เรื่องของไอทีที่ต้องไอหลายๆที


สถาบันบำราศมีระบบไอทีที่ให้บริษัทมาเขียน programmeให้ เราเรียกว่าHome C    สถาบันใช้ระบบนี้มาหลายปีแต่ยังไม่สามารถพัฒนาตามเป้าหมายได้   ในระยะแรกมีหมอชัยพรช่วยดูแลให้   กว่าจะเริ่มใช้ต้องใช้พลังของผู้บริหารมากๆ    ดิฉันขอสารภาพบาปว่าช่วงแรกดิฉันสนใจน้อยไป   ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ     ในปีนี้ดิฉันตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาระบบไอทีให้ดีที่สุดโดยจะขอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยกันใช้ให้ครบตามระบบ

2-3 วันที่ผ่านมาหมอกฤษฎาเชิญบริษัทมาเสนอ software ของ Lab   เพื่อให้แพทย์สามารถดูได้ทันทีโดยบริษัทเสนอราคาประมาณ 3-4 ล้านบาท   แต่แบ่งจ่ายเป็นปี ประมาณ3ปี    หมอกฤษฎาถามว่าผู้บริหารจะตัดสินใจอย่างไร    ดิฉันตอบทันทีเลยว่าแล้วแต่คุณหมอค่ะ     เรื่องไอทีดิฉันไม่มีความรู้   ดิฉันเข็ดกับการพัฒนาไอที ของบุคลากรที่ค่อนข้างยากและต้องใช้พลังมากจริงๆ    บริษัทเล่าว่า บางโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยของรัฐมีการเปลี่ยนระบบไอทีตามผู้บริหารที่ขึ้นมา(กลัวจะไม่มีผลงาน)  สำหรับดิฉันไม่กลัวเรื่องนี้    ในช่วงปีกว่าๆที่เหลือจะตั้งใจพัฒนาไอทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนตามผู้บริหารแต่คงเปลี่ยนตามประธานไอที     แต่คงไม่ต้องเสียเงินบ่อยๆเพราะหมอกฤษฎายังอยู่อีกหลายปีค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #it#ไอที
หมายเลขบันทึก: 23856เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2006 17:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 17:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

กระทรวงไอซีที ตั้งขึ้นมาแล้วมีไว้ทำประโยชน์อะไรได้บ้างครับ..

ตัวอย่าง..

  • ระบบ adminsion ที่ไม่เสถียร..
  • ระบบ ไอที ของสถาบันการศึกษา
  • ระบบ ไอที ของสถานพยาบาล
  • ระบบ ไอที ของหน่วยงานราชการต่างๆ
เอาแต่มาบล็อกเว็บที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ได้มาพัฒนาแบบองค์รวมกับภาครัฐด้วยกัน ถึงการใช้งานด้านไอที ปล่อยให้หน่วยงานแต่ละภาคส่วนต้องเผชิญชะตากรรมกันเอาเอง ที่ไหนมีผู้รู้ทางด้านไอที มีความสนใจใส่ใจ ก็รอดไป แต่ถ้าที่ไหนไม่มีก็ตกเป็นรองบริษัทผู้เสนอขายซอฟแวร์..

ผมว่าในหน่วยงานนั้นๆ น่าจะจัดจ้างและบรรจุเจ้าหน้าที่ด้านไอทีโดยเฉพาะไปเลยเพื่อดูแล พัฒนา บำรุงรักษา ระบบ อุปกรณ์ เครื่องมือ ที่มีอยู่ และให้เค้าเจริญในหน้าที่การงานด้วยนะครับ ไม่งั้นก็คงอยู่ไม่ทน เพราะบุคลากรด้านนี้เมื่อมีความชำนาญในระดับหนึ่งมักจะถูกซื้อตัวไป กลายเป็นสมองไหลไปได้..

มหาวิทยาลัย ผลิตบุคลากรด้านไอทีนี้ออกมามากจนกำลังจะล้นตลาดแล้ว แต่แปลกที่หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าใด เพราะดูจากตำแหน่ง และการเรียกบบรรจุ หรือจัดจ้าง ดูว่ายังน้อยอยู่มาก.. อย่างไรแล้ว กันงบประมาณ มาจ้างงานด้านนี้บ้าง อย่ามัวแต่กินเปอร์เซ็นต์ค่าวัสดุกันอยู่เลย..

ผมมองแบบนี้น่ะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดผมต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย..

             

ต้องไอกันหลายที :) เพราะว่า เริ่มต้นกันที่ผู้บริหารของกระทรวงคะ ที่จะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ด้าน IT ด้านชัดเจน

ระบบต่างๆ ที่หน่วยงานภาครัฐของไทยพัฒนาขึ้นก็มีอยู่มาก แต่ไม่เป็น open-source รัฐบาลให้ทุนพัฒนาออกไปก็เยอะนะคะ แต่กลับทำเป็นเชิงพาณิชย์ น่าเสียดายเงินภาษีประชาชนคะ มีหลายซอฟต์แวร์นะคะ ดิฉันคงไม่อยากอ้างถึงที่นี่

การที่เป็น open-source หรือ เปิดเผยรหัสต้นฉบับนั้น มีประโยชน์มากมายคะ เช่น ลดต้นทุนขององค์กรด้านการจัดซื้อซอฟต์แวร์ และ มีผู้คนมาร่วมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น แต่ก็ต้องมีการพัฒนาระบบในแรกเริ่มที่พร้อมกับการเป็น open-source นะคะ ไม่ใช่ทำเสร็จแล้ว ไม่สามารถให้คนอื่นเข้ามาช่วยต่อเสริมเติมแต่งได้ ยกเว้นทีมดั้งเดิม อย่างนี้ก็ไม่เหมาะเป็น open-source คะ

ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจข้อสอบ O-net A-net ที่กำลังเป็นข่าว ควรจะ open-source คะ จะได้ช่วยกันแก้ไขพัฒนาให้สมบูรณ์แบบก่อนนำไปใช้จริง จะได้ไม่ตกข่าวเรื่องความถูกต้องของระบบ อันนำมาการทำลาย Trust ของน้องๆ มัธยม และ ผู้ปกครองทั่วประเทศ

สรุปว่า สถาบันบำราศ อาจลองพิจารณาหา open-source มาลงดูก่อนนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อระบบปิดเข้ามาใช้ในองค์กรคะ

           เห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ naigod เพราะมี จนท.ของเราที่มีความสามารถและเราเห็นแววว่าจะเป็นกำลังสำคัญของงานเวชสถิติอย่างน้อย 2 คน แต่ถูกดึงไปที่อื่นแล้ว เพราะมั่นคงกว่าและค่าตอบแทนสูงกว่า

          เมื่อวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. 2549 ได้มีโอกาสคุยกับ พญ.นภา และ นพ.กฤษฎา ถึงการพัฒนางาน IT ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานบันทึกข้อมูล ดูคุณหมอทั้ง 2 ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานด้านนี้อย่างจริงจัง เริ่มจากการพยายามรวมศูนย์บันทึกข้อมูลทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน เพื่อที่จะให้ จนท.ได้ช่วยเหลือกันในการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ขอบคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำค่ะ

                               อัจฉรา   เชาวะวณิช

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท