... ภาพที่ 1: แสดงเส้นใยภายในเนื้อเยื่อปริทนต์ (เนื้อเยื่อระหว่างโคนฟัน-เหงือก-เบ้าหลุมร่องฟันของกระดูกขากรรไกร) > Thank [ nagoya-u ] เนื้อเยื่อนี้มีลักษณะเป็นตะแกรง (grid) คล้ายมุ้งลวดหรือผ้าก๊อซ ช่วยยึดโยงฟันไว้ไม่ให้หลุดออกจากเบ้า เปรียบคล้ายเสาวิทยุที่อาศัยลวดสลิงยึดไว้ทุกทิศทุกทาง ... ถ้าเสาวิทยุขาดลวดสลิงจะล้มง่าย ถ้าฟันขาดเส้นใยยึดโยงจะโยกคลอน และหลุดง่าย ... ภาพที่ 2: แสดงเนื้อเยื่อยึดโคนฟัน (ปริทนต์) ที่มีสุขภาพดี > Thank [ jp.sunstar ] แท่งสีทองแนวตั้งทางซ้ายคือแกนในของฟัน ส่วนบนเคลือบด้วยอีนาเมล (enamel) หรือเคลือบฟัน ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่แข็งที่สุดในร่างกาย เสาสีเทาแนวตั้ง (รูปร่างคล้าย คสล. หรือคอนกรีตเสริมเหล็ก = เส้นใยสีดำ) ตรงกลาง คือ กระดูกขากรรไกรที่รองรับฟัน > Thank [ jp.sunstar ] ... แถบสีแดงเข้มคือ เหงือกชั้นนอก, แถลสีชมพูคือ เหงือกชั้นใน พระเอกของเราตอนนี้คือ เส้นใย ไฟเบอร์ หรือลวดสลิงยึดโยงฟันที่เห็นเป็นเส้นๆ ซึ่งทำหน้าที่ยึดฟันให้แข็งแรง ไม่โยกคลอนหรือหลุดง่าย ... เบ้ารองรับฟันในกระดูกขากรรไกรมีลักษณะเป็นหลุม หรือเบ้าคล้ายครก และมีฟัน ซึ่งเปรียบคล้ายสากวางลงไปหลวมๆ ความแข็งแรงจริงๆ ขึ้นอยู่กับเจ้าลวดสลิง เส้นใย หรือไฟเบอร์ (ตะแกรง) รอบๆ เนื้อเยื่อรอบโคนฟันที่มีเจ้าลวดสลิงยึดโยงนี้รวมเรียกว่า "ปริทนต์ (ปริ = รอบๆ; ทนต์ = ฟัน; ปริทนต์ = เนื้อเยื่อรอบโคนฟันซึ่งประกอบด้วยเหงือก หลอดเลือด ลวดสลิงหรือเส้นใยยึดโคนฟัน) ... ภาพที่ 3: ปริทนต์อักเสบระยะแรก > Thank [ jp.sunstar ] เหงือกอักเสบที่ลงลึกจากชั้นพื้นผิวมาสู่เนื้อเยื่อปริทนต์รอบๆ โคนฟันทำให้เกิดการอักเสบ มีการทำลายลวดสลิงที่ยึดโคนฟัน (เส้นใยสีดำ) ให้น้อยลง เหงือกร่นสึกลงไป ... ภาพที่ 4: ปริทนต์อักเสบระยะกลาง จะทำให้เหงือกสึกมากขึ้น เส้นใยยึดโยงหรือเจ้าลวดสลิงหายไปมากขึ้น > Thank [ jp.sunstar ] ... ภาพที่ 5: ปริทนต์อักเสบระยะท้ายๆ เหงือกสึกร่นมาก เส้นใยยึดโยงหรือเจ้าลวดสลิงสีดำหายไปเกือบหมด ถึงตรงนี้ฟันจะโยกคลอน หรือหลุดได้ง่าย > Thank [ jp.sunstar ] ... > Thank [ baystate ] ภาพที่ 6: แสดงแนวเหงือกที่มีสุขภาพดี > Thank [ baystate ] ... ภาพที่ 7: ภาพแสดงเหงือกร่นต่ำลงหลังมีปริทนต์อักเสบนานๆ ทำให้ลวดสลิง หรือเส้นใยยึดโคนฟันลดน้อยลง ความแข็งแรงของฟันจะลดลง ฟันโยกหรือหลุดง่ายขึ้น > Thank [ baystate ] ... ................................................................. ฟันของคนเราเปรียบคล้ายเสาวิทยุที่บอบบาง ทว่า... ตั้งอยู่ได้ด้วยแรงยึดโยงจากลวดสลิงรอบทิศทาง ลวดสลิงขนาดจิ๋วที่ยึดโยง และพยุงฟันไว้ไม่ให้หลุด เรียกว่า "ปริทนต์" นี้ถ้าเหงือกอักเสบ และร่นถอยลึกลงไปมากๆ จะทำให้ฟันหลุดได้ แม้จะตั้งอยู่บนกระดูกขากรรไกร ... นั่นคือ ความแข็งแรงของฟันจริงๆ แล้วอยู่กับเหงือก และลวดสลิง หรือเนื้อเยื่อยึดโยงโคนฟัน การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า โรคปริทนต์อักเสบ (เหงือกที่อยู่รอบโคนฟัน = periontitis) และเหงือกอักเสบ (หมายถึงเหงือกที่ไม่ได้อยู่รอบโคนฟัน = gingivitis) ปล่อยสารเคมีก่อการร้ายเข้าไปในกระแสเลือด ... สารเคมีก่อการร้ายเหล่านี้มีส่วนทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ ทำให้หลอดเลือดตีบตัน หรือเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อ.ดร.มาริโอ เคลอริซิ (Mario Clerici) และคณะ แห่งมหาวทยาลัยมิลาน (Milan) อิตาลี ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่มีสุขภาพดี อายุ 38-57 ปี จำนวน 35 คน แต่มีเหงือกอักเสบอย่างอ่อนจนถึงปานกลาง ... อาการสำคัญของเหงือกอักเสบ-ปริทนต์อักเสบได้แก่ เลือดออกง่าย โดยเฉพาะเวลาแปรงฟัน, เจ็บเหงือก, และปากเหม็น กลุ่มตัวอย่างจะได้รับการรักษาด้วยการทำความสะอาดฟัน (เช่น ขูดหินปูน ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ โคนฟัน ฯลฯ) ติดตามไปจนถึง 1 ปี ... ผลการศึกษาพบว่า แบคทีเรียวายร้ายที่ทำให้เหงือกอักเสบ ปริทนต์อักเสบมีชื่อว่า เจ้า 'porphyromonas gingivalis' เป็นตัวการหลัก หรือหัวโจก นอกจากนั้นยังพบว่า โปรตินผิดปกติบนผนังหลอดเลือดกับเหงือกอักเสบ-ปริทนต์อักเสบเป็นโปรตีนชนิดเดียวกัน (C-reactive protein / CRP) ... เมื่อโรคเหงือกอักเสบ-ปริทนต์อักเสบดีขึ้นพบว่า เจ้าสารก่อการร้าย (CRP) ลดลง แถมความหนาของผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ (carotid artery wall) ก็ลดลง 20% ซึ่งบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ว่า หลอดเลือดแดงที่อื่นๆ น่าจะดีขึ้นด้วย การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า เหงือกอักเสบเพิ่มเสี่ยงโอกาสเด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กแรกเกิดน้ำหนักตัวต่ำ เบาหวาน และการมีลูกยาก ... การศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกเริ่ม จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนหรือคัดค้านต่อไป ทว่า... บอกเราว่า สุขภาพช่องปากน่าจะมีผลต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจมากกว่าที่คิด เรื่องที่พวกเราควรรู้คือ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นวิธีที่ดีมาก แต่ทำความสะอาดผิวฟันได้ไม่เต็ม 100% คือ ทำความสะอาดผิวฟันได้ประมาณ 60-70% ... ถ้าต้องการทำความสะอาดผิวฟันให้ดียิ่งขึ้น... ควรฝึกใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธีวันละ 1 ครั้ง, แปรงลิ้น (การแปรงลิ้นช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก) วันละ 1 ครั้ง, ตรวจช่องปากกับอาจารย์หมอฟันทุกๆ 6-12 เดือน ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ ... > Thank [ MailOnline ] , [ nagoya-u ] , [ jp.sunstar ] , > [ baystate ] ที่มา
ไม่มีความเห็น