สถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของ นางสาวฮงผิง ยิว
--------------------------------------------------------------------------------------------
-
นางสาวฮงผิง ยิว เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๔
-
ปัจจุบัน อายุ ๑๖ ปี ๑๑ เดือน
------------------------------------------
สถานที่เกิดของนางสาวฮงผิง ยิว
------------------------------------------
-
เกิดที่สถานพยาบาลนันอาและโพลีคลินิก เลขที่ ๓๒๓ ถ.ประชาธิปก แขวงสมเด็จฯ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารที่รัฐไทยออกให้เพื่อรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของนางสาวฮงผิง ยิว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-
สูติบัตร (ท.ร.๓ ตอน ๑ เลขที่ ๐๓๘๕๑๒๑๙๕๖๒๓ ) ออกโดย ออกโดยสำนักทะเบียนเขตคลองสาน เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๔
-
ทะเบียนบ้าน ท.ร.๑๓ โดยมีเลขรหัสประจำบ้าน ๑๐๒๑-๐๒๔๖xx-x และเลขประจำตัวประชาชน คือ ๗-๑๐๑๘-๐๐๐๑๑-xx-x
---------------------------------------
ภูมิลำเนาของนางสาวฮงผิง ยิว
---------------------------------------
-
เลขที่ ๓๘/๑๗๗ ซอยสุขสวัสดิ์ ๒ ถ.สุขสวัสดิ์ แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพ
--------------------------------------------------------------------------------------
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด ของนางสาวฮงผิง ยิว
--------------------------------------------------------------------------------------
-
บิดา ชื่อนายยัตฮง ยิว สัญชาติ จีน (ปรากฎตามสูติบัตร (ท.ร.๓ ตอน ๑) )
-
มารดา ชื่อนางลี่ผิง จัง สัญชาติ จีน (ปรากฎตามสูติบัตร (ท.ร.๓ ตอน ๑) )
---------------------------------------------------------------------
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบิดาบุญธรรม ของนางสาวฮงผิง ยิว
---------------------------------------------------------------------
-
บิดาบุญธรรมมีชื่อปรากฎตามเอกสารราชการ คือ นายธนพนธ์ ชวแสงกุล หรือชื่อเดิมคือ นาย กัวชุน ชัง
-
นายธนพนธ์เป็นบุตรของ นายโปเซาให่ กับนางเซียอี้เม่
-
เกิดเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๘ ณ เมืองซิน จู๋ ประเทศไต้หวัน
-
ได้เดินทางจากประเทศไต้หวันเข้ามาในประเทศไทย เมื่อพ.ศ.๒๕๑๓ โดยเข้ามาอาศัยอยู่ที่เขตคลองเตย
-
จากนั้นนายธนพนธ์ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ชั่วคราวตามกฎหมายคนเข้าเมือง โดยได้รับอนุญาตให้เพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านคนอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เมื่อวันที่.......... โดยสำนักงานเขต.......... และมีเลขประจำตัวประชาชน คือ ...............................................
-
และได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทย ปรากฎตามใบแทนหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๖๒ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
-
หลังจากได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทยแล้วนายธนพนธ์ได้รับการกำหนดเลขประจำตัวประชาชนใหม่ เป็น ๘-๑๐๓๕-๐๐๐๐๐-xx-x และได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน ทร.๑๔ มีเลขรหัสประจำบ้าน ๑๐๒๑-๐๒๔๖xx-x
-
ปรากฎหลักฐานความเป็นบิดามารดาบุญธรรมตามคำพิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง คดีหมายเลขแดงที่ ๗๓/๒๕๔๓ และคดีหมายเลขแดงที่ ๓๒๖/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๓ อนุญาตให้นายธนพนธ์รับเด็กหญิงฮงผิงเป็นบุตรบุญธรรมได้ แทนบุพการีซึ่งหาตัวไม่พบ และปรากฎตามทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ของเด็กหญิงฮงผิง ยิว ออกให้เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๔ โดยสำนักทะเบียนเขตจอมทอง กรุงเทพ
-
ปัจจุบันนายธนพนธ์ ประกอบธุรกิจส่วนตัว
------------------------------------------------------------------------
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมารดาบุญธรรม ของนางสาวฮงผิง ยิว
------------------------------------------------------------------------
-
มารดาบุญธรรมมีชื่อปรากฎตามเอกสารราชการ คือ นางสาธิมา หรือสุภนิดา ชวแสงกุล หรือชื่อเดิมคือ นางจัว เว่ย ซิ่ว เหยียน
-
เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ ณ ประเทศไต้หวัน
-
ได้เดินทางจากประเทศไต้หวันเข้ามาในประเทศไทย เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๖ โดยเข้ามาอาศัยอยู่ที่เขตคลองเตย
-
จากนั้นนางสาธิมา ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ชั่วคราวตามกฎหมายคนเข้าเมือง โดยได้รับอนุญาตให้เพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านคนอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เมื่อวันที่.......... โดยสำนักงานเขต.......... และมีเลขประจำตัวประชาชน คือ ...............................................
-
และได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทย ปรากฎตามใบแทนหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนพิเศษ ๑๔๐ง ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๐
-
หลังจากได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทยแล้วนางสุภนิดาได้รับการกำหนดเลขประจำตัวประชาชนใหม่ เป็น ๘……………………….. และได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน ทร.๑๔ มีเลขรหัสประจำบ้าน ๑๐๒๑-๐๒๔๖xx-x
-
ปรากฎหลักฐานความเป็นบิดามารดาบุญธรรมตามคำพิพากษาศาลเยาวชนและครอบคัรวกลาง คดีหมายเลขแดงที่ ๗๓/๒๕๔๓ และคดีหมายเลขแดงที่ ๓๒๖/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๓ อนุญาตให้นายธนพนธ์รับเด็กหญิงฮงผิงเป็นบุตรบุญธรรมได้ แทนบุพการีซึ่งหาตัวไม่พบ และปรากฎตามทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ของเด็กหญิงฮงผิง ยิว ออกให้เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๔ โดยสำนักทะเบียนเขตจอมทอง กรุงเทพ
· ปัจจุบันนางสาธิมา ประกอบอาชีพแม่บ้าน
----------------------------------------
การศึกษาของนางสาวฮงผิง ยิว
----------------------------------------
-
ศึกษาชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ ๔ ณ โรงเรียนสมรรถภาพวิทยา
-
จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนสารสาสน์สุขสวัสดิ์
-
จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนโกศลภัทรวิทย์ หรือโรงเรียนภัทรภักดี
-
ปัจจุบันกำลังศึกษาชั้นมัธยมปลาย ณ โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม
-----------------------------------------------------------------
สถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของนางสาวฮงผิง ยิว
-----------------------------------------------------------------
-
เมื่อเกิด ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๔ นางสาวฮงผิง ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามหลักบุคคล(สายโลหิต) เนื่องจากบิดามารดาเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย และ ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามหลักดินแดน ตามมาตรา ๗ (๓) แห่ง พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ เพราะตกอยู่ภายใต้ข้อ ๒ แห่ง ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕ เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าวผู้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และได้รับสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย
-
นอกจากนั้น ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๕ นางสาวฮงผิง ยังตกอยู่ภายใต้มาตรา ๗ ทวิ วรรค ๓ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อันทำให้ นางสาวฮงผิง ถูกถือเป็น “ผู้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง” แม้โดยข้อเท็จจริงแล้วนางสาวฮงผิงเกิดในประเทศไทย
-
แต่นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นมา นางสาวฮงผิง ได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ แห่ง พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ เนื่องจากนางสาวฮงผิง เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๒๓ กล่าวคือ (๑) เป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทยแต่ไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ (๒) มีชื่อในทะเบียนราษฎรของประเทศไทย และ (๓) มีความประพฤติดี
-----------------------------------------------------------------
เหตุใดนางสาวฮงผิง ยิว จึงกลายเป็นคนไร้สัญชาติ ?
-----------------------------------------------------------------
-
จากข้อเท็จจริง จะเห็นว่า นางสาวฮงผิง อาจมีจุดเกาะเกี่ยวกับ ๓ ประเทศ คือ ประเทศจีน ประเทศไต้หวัน และประเทศไทย
-
ประเทศจีน ย่อมมีความสัมพันธ์กับบิดามารดา ของนางสาวฮงผิง เนื่องจากบุคคลดังกล่าวถูกเชื่อว่ามีสัญชาติจีนตามหลักฐานการรับแจ้งเกิดของนางสาวฮงผิง แต่ในปัจจุบัน ประเทศจีนก็ขาดความสัมพันธ์กับ นางสาวฮงผิง จนไม่อาจพิสูจน์ตนได้ว่า ตนสืบเชื้อสายมาจากคนสัญชาติจีนจากรัฐจีน ดังนั้นนางสาวฮงผิง จึงไม่อาจได้รับการรับรองจากประเทศจีนในฐานะคนสัญชาติจีน
-
ประเทศไต้หวัน ย่อมมีความสัมพันธ์กับบิดามารดาบุญธรรม ของนางสาวฮงผิง เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีสัญชาติไต้หวันตามหลักฐานการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และตามหลักฐานการขอแปลงสัญชาติ อย่างไรก็ดีแม้นางสาวฮงผิงจะขอเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรของบิดาบุญธรรมประเทศไต้หวัน แต่การขอเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรไต้หวันและการร้องขอสัญชาติไต้หวันก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิต เนื่องจากนางสาวฮงผิง อาศัยอยู่จริงในประเทศไทยมาโดยตลอด
-
ประเทศไทย ย่อมมีความสัมพันธ์กับนางสาวฮงผิง อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากนางสาวฮงผิงเกิด เติบโต และเรียนหนังสือในประเทศไทยมาโดยตลอด นับเป็นระยะเวลากว่า ๑๖ ปี และเป็นบุตรบุญธรรมของครอบครัวคนสัญชาติไทย นอกจากนี้ การที่รัฐไทยบันทึกชื่อของนางสาวฮงผิง ในทะเบียนบ้าน ทร.๑๓ ในสถานะ “คนต่างด้าว” ย่อมมีผลขจัดความไร้รัฐให้แก่นางสาวฮงผิง ดังนั้น นางสาวฮงผิงจึงมีรัฐไทยเป็นรัฐเจ้าของตัวบุคคล
-
อย่างไรก็ดี ปรากฏว่านางสาวฮงผิง ยังไม่อาจได้สัญชาติไทย ก่อนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ แม้เกิดในประเทศไทย ดังนั้น นางสาวฮงผิง ยิว จึงตกเป็น “อดีตคนไร้สัญชาติ” โดยข้อกฎหมาย เพราะไม่มีรัฐใดเลยบนโลกยอมรับนางสาวฮงผิง ยิว ในสถานะ “คนชาติ”
-----------------------------------------------------------------
แนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาให้แก่นางสาวฮงผิง ยิว
-----------------------------------------------------------------
· เนื่องจากนางสาวฮงผิง ยิว ได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ วรรค ๑ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ อันเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้เป็นต้นมา นางสาวฮงผิง ยิว จึงไม่มีสถานะเป็นคนไร้สัญชาติอีกต่อไป
· และโดยมาตรา ๒๓ วรรค ๒ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ นางสาวฮงผิง ยิว ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรนับแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑ กล่าวคือ ๙๐ วันนับแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ในราชกิจจานุเบกษา
· และโดยมาตรา ๒๓ วรรค ๒ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ นี้ นายทะเบียนแห่งท้องที่ที่รับคำขอจึงต้องทำหน้าที่เพิ่มชื่อนางสาวฮงผิง ยิว ในสถานะ “คนสัญชาติไทย” ในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔)
· ทั้งนี้ วิธีการที่นายทะเบียนแห่งท้องที่ที่รับคำขอจะต้องปฏิบัติในการลงรายการสัญชาติไทยให้แก่นางสาวฮงผิง ยิว ย่อมจะต้องเป็นไปตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ ๐๓๐๙.๑/ว๑๕๘๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ และหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ ๐๓๐๙.๑/ว๙๔๘๙ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑เรื่องการขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามมาตรา ๒๓ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ จะเห็นว่า โดยตารางแนบท้ายหนังสือสั่งการที่ ๐๓๐๙.๑/ว๑๕๘๗ นางสาวฮงผิง ยิว ย่อมมีสถานะเป็น “บุคคลที่ไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ กลุ่มที่ ๒” อันทำให้มีสถานะเป็นบุคคลเป้าหมายของมาตรา ๒๓ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑
· และในแง่คุณสมบัติของความเป็นคนที่มีคุณประโยชน์แก่ประเทศไทย จะเห็นว่า นางสาวฮงผิง ยิว คือ กรณีศึกษาต้นแบบของความเป็น “คนไร้รากเหง้า” ที่ใช้อธิบายในสังคมไทย[i] และเป็นกรณีศึกษาต้นแบบ ของแนวคิดการให้สิทธิอาศัยและสัญชาติไทย แก่เด็กไร้รากเหง้าที่อยู่ในอุปการะของครอบครัวคนสัญชาติไทย[ii] ตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล (ตามมติครม.เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พศ.๒๕๔๘) และ มาตรา ๑๒/๑ ของพ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ ภายใต้ผลการศึกษาของโครงการวิจัยเรื่องการปรากฏตัวของคนไร้สัญชาติและคนไร้รัฐในประเทศ ไทย : แนวคิดและมาตรการในการจัดการปัญหาที่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร และโครงการเวทีรับฟังข้อเสนอแนะของภาคประชาชนและภาควิชาการในการจัดการปัญหาความไร้สถานะและสิทธิของบุคคลในประเทศไทย (๑๐ กันยายน – ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๐) โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะทางกฎหมายและสิทธิของบุคคลในประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ[iii]