วิจัยเพื่อพัฒนาสถาบันและพัฒนาบุคลากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) องค์ความรู้ที่ได้จากการถ่ายทอดทางเว็บบล็อก : กรณีศึกษานิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) Knowledge management via weblog case study : Students Mahasarakham university
หัวหน้าโครงการวิจัย/ ผู้ช่วยวิจัย/ พี่เลี้ยงนักวิจัย
ผู้รับทุน (หัวหน้าโครงการวิจัย) นายธานินทร์ หงษา
ผู้ช่วยวิจัย นางสาวศิริพร พร้อมจันทึก
พี่เลี้ยงนักวิจัย (Mentor) นายธวัชวงศ์ ลาวัลย์
ความสำคัญและที่มาของปัญหาที่ทำการวิจัย
ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่สำคัญ คือ การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Technology) โดยสมบูรณ์ กล่าวคือคอมพิวเตอร์ถูกนำมาผสมผสานกับระบบเครือข่าย (Network Technology) ให้สามารถสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลต่าง ๆ ได้ โดยมีการพัฒนาและนำมาประยุกต์ใช้กับการสื่อสารแทบทุกด้าน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต วิธีการทำงาน การเรียนรู้ ตลอดจนการติดต่อสื่อสาร และความเพลิดเพลินในชีวิต รวมถึงการก่อให้เกิดการพัฒนางานด้านอื่น ๆ อีกมาก อาทิด้านการศึกษา ด้านธุรกิจ และด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ทำให้ตลาดคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
จากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งในด้านการรับรู้และการเรียนรู้ สอดคล้องกับการสื่อสารในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นยุคของ web 2.0 กล่าวได้ว่าเป็นยุคของการแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) อย่างไรก็ตามด้วยข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่เป็นจำนวนมากจึงส่งผลต่อการบริโภคข้อมูลที่ไม่เป็นระบบ การพัฒนาในการจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management) จึงเป็นส่วนสำคัญในการจัดระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อการสร้างองค์ความรู้เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้บุคคลและองค์กรประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของยุคปัจจุบันและต่อไปในอนาคตเพราะสังคมได้กลายเป็นสังคมเศรฐกิจฐานความรู้ (knowledge based society) ที่ทุกคลในสังคมจะต้องมีความสามารถในการนำความรู้มาสร้างนวัตกรรม (innovation) สำหรับใช้เป็นพลังในการขับเคลื่อนในการพัฒนาตนเองและสังคม ดังที่ ประเวศ วะสี (2545) ได้ให้หลักการ “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” สำหรับใช้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ยากว่าจพะต้องดำเนินการ 3 เรื่องไปพร้อม ๆ กัน คือ การสร้างความรู้ การนำความรู้ไปเคลื่อนไหวสังคม และเชื่อมโยงความรู้และความเคลื่อนไหวสังคมกับการดำเนินการทางการเมืองเพื่อเพื่อเคลื่อนไหวในเชิงระบบ เชิงกติกาสังคม (กฎหมาย) หรือเชิงโครงสร้าง
ซึ่งการจัดการความรู้เป็นกิจกรรมที่ซับซ้อนและกว้างขวางดังที่ วิจารณ์ พานิช (2545) ได้ให้ความหมายไว้ว่า การจัดการความรู้ หมายรวมถึง การรวบรวม การจัดระบบ การจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูลเพื่อสร้างเป็นความรู้ เทคโนโลยีด้านข้อมูลและด้านคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มพลังในการจัดการความรู้ แต่เทคโนโลยีด้านข้อมูลและคอมพิวเตอร์โดยตัวของมันเองไม่ใช่การจัดการความรู้ สอดคล้องกับ ประเวศ วะสี (2545) ได้กล่าวไว้ว่า การจัดการความรู้ หมายถึง การเชื่อมต่อความรู้ ข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้ และการปฏิบัติให้เกิดผลดี ดังนั้นการจัดการความรู้จะประสบผลสำเร็จได้จะต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการความรู้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อสาร (Communication Technology) เทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานร่วมกัน (Collaboration Technology) และเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บความรู้ (Storage Technology) ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าการจัดการความรู้เป็นกิจกรรมที่กระทำอย่างเป็นกระบวนการเกี่ยวข้องกับการแปลข้อมูล (Data) เป็นสารสนเทศ (Information) แปลสารสนเทศเป็นความรู้ (Knowledge) และใช้ความรู้เพื่อปฏิบัติการณ์ (Wisdom) ทั้งนี้เพื่อให้ความรู้ทั้งหมดได้รับการจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่สำเร็จรูปพร้อมที่จะใช้งานได้ทันที โดยการผ่านกระบวนการที่สำคัญดังต่อไปนี้ การค้นคว้าและรวบรวมความรู้ การจัดหมวดหมู่ความรู้ การจัดเก็บความรู้ การสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ การจัดกิจกรรมและกระบวนการเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อยกระดับความรู้ การสร้างความรู้ใหม่ การประยุกต์ใช้ความรู้ ร่วมถึงการเรียนรู้จากการใช้ความรู้นั่นเอง
จากข้อมูลเบื้องต้นเมื่อพิจารณา เว็บบล็อก (weblog) นับได้ว่าสามารถเป็นเครื่องมือที่สำคัญของการสื่อสารในยุคปัจจุบันซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา และเป็นช่องทางการสื่อสารที่ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถพัฒนาได้ด้วยตนเอง มีความสะดวกต่อการใช้งาน จึงนับได้ว่าเป็นสื่อที่มีประโยชน์ต่อการนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้สำหรับการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ โดยเฉพาะการเรียนการสอนที่จะต้องมีการพึ่งพากันในการแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเป็นการสร้างสรรค์ความคิดให้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้การใช้เว็บบล็อก (weblog) จึงสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ การนำเสนอผลงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานและการพัฒนาองค์ความรู้ผ่านรูปแบบสังคมออนไลน์ (Social Online) ผ่านช่องทางที่ผู้เรียนมีความสนใจอยู่เป็นพื้นฐาน
จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเห็นว่าเว็บบล็อก (weblog) มีขยายตัวอย่างรวดเร็วในการให้บริการผ่านระบบเครือข่ายมากขึ้นในปัจจุบัน และด้วยคุณสมบัติที่ดีหลายประการที่จะช่วยเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่องค์ความรู้ของแต่ละบุคคล และสามารถนำมาจัดการความรู้ของตนเองได้เป็นอย่างดี ผู้วิจัยจึงมีความสนใจทำการวิจัยเรื่อง องค์ความรู้ที่ได้จากการถ่ายทอดทางเว็บบล็อก (weblog) : กรณีศึกษานิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อมุ่งเน้นที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีทางเว็บบล็อก (weblog) เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการความรู้และเผยแพร่ความรู้ ในการเรียนการสอน และศึกษาความพึงพอใจ ผลที่ได้รับจากการการรับรู้ การถ่ายทอดความรู้ และการจัดการความรู้ของผู้เรียน ซึ่งผลของการวิจัยในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการเรียนการสอนอีกแนวทางหนึ่งในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมในการจัดการความรู้ การเรียนรู้ และการถ่ายทอดความรู้ ผ่านทางเว็บบล็อก (weblog) ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจเกี่ยวกับการจัดการความรู้ การเรียนรู้ และการถ่ายทอดความรู้ ผ่านทางเว็บบล็อก (weblog) ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีเว็บบล็อก (weblog) เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ขั้นตอนการดำเนินงาน/ระเบียบวิธีวิจัย
1. กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นิสิตระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีการศึกษา 2551 จำนวน 1,200 คน
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นิสิตระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีการศึกษา 2551 จำนวน 291 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางขนาดตัวอย่างของ Krejcie และ Morgan
3. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวกับการถ่ายทอดความรู้ทางเว็บบล็อก (weblog) สำหรับนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
4. การวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษาครั้งนี้วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อแจกแจงความถี่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ
1) ความรู้ที่ได้รับการการถ่ายทอดทางทางเว็บบล็อก (weblog)
ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ
1) ได้แนวทางในการส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้ผ่านทางเว็บบล็อก (weblog) และแนวทางในการจัดการเนื้อหาความรู้ เพื่อใช้พัฒนาการเรียนการสอน ให้กับนิสิต บุคลากรภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย ของศูนย์พัฒนาทรัพยากรการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคามให้มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความเห็น