20 บาทที่แสนคุ้ม


เงินเพียงแค่ 20 บาท เกือบทำให้วันดีๆทั้งวันนั้นเสียไป

ในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา ผมได้ไปพักผ่อนดูหนังกับแฟนที่ซินีเพล็กซ์แห่งหนึ่งซึ่งเราไม่ได้ไปมาเป็นปีแล้วเห็นจะได้ ด้วยหลังๆยุ่งกับการเดินทางและย้ายที่อยู่อาศัยออกมานอกเมืองแล้ว จึงไม่ค่อยได้ไปบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน คืนวันนั้นคนเยอะมาก แต่แฟนผมก็ยอมทนยืนเข้าแถวนายเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะอยากจะดูหนัง เสร็จแล้วเราก็ไปทานอาหารญี่ปุ่นกันอย่างเอร็ดอร่อยหมดไำปเกือบพันบาท อิ่มแล้วออกมาเดินเล่นดูโน่นดูนี่รอเวลาเข้า่โรงอย่างมีความสุข

พอได้เวลาก็เข้าไปดูหนังกัน ซึ่งเราเลือกโรงที่ต้องจ่ายแพงกว่าปกติและเป็นหนังที่พึ่งเข้ามาใหม่ๆ ยอมเสียเงินเพิ่มอีกพอสมควรเพื่อให้ได้ดูสมใจ หนังที่เลือกสรุกและให้ข้อคิดได้หลายอย่างเป็นอย่างดี ออกจากโรงมาแล้วเรายังคุยกันต่อไม่จบไปจนตลอดทาง ก่อนจะกลับก็โฉบไปเดินดูตลาดนัดด้านนอกนิดหน่อยเผื่อจะมีอะไรที่เราถูกใจ จะได้สอยกลับไปส่งท้ายปีเก่า

โดยรวมแล้ว วันหยุดพักผ่อนนี้ ทุกอย่างลงตัวหมด ได้พักผ่อนบันเทิงใจ คลายความตึงเครียดจากหน้าที่การงานและภาระต่างๆไปได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเงินไปพอสมควรแต่ก็ยังคุ้ม จนกระทั่งเมื่อเราขับรถออกมาถึงด่านเก็บบัตรจอดรถและยื่นบัตรจอดรถไปให้กับพนักงาน ชะลอรถสักครู่เพื่อให้โอกาศพนักงานได้ตรวจบัตร ในขณะที่กำลังจะเหยียบคันเร่งเพื่อออกตัวไปนั้น ยามก็ได้มาเคาะที่กระจกรถเบาๆ แล้วตะโกนออกมาว่า 20 บาทครับ ผมกับแฟนก็งงๆ เพราะเราใช้บริการดูหนังและอื่นๆ จากสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งได้นำบัตรไปให้พนักงานเพื่อ activated บัตรแล้ว จึงบอกกลับไปว่า เรามาใช้บริการดูหนังนะครับ แต่พนักงานก็ยืนยันว่ายังต้องชำระเงินอีก 20 บาท แฟนผมเริ่มหงุดหงิด พูดโต้เถียงกับพนักงานอีกสักครู่ รถคันหลังก็รออยู่นานพอสมควรแล้ว ผมเองก็ชักกรุ่นๆ จนสุดท้ายด้วยความเกรงใจคันหลังที่รอ ผมจึงบอกแฟนให้จ่ายๆไปแค่ 20 บาท ระหว่างที่เดินทางกลับบ้านเราก็บ่นกันไปตลอดทางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงขนาดคิดว่าจะไม่มาอีกแล้ว ในตอนนั้นคิดได้แต่ข้อเสียที่เจอ รถเยอะ ที่จอดรถน้อย ทางขึ้นลงก็แคบ ราคาของก็แพง สารพัดสารเพ ในหัว ความรู้สึกดีๆ ผ่อนคลายที่มีมาตลอดทั้งคืนไม่รู้มันหายไปใหนหมด เงินที่จ่ายไปพันกว่าบาท ชักไม่คุ้ม ขับรถไปด้วยความงุ่นง่านสักพัก สติก็ถามตัวเราเองว่านี่เรากำลังโมโหอะไรอยู่ โกรธที่ต้องจ่ายเงินไป 20 บาทจนอารมณ์ขุ่นมัวถึงเพียงนี้เทียวหรือ แล้วความรู้สึกดีๆในหลายชั่วโมงที่ผ่านมาละหายไปใหนหมด ตอนนี้มีแต่ความเครียด ความหงุดหงิดซะจนหัวเสียไปหมด พอระลึกรู้ขึ้นได้ก็ได้แต่ร้องโธ่เอ๋ย! กับตัวเอง อุตส่าห์ยอมเสียเงินเสียเวลาเพื่อมาหาความบันเทิงเริงใจขนาดนี้ แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้เงินแค่ 20 บาท ทำให้คืนดีๆทั้งคืนนั้นเสียไปหมด ไม่ได้หมายความว่า 20 บาทไม่มีความหมาย แต่ให้สะท้อนใจกับตัวเองว่ามูลค่าของเงินนั้นมันก็เป็นแค่ค่าสมมุติ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยจะไม่กี่บาท หรือเป็นหมื่นแสนล้าน สื่งที่ต่างอันจริงแท้คือเสียงข้างในของเราต่างหากที่ตัดสิน และสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือสติที่คอยมาเตือนเราให้รู้ตัวได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จิตจะตกจนอารมณ์เสียไปทั้งคืน

พอสติเริ่มกลับคืนมา ความหงุดหงิดก็เริ่มเบาบางลง แต่ยังไม่จางหายไปในทันที ต้องคอยข่มอีกนานพอสมควรถึงจะค่อยๆยุบไป ได้มาอีกบทเรียนหนึ่งแล้ว ว่าไฟโทสะนั้นเมื่อเกิดแล้วไหม้ลามไปทั่วและดับได้ยากเสียจริง ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาพอเริ่มจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดิมอีก ก็บอกตัวเองในใจว่า แค่ 20 บาทเองนะเว้ย คุ้มกันแล้วเหรอที่จะหงุดหงิดอารมณ์เสีย กลายเป็นว่าคืนนั้นสิ่งที่มีค่าสำหรับผมก็คือเงิน 20 บาทนั้นเองครับ

ป.ล.

เรื่องค่าจอดรถนั้น จนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกหรือผิด ด้วยว่าไม่ได้ไปที่นั่นมานานหลังจากที่ปรับปรุงใหม่จนหรูหรากว่าเดิมมาก บางทีอาจจะเป็นระเบียบของเขาที่เปลี่ยนไปและความละเลยของผมที่ไม่ได้อ่านป้ายที่มีอยู่ข้างทางเดินให้ดีก่อน และสุดท้ายก็ขอโทษน้องพนักงานคนดังกล่าวด้วยที่ทำให้น้องรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนผิด ไว้วันหลังโอกาศดีดีจะไปใช้บริการใหม่ แล้วจะจ่ายมากกว่า 20 บาท แน่นอนครับ อิอิ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 233119เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2009 23:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท