรดอย่ารอคอย แต่โปรดติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน
ไม่มีความเห็น