พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัครมีความสามารถในการจัดบริการทางสังคมให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม เป็นธรรม และได้มาตรฐาน กฎหมายจึงได้กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (กสค.)ออกข้อกำหนดว่าด้วยมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมและระเบียบว่าด้วยการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมขององค์กรสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัคร
ขณะนี้คณะอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรและมาตรฐานในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติได้จัดทำมาตรฐานทั้ง 3 กลุ่มเสร็จเรียบร้อยและได้รับความเห็นชอบจาก กสค.จึงขอเชิญชวนให้องค์กรสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัครขอรับรองมาตรฐานโดยติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ โทร: 023068908 023068887
บังเอิญค้นพบระเบียบว่าด้วยการับรองมาตรฐานการปฎิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการจึงเอามาฝากค่ะ
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ
ว่าด้วยการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม
พ.ศ. ๒๕๕๐
ด้วยพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้กำหนดให้มีการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อใช้เป็นหลักในการส่งเสริม สนับสนุน รับรองติดตามประเมินผลและการประกันคุณภาพในการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม
นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัคร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๗) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติว่าด้วยการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๕๐”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“การรับรองมาตรฐาน” หมายความว่า ผลการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครซึ่งได้รับเครื่องหมายการรับรองมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๕๗/หน้า ๖๒/ง ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
“เครื่องหมาย” หมายความว่า เครื่องหมายยืนยันระดับคุณภาพองค์การสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครซึ่งได้การรับรองตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
พ.ศ. ๒๕๔๖ และมีอายุสามปีนับแต่วันที่ได้รับเครื่องหมายการรับรอง
“การจัดสวัสดิการสังคม” หมายความว่า การจัดบริการสวัสดิการสังคมตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด
“องค์การสวัสดิการสังคม” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐที่ดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมและองค์กรสาธารณประโยชน์
“องค์กรสาธารณประโยชน์” หมายความว่า องค์กรภาคเอกชนที่ได้รับการรับรองให้ดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖
“นักสังคมสงเคราะห์” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมที่สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำ กว่าปริญญาตรีสาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ หรือที่ผ่านการฝึกอบรมด้านสังคมสงเคราะห์ตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนดหรือที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
“อาสาสมัคร” หมายความว่า ผู้ซึ่งอาสาช่วยปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมในองค์การสวัสดิการสังคม
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ
“คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการตรวจประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์ หรืออาสาสมัคร แล้วแต่กรณี ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในสาขาของการจัดสวัสดิการสังคมตามที่มีการยื่นขอรับรองมาตรฐานตามระเบียบนี้
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ
“ปลัดกระทรวง” หมายความว่า ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ
ข้อ ๔ ให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และเป็นผู้กำหนดเครื่องหมายตลอดจนแบบฟอร์มต่าง ๆ ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
หมวด ๑
การรับรองมาตรฐานองค์การสวัสดิการสังคม
ข้อ ๕ องค์การสวัสดิการสังคมแห่งใดได้ปฏิบัติงานเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม อาจยื่นคำขอรับรองมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมตามระเบียบนี้ได้
ข้อ ๖ การยื่นคำขอรับรองตามข้อ ๕ ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครให้ยื่นคำขอที่สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และให้สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานครตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
ในเขตท้องที่อื่นให้ยื่นคำขอที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแห่งท้องที่ที่องค์การสวัสดิการสังคมนั้นตั้งอยู่ และให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่รับคำขอตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
เมื่อสำนักงานได้รับคำขอตามวรรคหนึ่ง และมีหลักฐานถูกต้องครบถ้วนให้สำนักงาน เสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวัน
ข้อ ๗ ให้คณะอนุกรรมการทำหน้าที่สร้างเครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน กำหนดแนวทางและดำเนินการตรวจประเมินผลการปฏิบัติงานตามที่ได้มีการยื่นคำขอรับรองมาตรฐาน และให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ผู้อำนวยการออกเครื่องหมายการรับรองตามความเห็นของคณะอนุกรรมการ
ข้อ ๘ เมื่อองค์การสวัสดิการสังคมแห่งใดได้รับการรับรองมาตรฐาน ให้ผู้อำนวยการออกเครื่องหมายการรับรอง และให้สำนักงานเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป
ข้อ ๙ ในกรณีปรากฏว่าองค์การสวัสดิการสังคมแห่งใดที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมในข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อตามที่ได้รับการรับรองซึ่งเชื่อว่าจะมีผลเสียหายต่อผู้รับบริการสวัสดิการสังคม และผู้อำนวยการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายได้ให้คำแนะนำและตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว หากองค์การสวัสดิการสังคมแห่งนั้นยังไม่แก้ไขโดยไม่มีเหตุอันควร ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการสาขาที่ให้การรับรองมีหนังสือเพิกถอนการรับรองมาตรฐานได้
หมวด ๒
การรับรองมาตรฐานนักสังคมสงเคราะห์
ข้อ ๑๐ นักสังคมสงเคราะห์ผู้ซึ่งได้ปฏิบัติงานเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม อาจยื่นคำขอรับรองมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมตามระเบียบนี้ได้
ข้อ ๑๑ การยื่นคำขอรับรองตามข้อ ๑๐ ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครให้ยื่นคำขอที่สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และให้สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานครตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
ในเขตท้องที่อื่นให้ยื่นคำขอที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแห่งท้องที่ที่นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติงานอยู่ และให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่รับคำขอตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
เมื่อสำนักงานได้รับคำขอตามวรรคหนึ่ง และมีหลักฐานถูกต้องครบถ้วนให้สำนักงานเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวัน
ข้อ ๑๒ ให้นำความในข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๙ มาใช้บังคับกับการรับรองมาตรฐานนักสังคมสงเคราะห์ โดยอนุโลม
หมวด ๓
การรับรองมาตรฐานอาสาสมัคร
ข้อ ๑๓ อาสาสมัครผู้ซึ่งได้ปฏิบัติงานเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมโดยได้รับการรับรองจากองค์การสวัสดิการสังคม อาจยื่นคำขอรับรองมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม ตามระเบียบนี้ได้
ข้อ ๑๔ การยื่นคำขอรับรองตามข้อ ๑๓ ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครให้ยื่นคำขอที่สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และให้สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานครตรวจสอบความถูกต้องแล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
ในเขตท้องที่อื่นให้ยื่นคำขอที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแห่งท้องที่ที่อาสาสมัครปฏิบัติงานอยู่ และให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่รับคำขอตรวจสอบความถูกต้อง แล้วส่งคำขอให้สำนักงานภายในเจ็ดวันทำการ
เมื่อสำนักงานได้รับคำขอตามวรรคหนึ่ง และมีหลักฐานถูกต้องครบถ้วนให้สำนักงาน เสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวัน
ข้อ ๑๕ ให้นำความในข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๙ มาใช้บังคับกับการรับรองมาตรฐานอาสาสมัครโดยอนุโลม
หมวด ๔
การอุทธรณ์
ข้อ ๑๖ องค์การสวัสดิการสังคม นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครใดเมื่อยื่นคำขอรับรองมาตรฐานและไม่ได้รับการรับรองหรือถูกเพิกถอนการรับรองมาตรฐานตามระเบียบนี้ ให้อุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง และให้ผู้อำนวยการส่งคำอุทธรณ์ต่อไปยังปลัดกระทรวงโดยมิชักช้า
ให้ปลัดกระทรวงวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับอุทธรณ์ คำวินิจฉัย
ของปลัดกระทรวงให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ ๑๗ เมื่อสิ้นสุดอุทธรณ์ ให้ผู้อำนวยการรายงานการเพิกถอนการรับรองมาตรฐานต่อคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการและแจ้งหน่วยงานที่รับคำขอรับรองมาตรฐานด้วย
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๑๘ การยื่นคำขอรับรองตามระเบียบนี้ ให้กระทำได้เมื่อพ้นหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์โสภา
สำหรับข้อมูลดีๆ
วีณาชวนเพื่อนๆมาขอรับรองมาตรฐานกันนะ
ถ้ามีเวลาจะเขียนเรื่องมาตรฐานอีก
อาจารย์โสภา หนูเป็นศิษ์เก่าหัวเฉียว ป.โท แต่เพื่อน ๆ ทำงานอยู่สถานสงเคราะห์เอกชน เป็นนักสังคมฯ อยากไปอบรม แต่ไม่มีหนังสือถึงหน่วยงานเลยในการประชาสัมพันธ์ อ. ช่วยให้หน่วยงาน พมจ.ประจำจังหวัดทำหนังสือถึงเอกชนในพื้นที่ด้วยสิค่ะ หัวหน้าองค์กรเอกสารจะได้ให้ความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกันองค์กรของเค้าด้วย รบกวนด้วยนะค่ะ อาจารย์