• มีผู้กำหนดองค์ประกอบหลักไว้ ๔ ด้าน คือ
ด้านโครงสร้าง ด้านให้คุณ ด้านให้โทษ
และด้านเปิดเผยข้อมูล
• ด้านโครงสร้างมี ๖ องค์ประกอบย่อย คือ
มีระบบตรวจสอบภายใน
มีการปรับปรุงกรรมการตรวจสอบ
มองเห็นระบบงานถ้วนทั่ว
ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ใช้ระบบคุณธรรมกับบุคลากร
ระบบบัญชีเข้มแข็ง
• ด้านให้คุณมี ๔ องค์ประกอบย่อย คือ
มีค่าตอบแทนงานสำเร็จ
มีค่าตอบแทนงานมีประสิทธิภาพ
มีค่าตอบแทนความซื่อสัตย์ มีฐานเงินเดือนที่สูงพอ
• ด้านให้โทษมี ๗ องค์ประกอบย่อย คือ
มีระบบตรวจสอบ มีการลงโทษที่ยุติธรรม
ลงโทษจริงจัง มีระบบฟ้องร้อง
หัวหน้างานกล้าลงโทษ มีการปราม
กระบวนการยุติธรรมรวดเร็ว
• ด้านเปิดเผยข้อมูลมี ๔ องค์ประกอบย่อย คือ
ประชาชนได้รับรู้การทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบ ประชาชน
สื่อ มีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้าง สัมปทาน ประชาชน สื่อ
องค์กรพัฒนาเอกชน มีโอกาสควบคุมฝ่ายบริหาร
มีกลุ่มวิชาชีพภายนอกร่วมตรวจสอบ
• ผมสรุปมาจากผลงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า
ต่อไปนี้ผมจะให้ความเห็นเสริมบ้าง แย้งบ้าง
เติมบ้าง
• ผมมองว่าพื้นฐานความคิดที่อยู่เบื้องหลังรายงานผลการวิจัยนี้คือความคิดแบบทุนนิยม
วัตถุนิยม เข้มข้นไปหน่อย
มองที่เงินมากไปหน่อย
หย่อนในมิติของความเป็นมนุษย์ไปหน่อย
• การทำ KM ที่ถูกต้อง
จะช่วยให้เกิดความโปร่งใสในหลายมิติ
เป็นความโปร่งใสอันเกิดจากการขยายด้านดีของความเป็นมนุษย์
เอามาปฏิสัมพันธ์กัน
และครอบครองพื้นที่ในหน่วยงาน/องค์กร
เป็นความโปร่งใส อันเกิดจากกระบวนการและความสัมพันธ์
• สังคมตะวันออกมีภูมิปัญญาดั้งเดิมในเรื่องความโปร่งใสของเราเอง
โดยบูรณาการอยู่กับความเป็นชุมชน
ใช้การควบคุมทางสังคม
โดยที่มีความเป็นปัจเจก/ความเป็นส่วนตัว
ต่ำกว่าในสังคมตะวันตก
• การทำ KM
เป็นการขยายพลังด้านบวกของการควบคุมทางสังคม
คือแทนที่จะเน้นการควบคุมซึ่งมีมิติเชิงลบ
ก็เน้นการส่งเสริม เอื้อโอกาส (empowerment) ให้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ
สิ่งสร้างสรรค์ ตามวิสัยทัศน์ร่วม
น่าจะเป็นแนวทางที่เราดำรงไว้
และเสริมให้เข้มแข็งขึ้น
ใช้คู่ขนานไปกับความโปร่งใสโดยนัยตะวันตก
จะทำให้สังคมของเรามีสุขภาวะ กว่าวิธีคิดแบบตะวันตกล้วนๆ
วิจารณ์ พานิช
๗ เมย. ๔๙
หาดใหญ่
ไม่มีความเห็น