จาริกแดนพุทธภูมิ ตามรอยบาทพระศาสดา ประเทศอินเดีย เนปาล (ตอนที่ 2 สารนาถ)


สังเวชนียสถาน 4 ตำบล สถานที่ปฐมเทศนา สารนาถ

 

       สังเวชนียสถาน 4 ตำบลอีกแห่งหนึ่งคือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าปฐมเทศนา เผยแผ่พระธรรมที่พระองค์ค้นพบหลังจากตรัสรู้และเสวยวิมุติสุข พระองค์พิจารณาเห็นว่า ธรรมที่พระองค์ค้นพบมีความยากที่จะทำให้บุคคลต่างๆเข้าใจได้ แต่เมื่อพิจารณาถึงบัวสี่เหล่าจึงตัดสินใจที่จะเผยแผ่พระธรรมเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ บุคคลที่พระองค์ระลึกถึงลำดับแรกคือคือ อาฬารดาบสและอุทกดาบส อาจารย์ที่เคยสั่งสอนพระองค์  แต่ทั้งสองท่านได้เสียชีวิตแล้ว ถ้าวิเคราะห์ตามเหตุผลที่ทรงตัดสินพระทัยจะสั่งสอนอาจารย์ทั้งสองท่านก่อนน่าจะเป็นเพราะ หนึ่งพระองค์มีความกตัญญูกตเวที และสอง ทั้งสองท่านน่าจะเข้าใจธรรมของพระองค์ได้ง่ายเพราะมีความรู้มากอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่ได้สอนตามที่ตั้งใจ พระองค์จึงคิดถึงปัญจวัคคีย์ ที่คอยดูแลพระองค์คราวที่พระองค์กระทำทุกรกิริยา  ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม และหนีพระองค์ ไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสีเมื่อพระองค์เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา เพราะคิดว่าพระองค์ละความพยายามและกลับมาฉันอาหารเป็นคนละโมบโลภมาก สถานที่นี้เป็นที่อยู่ของเหล่าฤาษีจำนวนมาก เพราะเป็นสถานที่ที่เงียบสงบเป็นสถานที่ที่ให้อภัยแก่เนื้อ ไม่มีการเบียดเบียนสัตว์ ปัจจุบันนี้เรียกว่า สารนาถ เป็นที่ตั้งของสถูปใหญ่ชื่อ ธัมเมกขสถูป ซึ่งหมายถึงสถานที่แสดงปฐมเทศนา  พระพุทธองค์แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรซึ่งทำให้พราหมณ์โกณทัญญะ ดวงตาเห็นธรรม และมีพระรัตตรัยเกิดขึ้นในโลก ณ ที่แห่งนี้ในวันเพ็ญเดือนแปด วันอาสาฬหบูชา

       สารนาถ ในปัจจุบันมีฐานะเป็นอำเภอ ขึ้นกับเมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศซึ่งเป็นรัฐที่มีชายแดนติดต่อกับรัฐพิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองพาราณสีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 9-10 กิโลเมตร

       ส่วนเมืองพาราณสี เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่มีอายุยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อินเดียจนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นชื่อเมืองเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเมืองอื่นๆ ก่อนพุทธกาลพาราณสีเป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสีที่มีชื่อเสียงในเรื่องผ้าไหมที่สวยงามและสมัยพุทธกาลก็เสียอำนาจให้แคว้นโกศล แม้จะลดความสำคัญลง แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญของศาสนาพุทธและในปัจจุบันก็ยังเมืองศูนย์กลางของศาสนาพราหมณ์ที่สำคัญยิ่ง ตั้งแต่เฃ้าจดค่ำเมืองพาราณสีจะคลาคร่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางออกจากบ้านไปไหว้พระอาทิตย์และชำระล้างบาปในแม่น้ำคงคา อันศักดิ์สิทธิ์

       ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในปัจจุบันไม่เห็นเป็นป่าอีก แต่ยังเป็นดินแดนสงบ มองเห็นธัมเมกขสถูปตั้งเด่นเป็นสง่าบนสนามหญ้าเขียว ผู้คนทั้งชาวพุทธและไม่ใช่ชาวพุทธแวะเวียนเข้ามาสักการบูชาและท่องเที่ยว ผู้เขียนเห็นคุณครูพานักเรียนชาวอินเดียมาทัศนศึกษาหาความรู้และถ่ายภาพกัน มองเห็นความสำคัญของสถานที่นี้อย่างชัดเจน ที่นี่ก็มีเสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นหลักฐานแสดงถึงสถานที่ปฐมเทศนา ซึ่งขณะนี้หักเป็นท่อนๆแต่ยังมีอักษรจากรึกที่เสาเป็นภาษาพราหมณีมีใจความว่าให้คณะสงฆ์สามัคคีกัน ส่วนบนของเสาหินเป็นรูปสิงห์สี่ตัว ซึ่งปัจจุบันอินเดียนำมาเป็นตราแผ่นดิน ซึ่งสามารถชมได้ในพิพิธภัณฑ์สารนาถ ซึ่งนอกจากหัวเสาหินพระเจ้าอโศกแล้วยังมีพระพุทธรูปหินแกะสลักปางปฐมเทศนา ศิลปะสมัยคุปตะ ซึ่งสวยงามมาก บริเวณด้านนอกก็มีแขกอินเดียนำพระพุทธรูปแกะสลักจำลองเล้กๆมาให้ชาวพุทธเช่าเอาไปบูชาและเป็นที่ระลึกคราวได้มาถึงสารนาถ ดินแดนปฐมเทศนา

       เมื่อพูดถึงปฐมเทศนา ก็ต้องระลึกถึง ธัมมจักกัปปวัตนสูตร และเนื้อหาระที่พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องอะไรเป็นเรื่องแรกซึ่งปรากฏอยู่ในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง และเพราะเหตุใดพระองค์จึงสอนในเรื่องเหล่านี้ ใจความสำคัญของหลักธรรมดังกล่าว เป็นเรื่องของความสุดโต่งสองอย่างที่บรรพชิตไม่ควรปฏิบัติ นั่นคือ การทรมานร่างกายของตนให้ลำบาก และการแสวงหาความสุขและหมกมุ่นในกาม ทั้งสองอย่างไม่ใช่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ ทางสายกลางเท่านั้นที่เป็นหนทางแห่งความดับทุกข์ได้จริงหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัชฌิมาปฏิปทา และที่พระองค์สอนเรื่องเหล่านี้เพราะสิ่งเหล่านี้พระองค์เคยทำมาก่อนและพราหมณ์ก็รู้ดี ซึ่งจะเป็นการง่ายต่อความเข้าใจ ซึ่งเป็นวิธีการสอนวิธีหนึ่งของพระพุทธองค์และทำให้  โกณทัญญญะดวงตาเห็นธรรมในทันทีนั่นเอง

      เมืองพาราณสี ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธแล้วก็มีความสำคัญทางศาสนาฮินดูด้วย ฉะนั้นผู้เขียนจึงต้องเข้าชมเมืองพาราณสี โดยพักนอนที่นี่และเดินทางไปยังแม่น้ำคงคาตั้งแต่เช้าตรู่ ถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คน บ้างก็ขายดอกไม้ ขายสิ่งของ ไม้ข่อยไว้สำหรับแปรงฟัน บางแห่งก็เห็นวัวนอนบนท้องถนนอย่างสบายใจ แต่ละคนมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำคงคา ทั้งไหว้พระอาทิตย์และอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเพื่อชำระล้างบาป ชาวพุทธอย่างผู้เขียนก็ขึ้นเรือล่องแม่น้ำคงคา เพื่อลอยกระทงสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เพราะครั้งหนึ่งชาวฮินดูที่ชื่อเจตซิงค์ เจอพระบมสารีริกธาตุในผอบแต่อ่านจารึกภาษาโบราณที่จารึกพระพุทธเจ้าไม่ออก แต่คิดว่าต้องเป็นกระดูกของบุคคลสำคัญ ตนเองเป็นชาวฮินดู จึงนำลอยแม่น้ำคงคาเพื่อให้บุคคลสำคัญที่เขาเข้าใจได้ขึ้นสวรรค์ ในขณะที่อยู่บนเรือมองไปยังฝั่งแม่น้ำ พบถังน้ำประปา โรงแรมรอวันตาย และการเผาศพริมฝั่งที่มีควันลอยฟุ้งไม่มีวันดับเลย เมืองนี้เป็นเมืองที่มีสีสันมาก แต่เดิมเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาพุทธ เวลาผ่านไปเมืองนี้เป็นเมืองสำคัญทางศาสนาฮินดู ตอกย้ำคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนในเรื่องไตรลักษณ์ สาธุ วันข้างหน้าจะกลับมาเยือนอีก

    (จากภาพ ผู้เขียนและเพื่อนร่วมคณะ พระธรรทูต ผศ.สำเนียง เลื่อมใส))

 

 

หมายเลขบันทึก: 226417เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2008 19:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มารับทราบข้อมูลก่อนไปชมที่อินเดียค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณดอกสารภี

.ดีใจด้วยจริงๆที่ทราบว่าจะไปอินเดีย

.สักครั้งหนึ่งในชีวิต ชาวพุทธได้ไปกราบบาทพระศาสดา เป็นบุญอัยิ่งใหญ่ในชีวิตค่ะ

.ขอให้คุณมีความสุขตลอดปีใหม่นี้นะคะ

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓

ขอให้คุณครูอุดมพันธ์และครอบครัวมีความสุขดังบทบาลีที่ว่า เต อัตถลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธสาสเน อโรคา สุขิตา โหถะ สหสัพเพหิ ญาติภิ. ขอให้ครอบครัวของท่านพร้อมด้วยหมู่ญาติ จงประสบสุขในสิ่งที่ปรารถนา มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ปราศจากโรคภัยและเจริญงอกงามไพบูลย์ในพุทธธรรมตลอดไป เทอญ.

นมัสการพระคุณเจ้า พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

.ดิฉันขอขอบพระคุณพระคุณเจ้าที่อวยพรปีใหม่ให้ดิฉัน นับว่าเป็รพรที่ประเสริฐยิ่งในปีใหม่นี้เจ้าค่ะ

.นมัสการมาด้วยความเคารพเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท