เล่าเรื่องระหว่างวันที่ ๘ - ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๑


เล่าเรื่องที่เมืองเพชร

  
   

 วันที่  ๑๓   ธันวาคม  ๒๕๕๑

เรียน  เพื่อนครู ผู้บริหารที่เคารพรักทุกท่าน

วันจันทร์ที่ ๘  ธันวาคม  ๒๕๕๑   เช้านี้เดินทางไป ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ด้วยได้รับหนังสือจากผู้อำนวยการศูนย์ฯให้ไปร่วมต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่จะเดินทางมาเยี่ยมศูนย์ในวันนี้  หาทีมงานอีก ๓ คน คือท่านรองฯ โสภณ จิตมุสิก  คุณสิริรัตน์  จันทร์เจริญยศ  นักวิชาการศึกษา และคุณสายใจ  จิรชีพพัฒนา ประชาสัมพันธ์ของเขต  การเดินทางไปศูนย์แห่งนี้สะดวกสบายใช้เส้นทางเพชรเกษมเข้าบายพาสหัวหิน-ปราณบุรีก่อนถึงโรงแรมอิมพีเรียลเลควิว เลี้ยวขวาเข้าไปก็จะเป็นที่ทำการของศูนย์ ตั้งอยู่บนเนินดินท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์  การจัดภูมิทัศน์ทำได้เหมาะสม  เจ้าภาพจัดกาแฟไว้ต้อนรับ แขกรับเชิญทั้งหลายต่างฉลองศรัทธากันถ้วนหน้า  ประมาณ ๐๙.๐๐ น. ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  นายชาย  พานิชพรพันธุ์  เดินทางมาถึง พร้อมด้วยแขกจากส่วนกลางหลายท่าน เช่น ผู้อำนวยการวิทยาลัยมหาดไทย  ผู้แทน กพร.  อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สำหรับหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดที่ได้รับเชิญในวันนี้เป็นอนุกรรมการโครงการ  ทางศูนย์ได้บรรยายความเป็นมาของศูนย์ให้ทราบว่าในอดีตพื้นที่แห่งนี้มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์  มีสัตว์ป่ามากมายโดยเฉพาะเนื้อทรายอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า “ห้วยทราย” อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธาร เป็นแหล่งอาหารของราษฎร  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการให้ประกาศเป็นเขต พระราชนิเวศน์มฤคทายวันและห้ามมิให้ทำอันตรายสัตว์ในพื้นที่ห้วยทราย เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๖๗ ต่อมาราษฎรได้เข้ามาอาศัยทำกิน บุกรุกแผ้วถางป่า ประกอบอาชีพทางการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำไร่สับปะรดและใช้สารเคมีอย่างผิดวิธี ส่งผลให้ระบบนิเวศน์เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาไม่ถึง ๔๐ ปี ป่าไม้ได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ปริมาณน้ำฝนลดน้อยลงจนมีลักษณะเป็นพื้นที่อับฝน ดินขาดการบำรุงรักษาจนเกิดความไม่สมดุลทางธรรมชาติ เกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดินค่อนข้างสูง สภาพดินเกิดความเสื่อมโทรม พืชพันธ์ไม้ที่ปลูกไม่สามารถเจริญเติบโตได้จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๖  ทรงพบเห็นสภาพปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทรงมีรับสั่งความตอนหนึ่งว่า“หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด”จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่ศูนย์ฯดำเนินงานมี ๓ ส่วน คือ     (๑) การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   (๒) การพัฒนาแหล่งน้ำ  (๓) การพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้เสนอความเห็นในการพัฒนาศูนย์ฯแห่งนี้  ทางศูนย์ฯจะนำคณะไปชมพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ในโครงการ ผมแยกวงออกมาเพื่อไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในบริเวณนี้  โรงเรียนแรกที่เยี่ยมชมในวันนี้ คือโรงเรียนบ้านอ่างหิน เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ ๕ กม. จะพบโรงเรียนนี้อยู่ทางขวามือ พอรถจอดก็พบท่าน ผอ.ชัยวุฒิ จุฑาพันธ์สวัสดิ์ กำลังจัดการกับชั้นเรียน เพราะวันนี้ครูลาไปหาหมอ ๑ ราย ปกติก็ครูไม่ครบชั้นอยู่แล้ว คือมีครู ๓ คน สำหรับ ๖ ชั้นเรียน บางห้องจึงคละแบบ ๓ ชั้น  ดูแล้วก็พูดไม่ออก ได้แต่พูดคุยกับนักเรียนไป  ส่วนใหญ่อ่านหนังสือกันคล่อง เว้นแต่บางรายที่อ่านตะกุกตะกัก ครูบอกว่าแกเป็นเด็ก LD  บ้าง เป็นเด็กมีปัญหาทางบ้านบ้าง ก็ต้องสอนกันไป  ออกจากโรงเรียนบ้านอ่างหินเลยขึ้นไปทางทิศตะวันตก ถึงโรงเรียนบ้านพุหวาย พอเห็นบริเวณก็เกิดความรู้สึกว่าโรงเรียนนี้ดี  พบครูแต่ละท่านกระตือรือร้นในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนกล้าแสดงออก ทราบว่าผู้บริหารไม่มีเพราะขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต ๒ คือท่านรองฯนิวัติ  กำไลแก้ว  ผู้รักษาการจึงต้องทำงานหนัก  ไปชมห้องคอมพิวเตอร์เครื่องที่ใช้ได้กับเครื่องที่เสียครึ่งต่อครึ่ง แต่ครูบอกว่ามีหลานชายเป็นช่างคอมพิวเตอร์คอยช่วยซ่อมให้เสมอ ๆ  นักเรียนที่นี่สามารถส่ง e-mail กันได้เป็นส่วนใหญ่ ผมจึงให้ส่ง mail ไปหาบ้าง เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับเรื่องเล่า  ออกจากโรงเรียนนี้ลัดเลาะลงทางใต้ผ่านโรงเรียนวัดช้างแทงกระจาด แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะเที่ยงพอดี  หน้าวัดนี้เขาปั้นช้างพลายงายาวมีกระจาดเสียบติดงาอยู่  สำหรับประวัติจะได้ค้นหาเมื่อผ่านมาวันหลัง  ไปทานข้าวกลางวันที่ครัวคุณน้อย เป็นอาหารป่าแบบพื้นบ้าน รสจัดจ้าน  อิ่มแล้วรีบเดินทางกลับสำนักงานเพราะนัดประชุมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตและหัวหน้ากลุ่มไว้ในตอนบ่าย  ได้พูดถึงการจัดภูมิทัศน์สำนักงาน  โดยเฉพาะเรื่องตู้ด้านหลังได้ปรารภมา ๒ เดือนครึ่ง ก็ไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาเพียงกลุ่มเดียวที่ยกไปแล้วบางส่วน นอกนั้นยังเฉยไม่มีการขับเคลื่อนใด ๆ ให้ปรากฏ คงต้องกระตุ้นกันใหม่ การจัดงานปีใหม่ได้มอบหมายท่านรองฯ วสิฏฐา  อินทรสมบัติ ไปวางแผนดำเนินการเน้นกิจกรรมสนุกและอร่อยไปสู่การขับเคลื่อนพัฒนาเต็มศักยภาพ  งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนภาคกลางและภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ ๕ – ๘  มกราคม  ๒๕๕๑  ให้ท่านรองฯและหัวหน้ากลุ่ม ผลัดเปลี่ยนกันไปชมเพื่อนำสิ่งดี ๆ มาพัฒนาเพชรบุรี เขต ๒ ส่วนการจัดงานวันครูปีนี้มีนโยบายจัดรวมทั้งเขต สถานที่เน้นความสะดวกสบายและสมเกียรติของครู   การศึกษาดูงานประเทศมาเลเซีย จะให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตและหัวหน้ากลุ่มทุกคนร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานกับผู้บริหารโรงเรียนระหว่างวันที่ ๑ – ๔  กุมภาพันธ์   ๒๕๕๑  จุดศึกษาดูงานครั้งนี้เน้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์  การก่อสร้างศาลากาแฟสำหรับผู้บริหารมอบหมายท่านรองฯบุญรอด พุทธารักษ์ ไปดำเนินการ   เรื่องสภากาแฟหรือพบกันยามเช้าจะเริ่มใหม่โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ไม่เน้นเรื่องกิน แต่เน้นการคุยกันแบบสบาย ๆ ไม่เป็นทางการ จะจัดในวันอังคาร แต่จะจัดสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ใช้ศาลาหน้าบ้านชุมเพชรเป็นจุดนัดพบ

 

วันอังคารที่ ๙  ธันวาคม  ๒๕๕๑  เช้ามีการประชุมเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังครูจากโรงเรียนที่เกินไปโรงเรียนที่ขาด   เป็นการเกลี่ยอัตราว่างที่เกิดจากการเกษียณอายุก่อนกำหนด  ซึ่ง ก.ค.ศ.และ  สพฐ.ถือเป็นเรื่องบังคับสำหรับทุกเขตพื้นที่ก่อนใช้อัตราว่างเหล่านี้รับย้ายหรือบรรจุครู  คณะกรรมการได้พิจารณากันอย่างรอบคอบทั้งการตัดอัตรากำลังจากโรงเรียนเดิม และการเพิ่มให้โรงเรียนที่ขาด แต่ก็เสร็จลงในเวลาเที่ยงพอดี รอนำเข้าอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.เขตในคราวต่อไป  เที่ยงนี้ไปทานอาหารที่คุ้งบัวหลวงตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน เป็นการเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังมีสมาชิกไปด้วย ๒ – ๓   ราย  บ่ายกลับเข้าเขตเจ้าหน้าที่กลุ่มบริหารงานบุคคลบอกว่าผมนัดประชุมพิจารณากรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๓๘ ค.(๒)กลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน ไว้  บอกเขาตามตรงว่าลืม และไม่ได้อ่านมาก่อนขอเลื่อนประชุมไปวันพฤหัสบดีที่ ๑๑  ธันวาคม  ๒๕๕๑  เช้าก็แล้วกัน   เย็นเดินทางกลับบ้านที่เมืองนนท์เพราะมีภารกิจที่นัดหมายไว้ก่อน ประกอบกับพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ

วันพุธที่ ๑๐  ธันวาคม  ๒๕๕๑  ในหมู่บ้านมีเหตุโจรกรรมทรัพย์สินกันบ่อยขึ้น เพราะคนตกงาน วันนี้จึงสวมวิญญาณช่าง ซ่อมประตูหน้าต่างทั้งวัน ด้วยละเลยมานาน  สำหรับเครื่องมือช่างจำพวกสว่านไฟฟ้า ค้อน ไขควง ฯลฯ ผมมีไว้ครบเครื่อง เพราะสมัยอยู่ชุมพรลูกน้องเขาเก่งเรื่องช่างทำให้ได้เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ จึงซื้อสะสมไว้ประจำบ้านประจำรถ ภาษาทหารเขาเรียกว่า “พร้อมรบ”   วันนี้นำออกมาใช้งานก็สะดวกดี   แต่พอตกเย็นมีอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว

วันพฤหัสบดีที่ ๑๑  ธันวาคม  ๒๕๕๑  ออกจากบ้านเมืองนนท์เช้าไปถึงท่ายาง ๐๘.๐๐ น. วันนี้นัดหมายจัดกรอบอัตรากำลังในกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน และตำแหน่งในกลุ่มอื่น ๆ ที่ว่างต่อเนื่อง ก่อนนี้มีการแสดงความจำนงจะลงในตำแหน่งต่าง ๆ และคณะกรรมการให้คะแนนก็จัดทำคะแนนพื้นฐานของแต่ละรายมาแล้ว การพิจารณาจึงทำได้ง่ายขึ้น ผมเองยึดหลักการที่ว่าใครทำงานนี้อยู่ก่อนและมีคุณสมบัติครบถ้วนก็ควรได้ลงในตำแหน่งนั้น การจัดกรอบก็เสร็จลงก่อนเที่ยงเล็กน้อย  เที่ยงนี้ชวนคณะกรรมการที่ทานข้าวกลางวันด้วยกันที่ร้านลุงหร่าม มีท่าน ผอ.เรวัตร  ระหว่างบ้าน  ครูไพฑูรย์  สีสง่า  หัวหน้าสุรพล  เคยบรรจง และคุณฉันทิสา  พุ่มไสว   วันนี้ลุงหร่ามพ่อครัวเอกไม่อยู่ เหลือแต่มือสอง เธอบอกว่ามือหนึ่งไปขับรถไถแล้ว เพราะคนเข้าร้านน้อย ไม่พอค่าใช้จ่าย ปัญหาเศรษฐกิจเป็นภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่รอเรือไทยแลนด์อยู่ข้างหน้า  ผอ.เรวัตร  ระหว่างบ้าน เล่าว่า โรงแรมขนาดใหญ่ที่ชะอำ เริ่มปลดคนงานแล้วเพราะแขกต่างประเทศคืนห้องพักหมด นี่คือพิษสงแห่งการเผาบ้านเพื่อไล่ยุง  บ่ายมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๓๘ ค (๒) บางรายขอเปลี่ยนตำแหน่ง เช่น จากเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี ขอเป็น นักวิชาการเงินและบัญชี   คณะกรรมการได้พิจาณาคุณสมบัติของผู้ขอและมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง หากเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก็ไม่ขัดข้อง  รายที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็ทำให้ไม่ได้  ความวิตกกังวลของบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๓๘ ค.(๒) เหตุเพราะข้าราชการพลเรือนเริ่มเข้าสู่ระบบใหม่ที่ไร้ซีตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม  ๒๕๕๑  การเข้าสู่สายงานตามระบบใหม่ได้จำแนกคนตามสายงานที่แตกต่างกัน เป็นเจ้าหน้าที่จัดไปทางเป็นนักวิชาการจัดไปทาง และในแต่ละทางก้าวหน้าไม่เหมือนกัน  จึงอยากเข้าลู่วิ่งที่ไม่เสียเปรียบ  ผมได้คุยกับรองเลขาธิการ ก.ค.ศ. คุณกิจสุวัฒน์  หงส์เจริญ  ท่านบอกว่า เวลาเข้าสู่ระบบใหม่ ก.ค.ศ.จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดใครควรจะลงตำแหน่งไหนได้บ้างก็จะพยายามช่วยให้ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลเกินเหตุ  

วันศุกร์ที่ ๑๒  ธันวาคม  ๒๕๕๑   วันนี้นัดประชุมผู้บริหารโรงเรียนประจำเดือนธันวาคม  ๒๕๕๑ คงเป็นครั้งสุดท้ายของ พ.ศ. นี้  สถานที่เลือกสวนเพชรริเวอร์วิว รีสอร์ท การเดินทางตามคลองสายหนึ่งขึ้นไปจนถึงแยกเขื่อนเพชร เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ ๑๐ กม. เห็นป้ายรีสอร์ทเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ ๑ กม. ก็ถึงรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่สองฝั่งลำน้ำเพชรบุรี เชื่อมด้วยสะพานเหล็กแบบแขวน ห้องประชุมต้องข้ามฝั่งไป จุคนได้ประมาณ ๒๐๐ คน กำลังดีสำหรับจำนวนผู้บริหารในเพชรบุรี เขต ๒ ที่สำคัญบรรยากาศและภูมิทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ  ช่วยให้บรรยากาศการประชุมดีไปด้วย  การประชุมวันนี้มีแขกพิเศษมาพบกับผู้บริหารโรงเรียน ๒ ท่าน  ท่านแรกเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายประสาน  วงศ์สวัสดิ์ ท่านมาชี้แจงนโยบายของจังหวัดในการสนับสนุนการศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายที่สอง เป็นผู้แทนศูนย์วิทยพัฒนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเพชรบุรี  มาแนะนำหลักสูตรระดับปริญญาเอกและปริญญาโท   ก่อนประชุมผมได้มอบเกียรติบัตรและเหรียญรางวัล(ทองแดง) แก่เด็กชายกฤษฎา  สุมสังข์  นักเรียนโรงเรียนวัดท่าศาลาราม ที่เข้าร่วมแข่งขันทางวิชาการระดับประเทศ โครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้สู่สากล ประจำปี ๒๕๕๑  การประชุมวันนี้ได้ให้กลุ่มงานนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ให้ที่ประชุมทราบ เช่น การละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีครูประจำชั้นลงโทษนักเรียน  รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการเลื่อนวิทยฐานะ  การย้ายครูและผู้บริหารโรงเรียน  การดำเนินงานเรื่องงบประมาณ  การเลือกตั้ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา แทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งได้ท่าน ผอ.พิษณุ  งามขำ โรงเรียนชะอำคุณหญิงเนื่องบุรี เป็นผู้ได้รับเลือก  การนำเสนอหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ สู่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑   การประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อประกันคุณภาพผู้เรียนปีการศึกษา ๒๕๕๑ และงานของหน่วยตรวจสอบภายใน   ผมเองได้นำเสนอที่ประชุมในเรื่อง การจัดงานวันครูที่จะจัดรวมจุดเดียว  การเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศมาเลเซีย  การแต่งเครื่องแบบข้าราชการในวันพุธ และการแต่งผ้าไทยในวันศุกร์  สิ่งที่พบเห็นในการออกเยี่ยมโรงเรียน  ฝากนิทานสำหรับผู้บริหารไว้ ๑ เรื่อง คือ กระต่ายกับเต่า   ภาคที่ ๑  กระต่ายท้าเต่าวิ่งแข่งกัน กระต่ายประมาทนอนหลับต่อให้กระต่าย สุดท้ายก็แพ้เต่า  ภาคที่ ๒ กระต่ายขอแก้มือ คราวนี้ไม่ประมาทวิ่งเต็มกำลัง ถึงเส้นชัยพบว่าเต่าอยู่ที่เส้นชัยแล้วเหมือนกัน แอบไปบ้านเต่ากลางคืนได้ยินเต่าสองผัวเมียพูดกันว่า “เห็นไหมมันจำไม่ได้หรอกตัวไหนเป็นตัวไหน”    กระต่ายแพ้ครั้งนี้เพราะสู้เล่ห์กลของเต่าไม่ได้    ภาคที่ ๓   กระต่ายเจ็บใจมากจึงขอแก้มืออีกครั้ง เต่าขอให้วิ่งกันรอบโลก ครั้งนี้กระต่ายก็แพ้อีก เพราะอายุกระต่ายสั้น เพียง ๑๕ ปีก็ตายแล้ว เรียกว่าวิ่งถึงอินเดียก็ตาย ส่วนเต่าอายุยืน ๓๐๐ ปี   ย่อมเดินได้รอบโลก  กระต่ายจึงแพ้ธรรมชาติของตนเอง  อุทาหรณ์สอนใจให้คิดว่าในสังคมปัจจุบันการจะเป็นผู้ชนะได้ต้องไม่ประมาท  ต้องมีกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง และเข้าใจธรรมชาติของตนเอง   เที่ยงเลี้ยงอาหารกันที่รีสอร์ท อร่อยทั้งแกงเขียวหวานและน้ำพริก  คลิกชมภาพกระต่ายกับเต่า.ppt.


                 บ่ายชวนสมาชิกร่วมทางได้ ๕ คน คือ ท่านรองฯวสิฎฐา  อินทรสมบัติ  หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา คุณสมศักดิ์  ศักดิ์ทอง  หัวหน้ากลุ่มนโยบายและแผน คุณสุรพล  ทิมวัฒน์ คุณสิริรัตน์  จันเจริญยศ   นักวิชาการศึกษา และคุณเพ็ญศรี  ฉิมโหมด นักประชาสัมพันธ์   เพื่อเดินทางไปบ้านป่าเด็ง  อำเภอแก่งกระจาน  เพื่อร่วมพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้  ศูนย์พัฒนาเด็ก โครงการบ้านรวมน้ำใจ  ถามหาท่านผู้อำนวยการศรุต ไตรยุทธชัยโรงเรียนบ้านป่าเด็ง เพื่อยืนยันกำหนดการเดิม ท่านก็ยินดีเดินทางไปด้วยทั้งที่ควรกลับบ้านท่ายาง แต่ไปรถคนละคัน ใช้เส้นทางลัดจากสวนเพชรริเวอร์วิวรีสอร์ท ไปออกถนนหัวหิน-ป่าละอู ที่บ้านหนองพลับผ่านหน้าโรงเรียนหนองพลับวิทยา เมื่อก่อน ผอ.ไมตรี เยาหลี เป็นผู้บริหารโรงเรียน เดี๋ยวนี้ย้ายกลับไปชุมพร  เลี้ยวขวาไปทางป่าละอูขึ้นเขาตัดป่าไปร่วม ๑๐๐ กม. แยกขวามือเข้าบ้านป่าเด็ง  ก่อนพิธีได้เดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนบ้านป่าเด็ง เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ บ้านพักครูเต็มทุกหลังจน ผอ.โรงเรียนต้องมานอนบนอาคารเรียน ห้องสมุดจัดได้ดีมีโต๊ะที่อ่านหนังสือก็เหมาะ จัดประชุมก็ได้ วันนี้เวลาน้อยจึงดูไม่ทั่ว เดินทางไปที่ศูนย์การเรียนรู้ มีชาวไทยกะเหรี่ยงมาชุมนุมกันเพื่อร่วมพิธีเปิด ผู้บริหารมูลนิธิ Karen Kids และองค์การฮิล์ฟเวิร์ก ออสเตรีย ก็มากันคับคั่ง รวมทั้งสมาชิกยูโรกรุ๊ป   วันนี้จึงต้องฟังทั้งฝรั่งและกะเหรี่ยง   ประทับใจห้องเรียนและห้องคอมพิวเตอร์   โต๊ะเก้าอี้แต่ละชุดสีไม่เหมือนกัน แต่เขาเลือกสีสดใสที่เด็กชอบเป็นหลัก ดูแล้วมีชีวิตชีวา ใครอยากเห็นก็คงต้องไปดูที่ป่าเด็ง   ผมนั่งคุยกับท่านนายอำเภอแก่งกระจานที่เพิ่งย้ายมาใหม่นายสุทธิพงษ์  ตันบุญยศิริเดช  ท่านเป็นคนจังหวัดตรังแต่ย้ายบ้านไปอยู่ที่พัทลุง  พิธีกรชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงได้เชิญผู้มีเกียรติไปแสดงความรู้สึกทั้งฝรั่ง ทั้งไทย และกะเหรี่ยงอย่างยืดยาว แต่เขาเก่งตรงที่ใครพูดฝรั่งเขาก็จะแปลเป็นไทยให้ ใครพูดไทยเขาก็แปลเป็นฝรั่งให้  ต้องขอแสดงความนับถือเสียแล้ว นักเรียนเหล่านี้จะเรียนหนังสือที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กลางคืนจึงจะมาเรียนที่ศูนย์การเรียนแห่งนี้ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ผมพบครูใหญ่โรงเรียน ตชด. เขาขอเข้าร่วมประชุมประจำเดือนด้วย ผมไม่ขัดข้องและยินดีต้อนรับ  เสร็จพิธีเปิดหลัง ๑๖ นาฬิกา  มีผู้มากระซิบว่าต้องรีบเดินทางกลับได้แล้ว เพราะหากมืดค่ำจะต้องเผชิญกับโขลงช้างป่า  จึงต้องหนีเจ้าภาพที่กำลังกางโต๊ะเลี้ยงอาหารเย็น  กลับลงมายังไม่มืดแต่ก็พบช้างป่าตัวแรกเป็นช้างพลายมีงายาว ๑ ศอก ตัวไม่ใหญ่นักพอเจอรถจะหลบไปยืนพิงกอไผ่ข้างทางแบบหวาดกลัว  เห็นแล้วน่าเอ็นดู  เลยมาอีก ๑ กม.เจอแม่ช้างตัวใหญ่กำลังเดินอย่างเร็วอยู่บนถนน สงสัยจะเป็นแม่ของช้างตัวแรกเพราะดูเธอรีบร้อนเหมือนกำลังจะหาลูกที่หายไป  พวกเราต้องจอดรถจนเธอลงข้างทางจึงรีบขับผ่านไปอย่างเร็ว  ขากลับก็ต้องกลับทางเดิมเพราะสมาชิกจอดรถไว้ที่โรงเรียนบ้านท่าโล้   กลับถึงสำนักงานเขตประมาณ ๑ ทุ่ม  รับเอกสารซองใหญ่ที่ท่านเลขาธิการ กพฐ. มอบหมายงานให้ทำซึ่งเจ้าหน้าที่เขตไปราชการ สพฐ.แวะรับมาให้จากเลขานุการของท่านเมื่อตอนบ่าย เป็นงานที่น่าหวาดเสียวเพราะต้องลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นข้าราชการต้องรักษากฎอย่างเคร่งครัดไว้ ๒ ข้อ คือ ข้อหนึ่งคำสั่งผู้บังคับบัญชาถูกเสมอ ข้อสอง ถ้าสงสัยให้ดูข้อหนึ่ง   แวะเข้าบ้านพักเพื่อเก็บสัมภาระแล้วเดินทางกลับนนทบุรี เพราะมีนัดหมายกับพรรคพวกไว้ในเวลา ๔ ทุ่ม

 กำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต ๒

Getattachment12a

                                                                                                         

หมายเลขบันทึก: 229274เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2008 21:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:00 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ได้อ่านตามความตั้งใจแล้วค่ะ ไม่ผิดหวัง

ตื่นเต้นที่ได้เห็นช้างเดินอยู่ตามธรรมชาติ

ขออนุญาตนำนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าไปให้เด็กดูประกอบการเล่าของครู ขอบคุณค่ะ

เพลงเพราะมาก ชอบ

ทั้งได้ฟังเพลงที่พวกเราชอบ และได้อ่านเรื่องเล่าที่ตื่นเต้นระทึกใจ เหมือนอยู่ใน

เหตุการณ์ อาจช้าไปหน่อย เพราะคนอ่านเดินทางเข้า กทม.ด้วยรถโดยสาร นั่งรถผ่าน

คิดถึงอยู่นะ ที่สำคัญ....อยากบอกให้ท่านทราบว่า....ชื่อท่านถูกจารึกในทุกสถาน

ที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส ยิ่งได้ฟังเพลงยิ่งคิดถึงท่าน จากแฟนขลับคนเดิม

ข่าวเศร้าเรื่อง "ช้าง"

ช้างป่าเพศเมียตายปริศนา กลางป่ากุยบุรี

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายบุญลือ พูนนิล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายสัตวแพทย์สาโรช จันทร์ลาด หัวหน้าฝ่ายควบคุมโรค สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำคณะเดินทางไปพบตรวจสอบช้างป่าขนาดใหญ่เสียชีวิตอยู่ภายในป่าละเมาะกลางป่ากุยบุรี เป็นพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

นายบุญลือกล่าวว่า ช้างป่าที่ล้ม (เสียชีวิต) เป็นช้างเพศเมียอายุ 20-25 ปี ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงบาดแผลที่พบบริเวณงวงด้านซ้าย ต้องรอสัตวแพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ส่วนจะเป็นช้างป่าตัวที่พบว่างวงรั่วเมื่อ 2-3 ปี ก่อนหรือไม่ จะต้องนำภาพถ่ายมาเปรียบเทียบ

นายสัตวแพทย์สาโรช จันทร์ลาด กล่าวว่า ช้างป่าล้มมาแล้วมากกว่า 48 ชั่วโมงจึงไม่สามารถผ่าพิสูจน์เพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาเชื้อโรคได้ แต่คงต้องตรวจสอบจากบาดแผลตามซากช้างเพื่อหาสาเหตุการตาย ส่วนบาดแผลที่งวงช้างนั้น มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยปกติแล้วไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ช้างตายได้ อาจมีสาเหตุอื่น

เยี่ยมมากมาก ได้ทั้งความรู้และมีเพลงฟังให้ชื่นใจ เหมือนมีอะไรสักอย่างทียังขาดอยู่ ก็คนเขียนไง

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท