ความหมายของหนังสือสำหรับเด็ก
มีนักการศึกษาและผู้รู้หลายท่านได้ให้ความหมายของหนังสือสำหรับเด็กไว้ดังนี้
ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์ (2547, หน้า 13) ได้ให้ความหมายว่า หนังสือสำหรับเด็กหมายถึงหนังสือที่มีจุดมุ่งหมายในการจัดทำขึ้นสำหรับเด็กโดยเฉพาะหรืออาจให้ผู้ใหญ่อ่านให้เด็กฟังก็ได้ อาจเป็นหนังสือภาพล้วน ๆ (picture book) หรือการ์ตูน มีเนื้อหาสาระและรูปเล่มตัวอักษรที่เหมาะสมกับวัย ความรู้ ความสามารถของเด็ก เกี่ยวกับหนังสือสำหรับเด็ก นอกจากนี้ หทัย ตันหยง (2529) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับหนังสือสำหรับเด็กว่า “หนังสือสำหรับเด็กหมายถึงวัสดุการอ่านอันเป็นปัจจัยในการพัฒนาชีวิตเด็กทั้งด้านทักษะพิสัย พุทธิพิสัย จิตพิสัย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น หนังสือสำหรับเด็กย่อมมีบทบาทในชีวิตของเด็กทุกเพศทุกวัย ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมทักษะ เสริมประสบการณ์ เสริมความสนใจ และให้ความบันเทิงใจแก่เด็กที่สำคัญ และหนังสือเด็กที่ดี มีคุณภาพย่อมมีลักษณะเป็นวรรณกรรมสำหรับเด็ก” สอดคล้องกับ แม้นมาส ชวลิต (2530) ได้สรุปความหมายว่า “หนังสือที่เด็กในวัยเล่าเรียนอาจเลือกอ่านเองเพื่อความเพลิดเพลินเพราะความอยากรู้ หรือเพื่อใช้ประกอบการศึกษา”
จากการศึกษานักการศึกษาได้กล่าวข้างต้น สรุปได้ว่าหนังสือสำหรับเด็กเป็นหนังสือที่เขียนหรือจัดทำขึ้นให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย ทั้งนี้ เพื่อมุ่งให้เด็กมีความรู้ ความบันเทิง ส่งเสริมทักษะการอ่าน ปลูกฝังให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน หากจัดทำหนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กในเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นจะทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนอีกด้วย
สมพร จารุนัฏ (2545,หน้า 5 – 7) ได้แบ่งหนังสือเด็กออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. หนังสือบันเทิงคดีสำหรับเด็ก เป็นหนังสือที่แต่งขึ้นเพื่อให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านที่พบมีจำหน่ายในท้องตลาดพอที่จัดเป็นประเภทได้ดังนี้ คือ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย เรื่องแปล และการ์ตูน หนังสือบันเทิงคดีสำหรับเด็กเป็นหนังสือที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน และความบันเทิง มักมีเนื้อหาสาระที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนหรือเป็นเรื่องที่ผู้เขียนสมมติขึ้นจากเค้าโครงและเหตุการณ์ต่าง ๆ มีการกำหนดหน้าที่และบทบาทตัวละครสถานที่เกิดเหตุ รวมไปถึงพฤติกรรมและความสะเทือนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง แต่คำนึงถึงความสมจริงและเหตุผล โดยอาจถ่ายทอดในรูปของนิทาน ชาดก เรื่องสั้น คำกลอน
2. หนังสือสารคดีสำหรับเด็ก เป็นหนังสือที่เขียนและจัดทำขึ้นเพื่อเสนอเนื้อหาสาระความรู้ต่าง ๆ มักมีเนื้อหาสาระที่เกิดขึ้นจากความเป็นจริง มีแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง สามารถใช้อ้างอิงเป็นความรู้ได้ หนังสือสารคดีสำหรับเด็กมักถ่ายทอดเป็นความเรียงหรือร้อยแก้ว โดยใช้ถ้อยคำสำนวนที่เข้าใจง่ายครอบคลุมเนื้อหา และมีความเพลิดเพลินในการอ่าน สารคดีจะไม่กำหนดตัวละคร บทบาท และความสะเทือนใจ แต่อาจวางความคิดรวมยอดไว้เป็นเป้าหมายสุดท้าย
หนังสือสารคดีสำหรับเด็กจัดแบ่งเป็นประเภทได้ 3 ประเภท คือ
1. สารคดีท่องเที่ยว
2. สารคดีชีวประวัติ
3. สารคดีทั่วไป
จากประเภทของหนังสือที่กล่าวมาจะเห็นว่า การแบ่งแต่ละวิธีมีหลักการเฉพาะตามแต่ละ
ประเภทของหนังสือ ฉวีวรรณ คูหาภินันท์ (2527,หน้า 70-72) ได้แบ่งประเภทหนังสือเด็กซึ่งครอบคลุมลักษณะของหนังสือเด็กทั่ว ๆ ไปได้ 9 ประเภท ได้แก่
1. หนังสือสารคดี
2. หนังสือที่ให้ความเพลิดเพลิน มีนิทาน หนังสือภาพ นวนิยาย และโคลงกลอนต่าง ๆ
3. หนังสือแบบเรียน
4. หนังสืออ่านเพิ่มเติมเสริมประสบการณ์ต่าง ๆ
5. หนังสืออ้างอิง
6. หนังสือแปล
7. หนังสือการ์ตูน
8. วารสาร
9. หนังสือพิมพ์รายวัน
ลักษณะที่ดีของหนังสือสำหรับเด็ก
หนังสือสำหรับเด็กที่ดี มีคุณค่า เหมาะสมกับเด็กและเด็กอยากอ่าน จำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะที่ดี ดังที่ สมศักดิ์ ศรีมาโนชน์ (2523) เสนอไว้ว่า
1. เนื้อเรื่องหนังสือ เป็นเรื่องที่มีแนวคิดดีตรงกับความสนใจและความต้องการสนุกสนานมีคุณค่าให้แง่คิดดี เป็นเรื่องสั้น ๆ เนื้อเรื่องไม่ยาวจนเกินไป มักจะเป็นเรื่องผจญภัย การท่องเที่ยว นิยาย และนิทานต่าง ๆ ตัวละครของเรื่องเป็นคนดีมีลักษณะประทับใจ
2. การวางโครงเรื่องดีซึ่งประกอบด้วย
2.1 เอกภาพ (Unity) มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีใจความและความมุ่งหมายสำคัญเพียงอย่างเดียวกัน ข้อความต่าง ๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับความมุ่งหมายที่ตั้งไว้
2.2 สัมพันธภาพ (Coherence) คือ เนื้อความเกี่ยวโยงกัน ต้องดำเนินเรื่องไปตามความสำคัญ มีความต่อเนื่องกันประดุจลูกโซ่
2.3 สารัตภาพ (Emphasis) เน้นใจความที่สำคัญ ความใดที่ช่วยสนับสนุน เนื้อเรื่องให้เด่นชัด จะต้องกล่าวให้มากและวางอยู่ในที่เด่น
3. การใช้ภาษาในหนังสือเด็ก คำที่นำมาใช้ไม่ยากเกินไป ใช้ได้ตรงกับความหมายกระชับรัดกุม เหมาะสมกับเนื้อเรื่องสละสลวยประทับใจผู้อ่าน ประโยคที่นำมาผูกเรื่องกะทัดรัดชัดเจน เรียงประโยคได้ถูกต้องกับหน้าที่และความหมาย เลือกใช้ประโยคสั้นและประโยคยาวให้เหมาะสมกับเนื้อความ และวัยของผู้อ่าน
จึงสรุปได้ว่า ลักษณะของหนังสือที่ดีสำหรับเด็กนั้น ควรมีคุณภาพที่ดี 4 ประการ คือ
1. คุณภาพการพิมพ์ ต้องพิมพ์ตัวอักษร ภาพประกอบให้ชัดเจนมีสีสันงดงาม ดึงดูด ความสนใจตั้งแต่หน้าปกไปจนจบเล่ม
2. คุณภาพการจัดหน้าและรูปเล่ม ต้องจัดให้เป็นไปตามหลักจิตวิทยาสำหรับเด็กหน้าหนังสือดูโปร่งตา ไม่ห่างหรือดูแน่นจนเกินไป การใช้ตัวอักษร และขนาดต้องระมัดระวังและเลือกให้เหมาะสมกับเรื่องและวัยของเด็ก
3. คุณภาพทางศิลปะ ภาพเขียนหรือภาพประกอบควรจะเขียนโดยให้อารมณ์แก่ผู้อ่านจริง ๆ ภาพเขียนก็ต้องเขียนอย่างประณีต การใช้สีสันก็เช่นกัน ในหนังสือสำหรับเด็กนั้น บางครั้งจะต้องดูสีสดใสไปจากข้อเท็จจริงบ้าง
4. คุณภาพในการเขียนเรื่องหรือผู้เขียน แม้คุณภาพในการผลิตจะสูงเพียงใด หนังสือเล่มนั้นจะไม่มีความหมายเลย หากขาดนักเขียนเรื่องสำหรับเด็กที่มีความสามารถบรรยายอารมณ์ของเด็ก ๆ ได้ดี ผูกเรื่องได้
นอกจากนี้ จินตนา ใบกาซูยี (2534, หน้า 85 – 96) ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการสร้างหนังสือสำหรับเด็กไว้ดังนี้
1. ไม่สอนโดยตรง เพราะเด็ก ๆ ไม่ชอบการสั่งสอนโดยตรงเพราะเบื่อหน่ายจากการสั่งสอนของพ่อแม่และครูอยู่แล้ว ถ้ามาพบในหนังสืออ่านซึ่งเด็กต้องการความสนุกสนาน เพลิดเพลินมากกว่าคำสั่งสอน เด็กจะเบื่อหน่ายทันที ดังนั้น ควรเขียนในรูปแอบแฝงแทรกอยู่ในความสนุกสนาน หรือเรียกว่ารูปแบบ “สาระบันเทิง”
2. จุดประสงค์ของเรื่องที่ชัดเจนว่าต้องการให้ผู้อ่าน ได้สิ่งใดจากการอ่าน เช่น ความสนุกสนาน สร้างเสริมจินตนาการ หรือให้สาระความรู้โดยตรง จนผู้อ่านสามารถบรรลุสิ่งเหล่านี้ได้เมื่ออ่านจบเรื่อง
3. คุณค่าของเรื่อง หนังสือสำหรับเด็กต้องมีคุณค่าสำหรับผู้อ่าน นั่นคือ ต้องมีแก่นเรื่อง (theme) หรือความคิดรวบยอด มีโครงเรื่อง (plot) หรือการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตาม มีรสชาติ ที่เร้าอารมณ์ มีสำนวนภาษาที่ดีตรงกับรสนิยมของเด็กผู้อ่าน จัดรูปเล่มและภาพประกอบเข้ากับเนื้อเรื่องและตรงกับความสนใจ ความนิยม และพื้นฐานความรู้ในการอ่านของเด็กแต่ละวัย
4. เนื้อเรื่องที่ดี ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการอ่านของเด็ก เช่น นิทาน เทพนิยาย นิทานวรรณคดี นิทานร่วมสมัยหรือเรื่องสั้นร่วมสมัย เรื่องการต่อสู้ผจญภัยเชิงบู๊ หวาดเสียว เรื่องลึกลับประเภทนักสืบ เรื่องขบขันจี้เส้น เรื่องวิทยาศาสตร์ การ์ตูนนานาประเภท และเรื่องที่ไม่ควรนำมาเขียนคือเรื่องตลกลามก เรื่องหยาบคาย ความรุนแรง บู๊ล้างผลาญ เรื่องยั่วยุให้เกลียดชังกันโกรธเคียดแค้นสังคมจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ล้อเลียนผู้อ่อนแอ คนเสียเปรียบ และคนพิการ เป็นต้น
5. รสของเนื้อหา ต้องเลือกให้เหมาะสมกับเรื่องราว เน้นเหตุการณ์ที่เคลื่อนไหวเพื่อให้เรื่องดำเนินไปสู่เป้าหมายเร็วที่สุด อาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามลำดับตั้งแต่แรกจนไปสู่จุดยอดเพื่อคลี่คลายปัญหา และต้องมีการจบเรื่องอย่างมีความสุข และไม่ควรเพิ่ม “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า”ในตอนจบของหนังสือสำหรับเด็กสมัยนี้
6. ตัวละคร การสร้างตัวละคร บุคลิกลักษณะนิสัยใจคอของตัวละครต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าชัดเจน ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อหา เมื่อสร้างตัวละครขึ้นอุปนิสัยต้องเป็นไปตามตัวละคร ความคิดและการพูดจาอยู่ในโลกของเด็กอย่างแท้จริง หลีกเลี่ยงการเสแสร้ง สรรพนามที่ใช้ต้องเหมาะสมกับตัวละคร เช่น “ฉัน” เด็กเล็ก ๆ จะชอบมากเพราะสามารถแทนตัวผู้อ่านได้ ตัวละครสำหรับเด็กควรมีไม่มาก ตัวละครต้องมีชื่อ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิต
7. การตั้งชื่อเรื่อง เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหนังสือสำหรับเด็กมีชื่อเรื่องเป็นจุดดึงดูดใจผู้อ่านให้หยุดชะงัก มองดู หยิบชม และเปิดดูเรื่อง ถ้าชื่อเรื่องตรงกับความสนใจ เร้าใจ อยากเปิดอ่านให้รู้เรื่องตลอดเล่ม หนังสือเล่มนั้นจะประสบความสำเร็จ การตั้งชื่อเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของการเขียนหนังสือสำหรับเด็ก และชื่อเรื่องไม่ควรยาวมากจนเต็มบรรทัด ควรมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเต็มประโยค
8. การสร้างฉาก เป็นสิ่งแวดล้อมของตัวละคร ต้องมีลักษณะให้รายละเอียดถูกต้องสมจริง มีความเป็นไปได้หรือกลมกลืนกับการดำเนินเรื่อง ยุคสมัย และนิสัยของตัวละคร
9. ยุคสมัยหรือเวลาที่เรื่องเกิดขึ้น เรื่องเกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน หรือเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา เป็นเรื่องที่ผู้เขียนจะต้องตระหนักเพราะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลสะท้อนไปยังฉาก การแต่งกายของตัวละคร และนิสัยของตัวละคร ซึ่งล้วนเป็นความสมจริงและความถูกต้องของข้อเท็จจริงในเนื้อเรื่องทั้งสิ้น
10. กลวิธีในการเขียนเรื่องเพื่อเสนอเนื้อหา มีหลายรูปแบบ เช่น ให้ผู้เขียนบรรยายเรื่องราวติดต่อกันไป โดยให้ตัวละครสำคัญเป็นผู้บรรยายเรื่อง หรืออาจให้ตัวละครที่ไม่สำคัญ เป็นผู้ที่บรรยายเรื่องก็ได้ หรือเป็นรูปแบบที่ให้ตัวละครสนทนาโต้ตอบแบบบทละคร หรือเป็นรูปแบบผสมโดยใช้รูปแบบทั้งสองชนิดที่กล่าวมาผสมผสานกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเนื้อเรื่อง
11. การเขียนเรื่องความรู้ ควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ โดยรวมแหล่งค้นคว้าเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องก่อนลงมือเขียน
12. มีโครงเรื่องที่ดี หนังสือสำหรับเด็กไม่ควรมีโครงเรื่องที่ซับซ้อนมาก มีความสั้น กระชับ แต่คมคาย โครงเรื่องประกอบด้วยบทนำเรื่อง เป็นการเปิดฉากจุดสนใจของส่วนกลาง เรื่องและตอนจบเป็นจุดสุดยอดของเรื่องเป็นการคลี่คลายปัญหาทั้งหมด และจบลงด้วยความสุขสมหวัง
โดยสรุปแล้ว หนังสือที่ดีสำหรับเด็กคือ หนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อเด็ก เด็กอ่านแล้วได้รับความเพลิดเพลินสนุกสนาน มีเนื้อเรื่องที่ตรงกับความสนใจ เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก สำนวนภาษาง่าย ชัดเจนเด็กสามารถเข้าใจได้ดี มีรูปเล่มสวยสะดุดตา ขนาดรูปเล่มกะทัดรัด ภาพประกอบให้รายละเอียดถูกต้องสมจริงและช่วยอธิบายเรื่อง ข้อเท็จจริงในเรื่องถูกต้อง ตัวอักษรเหมาะสมกับสายตาเด็กและเนื้อหาไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไป
2. เอกสารที่เกี่ยวกับหนังสืออ่านเพิ่มเติม
ความหมายของหนังสืออ่านเพิ่มเติม
หนังสืออ่านเพิ่มเติม (Supplementary Reader) แต่เดิมเรียกว่า หนังสืออ่านประกอบ
วัชราภรณ์ วัตรสุข (2541, หน้า 46) หมายถึงหนังสือที่มีสาระอิงหลักสูตร สำหรับให้นักเรียนอ่านเพิ่มเติมด้วยตนเองตามความเหมาะสมของวัยและความสามารถในการอ่านของบุค
อฐิษฐาน พระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เบิกชีวิต ให้แจ่มใส และไพศาล
เจริญสุข สรรเสริญ เจริญงาน
ทรัพย์ศฤงคาร อนันต์ใน ปีใหม่เทอญ
สวัสดีปีใหม่ครับ