ในร่างกฎกระทรวงข้อ ๑ ที่กล่าวถึงคำนิยามของหนังสือฯ การดูแลรักษา และภาวะต่างๆตามพ.ร.บ.ฉบับนี้
“หนังสือแสดงเจตนา” หมายความว่า หนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าของบุคคลผู้ทำหนังสือ
แสดงเจตนาที่ไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต
หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย โดยให้มีผลเมื่อผู้ทำหนังสืออยู่ในภาวะที่ไม่อาจจะแสดงเจตนาด้วยตนเองได้ โดยวิธีสื่อสารตามปกติ
“บริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการ
ทรมานจากการเจ็บป่วย” หมายความว่า วิธีการทางการแพทย์หรือวิธีการอื่นใด ที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตัดสินใจนำมาใช้กับผู้ทำหนังสือแสดงเจตนา เพื่อวัตถุประสงค์จะยืดการตายออกไป โดยไม่ทำให้ผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาพ้นไปจากความตาย หรือพ้นจากการทรมานโดยสิ้นเชิงได้ โดยรวมถึงการช่วยการหายใจ การให้ยาเพิ่มหรือลดความดันโลหิตและชีพจรชั่วคราว การถ่ายเลือด การล้างไต และวิธีการอื่นทำนองเดียวกัน แต่ไม่รวมถึงการให้ยาหรือวิธีการใดที่จะระงับความเจ็บปวดเฉพาะคราว
“วาระสุดท้ายของชีวิต” หมายความว่า ภาวะของผู้ทำหนังสือแสดงเจตนาอันเกิดจากการ
บาดเจ็บหรือโรค ที่ไม่อาจจะรักษาให้หายได้และจากการพยากรณ์โรคตามมาตรฐานทั่วไปในทางวิชาชีพ
เห็นว่า ภาวะนั้นจะนำไปสู่การตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน และให้รวมถึงภาวะที่ผู้ป่วยอยู่
ในสภาพผักถาวรด้วย
“สภาพผักถาวร” หมายความว่า ภาวะของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยตามมาตรฐานทาง
วิชาการแพทย์ว่า มีการสูญเสียหน้าที่อย่างถาวรของเปลือกสมองใหญ่ ที่ทำให้ขาดความสามารถในการรับรู้และติดต่อสื่อสารอย่างยาวนานและถาวร โดยปราศจากพฤติกรรมการตอบสนองใดๆ ที่แสดงถึงการรับรู้ได้จะมีก็เพียงปฏิกิริยาสนองตอบอัตโนมัติเท่านั้น
“การทรมานจากการเจ็บป่วย” หมายความว่า ความทุกข์ทรมานทางกาย ทางจิตใจของผู้ทำหนังสือแสดงเจตนา อันเกิดจากการบาดเจ็บหรือโรคที่ไม่อาจรักษาให้ผู้ป่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่จะทำให้ความทุกข์ทรมานดังกล่าวลดน้อยลงพอที่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น หรือหายจากการบาดเจ็บหรือโรคนั้น
ได้ เช่น การเป็นอัมพาตสิ้นเชิงตั้งแต่คอลงไป โรคสมองเสื่อม โรคที่มีความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและ
ข้อที่มีสาเหตุจากความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น
ผมคิดว่า ร่างกฏกระทรวงฉบับนี้ เขียนขึ้นอย่างรัดกุมและครอบคลุม โดยเฉพาะการรวมเอา สภาพผักถาวร และ การทรมานจากการเจ็บป่วยทั้งทางกายและจิตใจ เอาไว้อย่างชัดเจน
ผมเองไม่ทราบวิธีการเขียนภาษากฏหมาย ซึ่งคงจะต้องมีการตีความกัน แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ตัวหนังสือมันชัดเจนขึ้นใน ๒ ประเด็น
๑. ควรเขียนให้ชัดเจนไปเลยในประโยคสุดท้ายของย่อหน้าที่ ๒ ว่า แต่ไม่รวมถึงการให้ยาหรือวิธีการใดที่จะระงับความเจ็บปวดหรืออาการทุกข์ทรมานอื่นๆเฉพาะคราว ซึ่งจะครอบคลุมการดูแลแบบประคับประคอง คือ palliative care มากกว่าการจัดการเฉพาะเรื่องความเจ็บปวด หรือ pain management เท่านั้น
คนไข้บางคนไม่กลัวเรื่องเจ็บเรื่องปวดเท่าไร และสามารถใช้ความปวดที่ไม่รุนแรงเป็นเครื่องเตือนสติให้เข้าใจกฏแห่งธรรมชาติ แต่เขาอาจจะกลัวอาการเหนื่อยหอบ ราวกับกำลังจมน้ำและไม่มีใครช่วย
๒. ประโยคดังกล่าว เป็นประโยคที่แสดง การตัดออก แต่ผมคิดว่า การดูแลแบบประคับประคอง ต้องเป็น ข้อแม้หนึ่ง สิ่งที่จำเป็นต้องมี ต้องจัดการให้คนไข้ก่อน สิทธิที่พึงได้ จึงจะใช้สิทธิตามหนังสือฯที่ทำขึ้นได้
ผมกลัวอะไร
ผมกลัวว่า ในสถานการณ์ของประเทศไทยตอนนี้ ต้องยอมรับครับว่า ระบบบริการการดูแลแบบประคับประคอง หรือ palliative care ยังถือว่า เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่ดีนัก คนไข้ของเราจำนวนมากยังต้องทนอยู่ในสภาพทุกข์ทรมานขาดการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ถ้าคนเหล่านี้ทำหนังสือแสดงเจตนาฯ แล้วผู้ดูแลทั้งบุคลากรสุขภาพและครอบครัวก็ละเลย ว่ากันตามตัวหนังสืออย่างเดียว อันตรายจะเกิดขึ้นได้
สามารถอ่านรายละเอียดของพ.ร.บ. กฏกระทรวง และโครงการเพิ่มเติมได้ ที่นี่
อาจา่รย์คะ เข้าไปดู แล้วก็ bookmarks ไว้แล้วค่ะ
เป็นเพียงศัพท์และวลีบางคำเท่านั้นเองค่ะ ที่ต้องทำความเข้าใจค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ผมกลัวว่า ในสถานการณ์ของประเทศไทยตอนนี้ ต้องยอมรับครับว่า ระบบการบริการการดูแลแบบประคับประคอง หรือ palliative care ยังถือว่า เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่ดีนัก คนไข้ของเราจำนวนมากยังต้องทนอยู่ในสภาพทุกข์ทรมานขาดการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ถ้าคนเหล่านี้ทำหนังสือแสดงเจตนาฯ แล้วผู้ดูแลทั้งบุคลากรสุขภาพและครอบครัวก็ละเลย ว่ากันตามตัวหนังสืออย่างเดียว อันตรายจะเกิดขึ้นได้