บทที่ห้าของบันทึกการท่องเที่ยวเชิงวิพากษ์ จะว่าด้วยตลาดเช้าเมืองสิงครับ
ก่อนหกโมงเช้าผมฝืนต่อสู้กับอากาศที่หนาวเหน็บและน้ำเย็นเฉียบ แต่ความสนใจที่จะไปตลาดสดมีมากกว่า ที่จะซุกตัวกับไออุ่นจากผ้าห่มนวมบนที่นอน เดินลงมาสบายดีกับคุณลุงที่ยืนผิงไฟอยู่หน้าเรือนพัก คุณลุงบอกว่าวันนี้ไม่ค่อยหนาวเท่าไร แค่สิบห้าองศาเมื่อวานสิบสอง โธ่คุณลุงคร๊าบขนาดสิบห้านี้ผมก็จะไม่ไหวแล้ว
ตลาดเช้าเมืองสิง หากเปรียบกับละครเวทีก็คงเป็นองก์หลักหรือฉากเด็ดของเมืองสิงสำหรับผม ช่างแตกต่างจากเมื่อเย็นวานราวหน้ามือกับหลังมือ ไม่ทราบว่าผู้คนหลั่งไหลมาจากหนแห่งใด แม่ค้าชาวขายหลายเผ่าต่างนำสินค้ามาวางขาย ผู้คนมาจับจ่ายก็คับคั่ง คึกคักท่ามกลางสายหมอกที่โรยตัวหนาจนเปียกปอน ผมเห็นแม่ค้าขายสุราต้มกลั่นเองกำลังรินน้ำสีใสให้ลูกค้าวัยคุณป้าชิม คุณป้าบอกว่าวันนี้ที่บ้านนวดข้าวมาหาซื้อเหล้าไปเลี้ยงคนมาช่วยงาน ผมเห็นแม่ค้าชาวอาข่าขายผลผลิตจากป่าจำพวกหน่อไม้ เห็ด และดอกลิ้นฟ้าที่ร้อยเป็นพวงโต ผมเห็นแม่ค้าชาวไทลื้อขายผักเฮือด(ยอดไฮส้มของภาคอีสาน) เห็นแล้วนึกถึงแกงผักเฮือดใส่หมูสามชั้นที่แม่เคยทำขึ้นมาทันที มีผักสดๆสวยๆอวบๆ วางขายหลากหลายชนิด ทั้งผักกาดขาวปลี เขียวปลี กะหล่ำปลี มะเขือเทศ มันเทศ หอมแขก มีขนมที่เคยคุ้นตายามเด็ก เช่น ข้าวเม่าคลุกมะพร้าว ข้าวเบี่ยง ขนมวง ขนมปาด ส่วนขนมชาวลื้อที่ไม่เคยเห็นได้แก่ ข้าวกวนมา ดูหน้าตาคล้ายสาลี่สุพรรณ แต่แป้งเหมือนหมั่นโถว ปรุงรสหวานด้วยน้ำอ้อยมีมะพร้าวโรยหน้า สำหรับเขียงขายเนื้อเขาจัดแยกไว้อีกอาคารหนึ่งมีลูกค้ารุมซื้อกันราวกับเขาแจกฟรี คิดว่าอาจเป็นฤดูเกี่ยวข้าว คนจึงมาหาซื้อเนื้อไปทำอาหารเลี้ยงแขก
ด้านหลังๆของตลาดมีแผงขายเสื้อผ้าพื้นเมืองอยู่เจ็ดแปดเจ้า ผมสะดุดตากับแม่ค้าสูงวัยที่โพกผมแบบไทดำ ที่แผงมีของวางขายเป็นผ้าฝ้ายย้อมนิลที่ตัดเย็บเป็น ย่าม กางเกงพื้นเมือง ๒ตัว เสื้อแขนยาว ๑ตัว และผ้าขาวม้าสามสี่ผืน เขาไปหยิบชมสินค้าและชวนคุยถึงวิธีการผลิต การย้อม ดูเหมือนคุณยายจะตอบไม่ตรงคำถาม “ผ้านี้ตำแผ่นเองบ่เจ้ายาย...ผืนนี้สามสิบพัน” “ยายย้อมนิลหรือย้อมคราม....ผืนนี่ซาวห้าพัน” “เสื้อกับซงนี้แม่นแบบของไตหลำ(ไทดำ)แต้บ่เจ้ายาย...ผืนนี่สามสิบห้าพัน” จนกระทั่งมีแม่ค้าชาวอาข่า กับไทลื้อที่แผงข้างๆมาช่วยคุยให้ เอื้อยๆใช้วิธีตะโกนใกล้ๆหู อ้อ คุณยายท่านหูหนักไปแล้วนี่เอง อุดหนุนกางเกง เสื้อ และผ้าเบี่ยงของยายมาทั้งชุด แปดสิบพันกีบ เท่ากับสามร้อยกว่าบาทนิดๆ คุณยายล้วงสายรัดเอวจากในกระบุงแถมให้อีกเส้น ตกลงได้ชุดไทดำแท้ๆทอมือ ย้อมมือ และเย็บมือ ชุดนี้คงต้องถนอมหน่อย
เดินเข้าไปรองท้องด้วยข้าวซอยเมืองสิง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ที่ตลาดเมืองสิงเขาจัดให้มีอาคารขายแยกไปอีกอาคารหนึ่ง มีแม่ค้าสิบกว่าเจ้าขายข้าวซอย(ขนมจีนหน้าน้ำพริกอ่อง)เหมือนกันทุกเจ้า คราวนี้เลือกชิมสูตรชาวไทดำ (เลือกจากเสียงเรียกเชิญชวนเข้าร้าน คุณน้าเอิ้นว่า..กินเข้าซอยบ่...จาย) อร่อยพอๆกับสูตรไทลื้อที่ชิมที่หลวงน้ำทาเมื่อวาน แต่ของไทดำดูเหมือนจะใส่หมูชิ้น ในขณะที่ไทลื้อใส่หมูสับ
เดินกลับไปวนในตลาดอีกรอบ คราวนี้ไปเห็นเทียนขี้ผึ้งทำมือของแท้ ทำจากขี้ผึ้งจากรังผึ้งแท้ๆ ไม่ได้เห็นเทียนแบบนี้มานานมากแล้ว บ้านเราคงเลิกใช้เลิกทำกันนานแล้วหลังจากที่มีเทียนไขโรงงานมาให้ซื้อใช้ อุดหนุนเทียนมาสามมัดห้าพันกีบ ถูกมากเมื่อนึกถึงคุณค่าทางจิตใจ
พญาน้อยปิดการชมตลาด และอำลาเมืองสิงด้วยเทียนบูชาพระนี่แหละครับ หากถามว่าคุ้มค่าไหมที่ดั้นด้นรอนแรมมาเมืองสิง ผมก็ว่าคุ้มครับที่ได้เห็นเสน่ห์ของเมืองสิง ซึ่งก็คือความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเมืองสิงแบบไร้การปรุงแต่ง และยิ่งได้กำไรที่ได้มาเห็นตลาดเช้าเมืองสิงครับ
บันทึกหน้าส่งผมกลับจากเมืองสิงคืนหงสาด้วยครับ
แวะมาเยี่ยมชม ได้ความรู้จากเมืองสิงที่อยากไปเยอะเลยค่ะ..
ขออนุญาติ SAVE รูปไว้ด้วยนะคะ....กำลังหาเวลาไปสักครั้งเหมือนกัน