Dialogue interview (DI)
เข้าไป sensing ไป ฟังเชิงลึก ฟังเสียงภายในของตนเอง ไปเห็น และ ไปเข้าใจ ไปได้กลิ่น ไปชิม ไปลงมือทำ ลองทำ สัมผัส ไปรู้สึก (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์)
เข้าไปมีส่วนร่วม Co-intiation / Co-Sensing/ Co-presencing
Dialogue คือ คำพูดกระตุ้นใจ กระตุ้นต่อมคิด กระตุ้นสติ ได้ win-win ทุกฝ่าย หรือ ไม่ควรมีฝ่าย ตั้งแต่ต้น
(ภาพบน) ไปยืนนิ่งๆ ไม่ต้องเดิน ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคุย ... มองเข้าไปในงาน .... ดูจิตตนเอง ดับความกังวล ดับนิวรณ์ ทำใจชิวๆ ... เมื่อจิตสงบดีแล้ว ก็จง สังเกตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดูการทำงาน ดูกระบวนการ ฯลฯ เราจะได้ แนวคิด ได้ความอยากรู้อยากเห็น ได้คำถามดีๆ น่ารัก เพื่อจะเอาไปคุยกับ เจ้าของกระบวนการ ฯลฯ
***********************************************************************************************
ไปยืนนิ่งๆ Ohno cycle 10 นาที ก่อนการ audit -------> อ่าน เพิ่มเติมได้ที่ Blog ของผม http://romdharm.blogspot.com
ได้รู้จัก “ช้าให้เป็น” และ สังเกตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดูตนเอง ดูความคิดตนเอง
เกิด ปิ๊งไหม (Sparks / Intuitions)
เกิดคำถามไหม คันปากอยากถาม
(ภาพบน) ทั้งผู้ตรวจ โดนตรวจ เจ้าของกระบวนการ เจ้าภาพ ผู้สังเกตการณ์ คนจด ฯลฯ แบ่งกลุ่ม และ silent หรือ ภาวนา ก่อนที่จะเริ่ม ทำ DI
**********************************************
Before audit (opening dialogue) หรือ จะเรียก Open meeting แบบเดิมก็ได้ .... อ่านเอกสาร ลงไปเดิน ไปทำ Ohno cycle ฯลฯมาแล้ว ......
Silent ภาวนา เช่น เงียบๆ สวดมนต์ กล่าวคำพูดดีๆ ร่วมกัน ขอคำอวยพรจากพระเจ้า จับมือร่วมกันทั้งกลุ่ม อารัมภบท อาจจะมี พิธีกรรม (Ritual) เช่น เคาะกระดิ่ง ระฆังธิเบต (ขันเล็กๆ)
Check in : พูดคนละนิด มาทำอะไร รู้สึกอะไร เป็นใคร ใครบันทึก ฯลฯ ได้พูดทุกคน พูดทีละคน ใช้ Indian stick ก็ได้
During audit
พยายามรักษา Flow ไหลลื่น อย่าขัดคอ พูดได้คนเดียว
ถ้ามี การปิ๊ง (Sparks) ก็จดไว้ อย่าไปขัดคอ หรือ ขัดจังหวะเขา
รักษาจิตใจให้สงบ คลื่นสมองอัลฟ่า ชิวๆ ฟังเชิงลึก (Deep listening)
อาจจะวาดภาพประกอบให้เข้าใจร่วมกัน
ถ้า Flow เริ่มหนืดๆ ลองยิงคำถามป่วน ปั่น ให้ได้คิด เช่น ถ้า …. หรือ ได้ไหม ได้ไหม (Osbourne checklist)
เล่านิทาน แบ่งปันสู่กันฟัง (Storytelling)
แทรกธรรมะ คำคม -----> สร้างบารมี Charisma ได้ดีมากๆนะครับ ลองดูสิ
After audit
Check out : ขอบคุณ เรียนรู้อะไร ก่อน หลัง ทุกคนพูดทีละคน รู้สึกอย่างไร ร่ายกลอน ต่อกลอน -----> กลอนที่แท้จริง คือ สัมผัสใจซึ่งกันและกัน (เรื่องสัมผัสเสียงและอักษร เอาไว้ทีหลัง)
Silent ร่วมกัน ภาวนา สวดมนต์
ได้ Intangible capital เป็น Appreciate Inquiry
เป็น Multi-objective มากกว่า Audit แบบเดิมๆ ที่เอาแต่ จับผิด รอแต่แจก CAR
ดึงวัฒนธรรมไทยแบบเดิมๆกลับมา
สวนกระแสกลักการตรวจแบบเดิม ทำให้ พนักงานกล้าคิด กล้าออกนอกกรอบ เอกสารบางอย่างไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องลงนามก็ได้
น้ำเน่าที่ ปากคลองตลาด ทำไมต้องโทษคนแถวนั้นด้วย น้ำมันไหลมาจาก ยอดเขา ผ่านเมืองต่างๆ สะสมมาเรื่อยๆ
ควรทำ DI บ่อยๆ
(ภาพบน) ช่วยกันเขียน พันธสัญญาใจ ว่า เราจะทำอะไร ต่อยอดอย่างไร ?
ถ้าพูดในภาษาเดิม คือ แจก CAR โดนทั้งคนตรวจ คนดู คนประเมิน เพราะ ในการทำ Dialogue เราจะสะท้อน (Refelction) เห็น CAR ในหน่งยงานเราด้วย เห็นเขา แล้วย้อนมาเห็นเรา ... จริงๆแล้ว ไม่มีทำว่า CAR นะ มาฟังดู "คาใจ" ยังไงไม่รู้ เรามีแต่ เอาสิ่งที่เรียนรู้นี้ ไป "ต่อยอด" ครับ
กลุ่ม เขียน พันธสัญญาใจ (ลงใน Flip chart) ว่าแต่ละคนจะไปทำอะไร เขียนแล้วลงนาม เก็บเป็นบันทึกประจำห้องเอาไว้
ทั้ง auditor & auditee จะกลับไปทำอะไรต่อ เช่น พูดคุยกันมากขึ้น จะไปอุกรณ์มาให้นะ จะส่งลูกน้องมาซ่อมให้ ฯลฯ พึ่งพากันและกัน มี Project ที่น่าสนใจดังนี้
นั่งล้อมแบบ อ่างปลา โยนอาหาร (คำถาม)ให้ปลา
ตอนจบ ร่าย กลอน คือ ร้อยใจกัน สัมผัสใจมาก่อนสัมผัสนอกใน
Follow up : ด้วยการมาล้อมวงคุยกัน เอาพันธทางใจ ที่เคยเขียนไว้มาคุยกัน ไม่ทำก็ไม่ว่ากัน ทำไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร แค่ บอก แค่เล่า แค่โผล่หัวมาร่วมคุย ก็ถือว่า โอเคแล้ว .... "รักนะ เด็กโง่"
ทำขนานกัน แบบเก่า กับ DI ก็ได้ หรือ ใช้ DI ไปเลย อาจจะ ตรวจกินเวลามากน้อย แต่ก็คิดสะว่า "จะรีบไปไหน"
***************************************************************************************************
จริงๆแล้ว การ audit ตามที่ผมเรียนมา จาก ผู้ตรวจชาวฝรั่งเศส เขาก็ส่งเสริมให้ ตรวจแบบคุยกัน สร้างบรรยากาศ เกิด rapport ความร่วมมือ เกิด empathy ฯลฯ ลองกลับไปเปิด ตำรา Internal Audit ดูสิครับ
คนตรวจ หากยังทำตัว ไม่มีคุณภาพ ไม่เข้าใจ Soft side ไม่เข้าใจ Intangible capital ผมว่า ยิ่งตรวจ ยิ่งแตกแยก น่าเบื่อ ทำลายระบบดีๆ ทั้งหลาย
ลอง ถอดหัวโขน กะลา หน้ากาก ฯลฯ การเป็นคนตรวจออกไป เอาอคติออกไป แล้ว ล้อมวง สุนทรียสนทนา กับ เจ้าของพื้นที่ๆโดนตรวจ เราจะได้ อะไรดีๆมากมาย ..... "ให้ความรัก ก่อนให้ประเมิน ู้" learn how to audit
ครูสมพรสอนลิง ท่านสอนว่า ประเมินตนเอง นั่นแหละ ดีที่สุด .... เราเป็นคนตรวจ เราก็ต้องประเมินตนเอง เปิดสมอง เปิดใจ (Open mind open heart openwill) ..... ประเมินพฤติกรรม .... ประเมินความตั้งใจ ... ประเมินทััศนคติ .....
................................สัง เกตๆๆๆๆๆๆ
คนตรวจที่ดี ยิ่งตรวจ ต้องยิ่งมีสติ มีปัญญา .... ไม่ใช่ เพิ่มกิเลส เพิ่มศัตรู นะครับ
เนียนมากๆครับ
เป็นรูปแบบ นำไปปฏิบัติจริงได้ทันที ไม่ต้องเติมน้ำร้อนเลย
ยกวัด อย่าลืมเอาป่าช้ามาด้วยนะครับ อิอิ
ซินเจี่ยอยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้
โห คุณหมอ มาคนแรกเลย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
พ่อครูบาฯ ครับ ใช่เลย น่าจะยกป่าช้ามาจริงๆ อยู่ในองค์กรมีแต่ "ป่าเร็ว" ทำอะไร เร่งรีบเร่งด่วน ไปสะหมด