บ่ายวันนี้ อากาศสบายๆ มีผู้รับบริการบางตาเพราะเป็นวันพุธ และทันใดนั้นฉันเห็นผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งเดินถือใบสั่งยาจากห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ด้วยสีหน้าหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ยื่นใบสั่งยาที่ห้องยาเพื่อรับยาแต่ เจ้าหน้าที่ห้องยาก็ให้ติดต่อห้องเก็บเงินก่อนรับยา เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลของมารดาตามขั้นตอน คิ้วขมวดเข้าหากันและมากขึ้นในขณะที่เปิดกระเป๋าดูเงินที่อยู่ในมือ
สักพัก....ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็เดินมาหาข้าพเจ้าและกะนะ(พี่ประชาสัมพันธ์ )และยื่นใบสั่งยาแผ่นนั้นให้กะนะ ข้าพเจ้านั่งมองด้วยใจที่คิดสงสารเพราะรู้ว่าพี่พรรณี ต้อง มีปัญหาค่าใช้จ่าย “ยายพัด” เหมือนทุกครั้ง
พี่พรรณีเป็นลูกสาวคนเดียวที่คอยดูแลแม่ซึ่งป่วยเป็นโรคเรื้อรัง อัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มาตลอด 10 ปี
ยายพัด ใช้สิทธิเบิกต้นสังกัดรัฐวิสาหกิจของบุตรชายซึ่งทำงานสังกัดการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่บุตรชายคนนี้ขาดการติดต่อทางบ้านเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าลูกชายยายพัดอยู่และทำงานที่ไหน......เป็นอย่างไร และไม่รู้จะติดต่อกับใคร......ทุกอย่างมืดมน
หลายๆครั้งที่บุตรสาวขอขึ้นทะเบียนบัตรประกันสุขภาพ แต่จากการตรวจสอบสิทธิก็เป็น ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ เช่นเดิม หากประสงค์ขึ้นทะเบียนบัตรประกันสุขภาพต้องปลดสิทธิเดิมเท่านั้น
ข้าพเจ้าต้องหยุดคิดเมื่อพี่พรรณีเอ่ยขึ้น
“กะนะ.... ช่วยที... พรรณีมีเงินอยู่สองร้อยบาทเอง แต่ค่ายากับอุปกรณ์ทำแผลตั้งหลายร้อย”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพรรณีคอยอยู่ตรงนี้ก่อนนะค่ะ” กะนะกล่าว แล้วกะนะก็เดินหายไปสักครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าคิดว่ากะนะคงไปขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้อำนวยการแน่ๆเลย และจริงดังที่คิดไว้ สักพักกะนะเดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“พรรณี..ท่านผอ.เซ็นต์ฟรีค่ายาน่ะ....พรรณีเอาเงิน 200 บาทไปซื้อแพมเพิร์สให้ยายเถอะจ๊ะ”
“ ขอบคุณมากๆเลยกะนะ...พรรณีมารบกวนทุกเดือนเลยแต่ไม่รู้จะทำยังงัย....” พรรณีน้ำตาคลอซึ้งในน้ำใจที่ได้รับความช่วยเหลือ บ่อยครั้งที่ยายพัดมานอนพักรักษาโรงพยาบาลรามัน ก็มีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาลและท่านผู้อำนวยก็เป็นคนที่ให้ความอนุเคราะห์เสมอมา
ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นยายพัด มารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ข้าพเจ้าสงสารและคิดอยากช่วยและหาแนวทาง ทำอย่างไรถึงจะได้ติดต่อกับบุตรชายยายพัดให้ได้เขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่าแม่ไม่สบาย ก็ได้แต่คิด..คิด.... และคิดมาตลอด จนวันหนึ่งเกิดความคิดและได้ปรึกษาพี่ประชาสัมพันธ์ว่า
“ กะนะ ฟะห์ว่าเราน่าจะหาทางช่วยหาที่อยู่ของบุตรชายของยายพัดดีกว่าไหม ว่ายายเบิกได้จากบุตรชายชื่ออะไร มีเลขบัตรประจำตัวประชาชนอะไร ดีกว่าที่พี่พรรณีต้องมารับผิดชอบ คนเดียว ”
“ก็ดีน้องฟะห์ลองค้นหาเผื่อจะได้แบ่งเบาความทุกข์ของสองแม่ลูกนี้บ้าง”
จากนั้นข้าพเจ้าก็บรรจงค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ไว้สำหรับตรวจสอบสิทธิ หลังจากที่ได้ตรวจสอบข้อมูลสักพักใหญ่ๆเราก็ไดั ข้อมูลเกี่ยวกับลูกชายยายพัดบ้างพอเป็นหนทางแสงสว่างอยู่บ้างและที่สำคัญได้เบอร์โทรศัพท์ หลายเบอร์จากเว็บไซด์การรถไฟแห่งประเทศไทย จากนั้นข้าพเจ้าใม่รอช้าจึงให้ กะนะสุ่มโทรศัพท์ ติดต่อไปหลายเบอร์ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะจากพี่ประชาสัมพันธ์
“สวัสดีค่ะ...ขอโทษน่ะค่ะขอช่วยค้นหาว่าชื่อ....นามสกุล.. ทำงานอยู่สังกัดการรถไฟใดคะ”
แต่ก็ยังไม่สำเร็จสักครั้ง เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์ให้เบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อสถานีหลายสถานีข้าพเจ้าและกะนะก็ไม่ละความพยายามและในวันถัดมา ก็มีเสียงผู้หญิงในโทรศัพท์บอกว่า “ลองติดต่อไปที่สถานีสามเสนนะค่ะ เผื่อว่าจะเจอ..” กะนะไม่รอช้ารีบกดเบอร์ไปที่สถานีรถไฟสามเสนทันที
“สวัสดีค่ะ......(ลากเสียง) โทรจากโรงพยาบาลรามัน อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ไม่ทราบว่าคุณ................ ทำงานสังกัดสถานีสามเสนไหมค่ะ”
เสียงปลายทางตอบว่า “ ไม่ทราบว่าใครโทรมาครับ ”
“ คือดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลรามันนะค่ะ”
เสียงปลายทาง “แล้วมีอะไร”
“คืออยากติดต่อคุณ........ เพราะสงสารมารดามาก มารับยาที่โรงพยาบาลทุกครั้งมีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะค่ะ น้องสาวของคุณ...........ฐานะลำบากมาก เนื่องจากคุณแม่เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพไม่ได้ เพราะมีสิทธิเบิกค่ารักษา และจะเข้าระบบจ่ายตรงก็ไม่ได้อีกเพราะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ”
“ เดี๋ยวผมจะสอบถามข้อมูลให้ครับ” แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไปเลย....................
แต่เราไม่สิ้นหวังยังคงหวังว่าบุตรชายคนนี้คงจะติดต่อมาแน่ๆ เวลาผ่านไป 3 วัน และเช้าวันนั้นเองหัวหน้าของบุตรชายก็โทรมา ซึ่งข้าพเจ้ารับสายพอดี
“สวัสดีครับผมโทรจากสถานีสามเสน ผมเป็นหัวหน้าคุณ........... ครับ ผมเรียกคุณ.......... มาสอบถามแล้วครับ นี้เป็นเบอร์โทรศัพท์ของบุตรชายเค้านะครับ แล้วให้ผมช่วยในเรื่องอะไรบอกเลยครับ”
“คือตอนนี้ยายพัดกำลัง นอนพักรักษาที่โรงพยาบาลรามัน ขอให้ช่วยส่งใบส่งตัว มาที่โรงพยาบาลรามันได้มั้ยค่ะ” ข้าพเจ้าตอบด้วยความดีใจอย่างมาก
“ได้ครับแล้วผมจะส่งให้เร็วที่สุดเลยครับ” ไชโยพี่พรรณีไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว
หลายๆครั้งที่ยายพัดมานอนโรงพยาบาล ทางเราก็โทรประสานเรื่องใบส่งตัว ก็มีหัวหน้า ชื่อวรพงศ์ คงเขาม่วง รับสายและให้ความช่วยเหลือเป็นประจำ และส่งเงินเดือนๆละ1500บาท เพื่อเป็นค่ายากรณีมาเบิกยาแล้วกลับบ้าน
“ผมขอบคุณมากที่ช่วยดูแลคุณแม่ของคนอื่นโดยไม่ได้เป็นอะไรเลย ผมไม่เคยเห็นใครที่คอยช่วยเหลือได้ถึงขนาดนี้” คุณวรพงษ์ กล่าวขณะพูดโทรศัพท์ทางไกลจากกรุงเทพมหานคร
คุณวรพงศ์กล่าวต่ออีกว่าตอนนี้บุตรชายของยายกำลังรับกรรมเกี่ยวกับครอบครัวเขาอยู่นะครับ ดิฉันก็ไม่ได้ถามต่อเป็นเรื่องอะไรเนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกับยายพัดหรือพี่พรรณี ตามที่หัวหน้าวรพงศ์กล่าว แต่จริงแล้วพวกเราเป็นเพื่อนมนุษย์บนโลกใบนี้ที่ทนดูความทุกข์ใจของสองคนแม่ลูกนี้ไม่ได้ อย่างน้อยสิ่งที่เราได้ทำให้คงจะช่วยให้ชีวิตสองคนนี้ดีขึ้นบ้างและคงเป็นความสุขใจของแม่...ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ยายพัดที่แม้จะป่วยเรื้อรัง แต่ยายพัดก็ได้รับความช่วยเหลือจากหลายคน อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่าสังคมไทยยังมีอะไรดีดีอีกมาก ขอบคุณคุณ SHAและเจ้าหน้าที่ รพ.รามัน และคุณวรพงษ์ (สถานีรถไฟสามเสน)ที่ไม่ละเลย,ดูดายว่าธุระไม่ใช่ ให้ความช่วยเหลือจนสำเร็จ โลกสวยด้วยมือเรา สังคมจะดีขึ้นหากเราช่วยกัน
เป็นกำลังใจค่ะ
บันทึกอีกนะคะ
สวัสดีค่ะ พี่ยา
ล่วงหน้าไปก่อนแล้วนะคะ ตามไม่ทันเลย
เจอกันที่หาดใหญ่นะคะ กับ OM
ขอบคุณน่ะค่ะ..
จากทุกกำลังใจที่ได้รับ..จะพยายามเขียนเรื่องเล่าดีดีที่เกิดขึ้น
ให้อีก..ในโอกาสต่อไป
ขอบคูณมากมากค่ะ
sharaman
อ่านแล้วรู้สึกดีมากค่ะ
ซึ้งๆ ครับ บริการด้วยใจของความเป็นมนุษย์
ผลแห่งความดีจะลงไปสู่ทุกๆคนที่ทำความดี
ขอชื่นชม ครับ