เมื่อเป็นหวัด


เมื่อวาน (15 มกราคม 2552) ข้าพเจ้าถูกจู่โจมด้วยอาการหวัดอย่างรุนแรง ที่ถือว่ารุนแรงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว เนื่องจากเหินห่างจากอาการเป็นหวัดมาหลายปีมาก นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีก็ว่าได้เริ่มมีสัญญาณตั้งแต่คืนวันที่ 14 แล้ว และคืนนั้นก็เข้านอนดึกกว่าปกติด้วย ตายละว๊า!...อุทานในความคิด พรุ่งนี้(อันหมายถึงวันที่ 15) ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปเป็นวิทยากรกระบวนการที่ห้วยเม็ก-กาฬสินธุ์ด้วย แต่ ณ ขณะนั้นสลัดความกังวลออกไปทันทีที่รู้สึกตัวว่าปล่อยให้จิตไปเสพสภาวะแห่งความกังวลเข้า แปรเปลี่ยนมาเป็นกระบวนการนอนที่มีประสิทธิภาพแทน นั่นหมายถึง...การกำหนดจิตเข้าสู่สภาวะการหลับ เริ่มต้นจากสลัดสภาวะการคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆ ทิ้งไป กำหนดความรู้ตัวมาที่ลมหายใจจนหลับไป

ตื่นเช้ามืด(เช้าของวันที่ 15) มาอาการหวัดยังไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก แต่โชคดีว่าไม่เป็นไข้ร่วมด้วย แต่มีแนวโน้มว่าหากใช้ร่างกายหักโหมกว่านี้แย่แน่... ข้าพเจ้าทำดีท๊อกด้วยการสวนทวารเพื่อกระตุ้นให้ตับทำงานได้ดีขึ้น ช่วยขับพิษในตับ เพราะสภาวะไข้และเป็นหวัดนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนแล้วว่าร่างกายกำลังเยียวยาตัวเองอันเนื่องมากจากมีสภาวะเสียสมดุลทางธรรมชาติเกิดขึ้นแล้ว

.....

แต่วันนี้เราต้องสอนทั้งวัน ไม่เป็นไร...ทำจิตใจให้เกิดสภาวะที่เบิกบาน ป่วยก็ป่วย ไข้ก็ไข้ ก็เท่านั้น -----> ทันทีที่ไปถึงสถานที่ที่ต้องดำเนินกระบวนการ...ข้าพเจ้าขอน้ำอุ่นผสมมะนาวทันทีอาศัยจิบทั้งวัน สลับกับว่าในการเรียนรู้มีกิจกรรมที่นำไปสู่การพักกาย-พักจิตด้วยจึงทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมในการได้ reset ร่างกายนี้ด้วยการให้จิตได้พัก

เมื่อจิตดี - กายจะดีตาม ---> กายป่วยแต่จิตไม่ป่วย = ฟื้นตัวเร็ว

กระบวนการผ่านไปทั้งวันเมื่อเลิกข้าพเจ้าให้ผู้จัดมาส่งที่ขอนแก่นทันทีที่เข้าบ้านสิ่งแรกที่ข้าพเจ้าน้อมปฏิบัติต่อตัวเอง คือ การทำให้ร่างกายอบอุ่นและพักผ่อน ข้าพเจ้าใช้เวลาหลับไปประมาณสามชั่วโมงอย่างเต็มที่ ลุกขึ้นมาคลุมโปงอบไอน้ำโดยสูดไอระเหยของน้ำร้องที่ผสมวิกวาโปลับ หายใจโล่ง น้ำมูกน้อยลงทำอยู่สองครั้งสบายทางเดินหายใจมากขึ้น นอกจากนี้ข้าพเจ้าอดมื้อเย็นร่วมด้วยเพราะปรารถนาอยากให้ร่างกายได้พัก-ทำงานหนักให้น้อยที่สุด เพราะหากว่าทานอาหารเพิ่มเข้าไป ยิ่งทำให้ร่างกายมีภาระเพิ่มมากขึ้นต่อกระบวนการที่ต้องย่อยอาหาร อีกทั้งพิจารณาแล้วว่าตอนที่ตื่นมาก็ดึกแล้วประมาณสามสี่ทุ่ม ไม่ใช่เวลาที่เหมาะต่อการทานและไม่ใช่เวลาของร่างกายที่ต้องมาทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร ดังนั้น จึงเลือกที่จะนอนพักต่อด้วยแนวทางของการนอนแบบกำหนดจิต...

ตื่นเช้ามาอีกครั้งของวันนี้...มีอาการปวดหัวร่วมด้วย...แต่พอใช้น้ำเย็นราดศีรษะอย่างต่อเนื่องประมาณสิบถึงสิบห้านาทีอาการปวดศีระษะหายไป ข้าพเจ้ามาอบไอน้ำโดยสูดไอระเหยของน้ำร้อนที่ผสมวิกวาโปรับอีกครั้ง น้ำมูกลดลงมาก (ขณะที่เขียนนี้ไม่มีแล้ว) รู้สึกสบายตัวมากขึ้น เสียดายว่าที่บ้านไม่มีใบหูเสือหรือใบกระเพรา เพราะหากว่าการสูดไอร้อนจากพืชผักสดๆ นั้นน่าจะดีกว่า แต่ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยก็มีวิกวาโปรับพอแก้ขัดไปก่อนได้...

หนึ่งวันของการเป็นหวัดกับความตั้งใจในการเยียวยาตนเองของร่างกายตามวิถีธรรมชาติ ผลเป็นที่น่าพอใจ ตั้งใจว่าตอนเย็นไปเดินเบาเบา เคลื่อนไหวร่างกายให้มีการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้ดีขึ้น สำหรับมื้อเช้าข้าพเจ้ายังไม่ทานข้าวแต่เลือกทานโยเกิร์ตผสมเมิสลี่ก่อน ส่วนมื้อกลางวันออกไปหาอะไรทานที่เป็นอาหารจำพวกผักและข้าวกล้องแทน

เมื่อมาทบทวนต่อตนเองว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นหวัดได้... ทำให้นึกไปถึงอากาศที่เย็นและอุณหภูมิที่ลดต่ำลงเมื่อสองสามวันก่อน ด้วยความที่นอนไม่ได้สวมหมวกพอตกดึกอากาศเย็นลง ศีรษะกระทบกับความเย็นและลมเย็นที่พัดมานั้นน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและอีกทั้งว่าช่วงนี้คนเป็นหวัดเยอะ การที่เราไปคลุกคลีและมีสภาวะร่างกายที่มีภูมิต้านทานต่ำก็เป็นโอกาสให้เกิดสภาวะแห่งการป่วยไข้ได้ ยังโชคดีว่าพอมีต้นทุนทางด้านสุขภาพอยู่ที่ทำให้กระบวนการเยียวยาตนเองทำได้ดีและไม่ใช้เวลานานในการฟื้นฟูตนเอง

 

----------------------------------

 "ร่างกายมนุษย์นั้นชาญฉลาดยิ่ง มันสามารถบำบัดและรักษาตัวเองได้ตามธรรมชาติ ส่วนโรคหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ นั้นเป็นความพยายามของธรรมชาติในการทำให้คนมีสุขภาพดี...

นักธรรมชาติบำบัดจะไม่หาทางกำจัดโรคหรืออาการเจ็บป่วย

เพราะถือว่าเป็นการขัดขวางกระบวนการเยียวยาตนเองตามธรรมชาติของร่างกาย หากแต่จะเน้นที่การป้องกัน ปรับสมดุล และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกายจนแข็งแกร่ง เพื่อขจัดพิษร้ายที่สะสมในร่างกายให้หมดไป"

หมอเจค๊อบ วาทักกันเชรี

ธรรมชาติบำบัด

ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต

 

 

หมายเลขบันทึก: 235556เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2009 12:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีจัง มีเรื่องอื่นอีกมั๊ย เช่นปวดท้องทำไง

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ลองเข้าไปเลือกอ่านในหน้าสารบัญ blog ดูนะคะ

http://gotoknow.org/blog/kapoomlife/toc

เรื่องที่เขียน คือ การถอดบทเรียนเรื่องราวของตัวเองออกมาค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท