4.อยู่ท่ามกลางความแตกต่างให้ได้
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ต้องใช้นามว่าเบดูอิน ส่วนหนึ่งมาจากนิสัยส่วนตัวที่ชีพจรชอบลงเท้า มันจึงไปสอดคล้องกับเผ่าหนึ่งของอาหรับโบราณที่เร่ร่อนไปเรื่อยๆ และเป็นนามปากกาที่ชอบใช้ในการเขียนบทความต่างในนิตยสาร ผมมีความรู้สึกว่าการสอนของแต่ละศาสนา มักจะบอกว่าศาสนานั้นดีกว่าศาสนานี้ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการนี้ จริงอยู่ถ้าผมเห็นว่าศาสนาของท่านดีกว่าของผม คำถามก็คือทำไมผมไม่ไปนับถือศาสนาท่านละ ประเด็นใครดีกว่าใครไม่ต้องพูด สิ่งที่น่าจะนำเสนอมากกว่าก็คือ ศาสนาคุณมีหลักการว่าอย่างไร แนะนำบอกให้เข้าใจ ผมเคยสนทนาธรรมกับพระกิติศักดิ์ กิติโสภโณ ขอใช้คำว่าคุยก็แล้วกัน คุยกันแบบลึกแบบหักล้างกันเลย แต่ท่านทราบไหมว่าผมกับท่านไม่เคยเถียงกัน หรือทะเลาะกัน ถ้าเป็นคนอื่นๆคุยกันแบบนี้ผมคงเลือดกลบปากไปแล้ว เพราะลูกศิษย์ท่านเต็มไปหมด พอถึงเวลาละหมาดท่านบอกว่าโยมได้เวลาละหมาดแล้ว มุสลิมในประเทศไทยส่วนใหญ่รู้จักพุทธ แต่คนไทยพุทธส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักมุสลิม ผมจะชอบฟังรายการธรรมะ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ แต่ท่านไม่ค่อยได้อ่านหนังสือของมุสลิม ผมเคยบอกกับนักวิชาการมุสลิมหลายคนว่า ท่านช่วยเขียนหนังสือให้เพื่อนต่างศาสนิกได้อ่านหน่อยซิ หนังสืออิสลามส่วนใหญ่ก็เขียนให้มุสลิมอ่าน ผมขอยกตัวอย่างสิ่งที่เพื่อนชาวพุทธไม่ค่อยเข้าใจ เช่น เวลาผมไปพบผู้ฟังทางภาคอีสานท่านก็อยากจะต้อนรับผมอย่างดี ไม่มีแกงหมูเลย แต่มีแกงไก่ ผมเลยต้องทำความเข้าใจว่าอาหารฮาล้าลในอิสลามมันไม่ได้หมายถึงไม่มีหมูเท่านั้น และผมก็นำไปอธิบายในรายการต่อ เคยบอกกับคุณนิติภูมิ ไปหลายครั้งว่าเรื่องความเข้าใจในประเด็นอ่อนไหวในอิสลามช่วยเขียนไปหน่อย คนรู้จักอิสลามมีเมีย 4 คน ไม่กินหมู อิสลามหัวรุงแรง ประมาณนี้
ความเห็น (12)
สลามค่ะ
- เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบดูรายการธรรมะเดลิเวอรี่
- ชอบฟังพระอาจารย์สมปองและคนอื่นๆ เทศ
- เขาสอนแบบเป็นกลาง
- แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมคนอื่นเขาไม่อยากเรียนรู้อิสลาม
- หลายคนมีแต่คำถามว่าทำไม ทำไม และทำไม
- แต่พอให้เรียนรู้ไม่อยากรู้ ไม่อยากอ่าน
สวัสดีค่ะ
* อยู่ท่ามกลางความแตกต่างให้ได้
* ตรงกับคำสอนของพุทธศาสนา "หาความสุขในทุกประเทศที่อยู่"
* ข้อนี้เห็นจริงค่ะที่โรงเรียนมีลูกจ้างชั่วคราวเป็นหญิงมุสลิมที่แต่งงานกับชายชาวพุทธ
* ไถ่ถามแนวปฏิบัติตนของเธอ
* เธอบอกว่า เธอปฏิบัติทั้งสองศาสนา..เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้คนทำดี
* เธอปฏิบัติแบบพุทธไปวัด ไหว้พระ ทำบุญ ทำทาน เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเป็นสุข..นั่นคือไม่แปลกแยกจากชุมชนที่เธออาศัยอยู่
* เธอปฏิบัติกิจของมุสลิมตามบรรพบุรุษของเธอ ทุกวันเธอก็ทำละหมาด
* ขอให้สุขกายสุขใจค่ะ
สลามคุณสะตอดอง แบบที่คุณว่านะถูกต้อง
สวัสดีคุณพรรณา ผมว่าเธอไม่เข้าใจศาสนาจริงๆ น่าเป็นห่วง ถ้าเธอมีลูกจะมีปัญหามาก เวลามีปัญหาจะแก้อย่างไร จะเอาคณิตศาสตร์ไปแก้สังคมศาตร์ไม่ได้มันคนละวิธีกันถามว่าทั้งสองวิชาดีไหม ดี แต่มันคนละอย่าง ผมว่าเธอเข้าใจผิดครับ
ขออนุญาตเพิ่มเติม การที่จะต้องอยู่ท่ามกลางความแตกต่างให้ได้ หมายความว่าเราต้องอยู่กันด้วยความเข้าใจในความต่าง ถ้าหากเราสีแดงก็ต้องอยู่กับสีเหลืองได้ ไม่ใช่ไปเป็นสีเหลือง หรือรวมกับสีเหลือง(มันจะกลายเป็นสีอะไร)หรือสีแดงจะไปตีสีเหลืองก็ไม่ใช่(ไม่ใช่หยิกใครนะ)แบบนี้แหละที่ทำให้พุทธและอิสลามกลายเป็นศาสนาใหม่ ท่านว่าไหมละ พุทธก็ไม่ใช่อิสลามก็ไม่เชิง เป็นอิสลามแต่เข้าวัดตักบาตร เป็นพุทธแต่ละหมาดถือศิลอด คุณพรรณาและคุณสะตอดองว่าไง
ขอเสริมนิดนะคะ จากความคิดเห็นของคุณ พรรณา ผิวเผือก
- ใช่อิสลามอยู่ร่วมกันได้
- อิสลามแต่งงานกับศาสนาอื่นได้
- ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ก็ใช่
- แต่ผิดที่เธอผู้นั้นนับถือสิ่งอื่นควบคู่ไปกับศาสนาอิสลาม
- อิสลามไม่ให้กราบไหว้สิ่งอื่นนอกจากพระเจ้า
- ฉะนั้นสิ่งที่เธอคนนั้นปฏิบัติอยู่ไม่ถูกต้อง
- ขอยกข้อความนี้มาให้อ่านแล้วกัน
(การกราบมุสลิมจะกราบสิ่งใดไม่ได้นอกพระผู้เป็นเจ้า(อัลเลาะฮ์ ซ.บ.) หรือการไปร่วมงานที่เป็นพิธีกรรมในศาสนา เราต้องเข้าใจก่อนว่า หลักการในศาสนาอิสลามมีกฎข้อหนึ่งซึ่งอิสลามิกชนระมัดระวังมาก คือกฎของการสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม หรือตกศาสนาในทางภาษาเรียกว่า “มุรตัด” สิ่งใดที่ทำให้ตกศาสนาเพื่อนศาสนิกต่างๆก็ต้องเรียนรู้ เช่น การตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า มุรตัด นั้นเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งก็ต้องเรียนว่าอิสลาม ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ศาสนาเท่านั้นซึ่งถ้าเป็นแค่ศาสนาก็หมายความว่า จะมีแค่พิธีกรรม แต่อิสลามหมายความมากไปกว่าศาสนา มันหมายถึงแนวทางในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย)
- ข้อความข้างบนคุ้นๆ ไหมค่ะ คุณเบดูอิน
เจริญพร โยมเบดูอิน
อาตมาอ่านหนังสือสารคดี
ชอบเผ่าเบดูอินมากเพราะอิสระได้ท่องเที่ยวไปทั่ว
เจริญพร
เรียน(ขออนุญาตไม่ใช้นมัสการนะครับ)พระปลัด ท่านคงเข้าใจประเด็นข้างบนนะครับผมอยากให้ท่านช่วยตอบแทนด้วยในฐานะพระ ท่านมีอารมณ์ขันมากในเรื่องเบดูอินผมอ่านไปก็ยิ้มไป
สลามคุณสะตอดอง ผมว่าคุณพรรณาคงทุกข์ใจมากที่เป็นผู้เปิดประเด็นนี้ ผมเข้าใจเป้าหมายของคุณพรรณาดีว่าคืออะไร ผมเข้าใจคุณดีครับ...แต่สิ่งที่ผมและคุณสะตอดองนำเสนอนั้นคือประเด็นหลักการ ผมว่าคนที่เป็นมุสลิม เป็นแบบที่คุณพรรณายกตัวอย่างมามีอีกหลายคน..ครับคุณสะตอดองคุ้นๆผมอยากให้เพื่อนต่างศาสนิกได้อ่านในเรื่องนี้ด้วย ขอบคุณทุกความเห็นครับ เราไม่ทะเลาะกันอยู่แล้ว
สวัสดีครับ
- ขอบคุณอีกครั้งที่แวะไปทักทายในบันทึกของผม
- ตามมาอ่านเห็นชื่อบล็อกแล้ว น่าสนใจยิ่งครับ
- จึงขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในฐานะ "พุทธศาสนิกชน" ที่พึ่งเรียนรู้ธรรมะ ยังเข้าไม่ถึงแก่นธรรม และยังไม่เคยบวชด้วยครับ ถ้าผิดถูกประการใดต้องขออภัย และขอผู้รู้กว่าโปรดชี้แนะด้วยครับ
- ผมว่า การเรียนรู้กันและกันตามแนวคิดของบันทึกนี้เป็นสิ่งที่ดีมากอย่างยิ่งครับ แต่ต้องไม่รีบร้อน ต้องค่อยเป็น ค่อยไป
- ในเบื้องต้น ในความเข้าใจของผม ถ้าท่านสนใจจะศึกษาพุทธศาสนา ท่านต้องเข้าใจก่อนว่า พุทธศาสนาเองก็แบ่งออกเป็นหลาย ๆ สาย ตามความรู้ที่ผมมีอย่างน้อยมี 3 สายแล้ว โดยทั้ง 3 สายมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ มุ่งสู่ "นิพพาน" แต่ต่างวิธีการกัน กล่าวคือ สายเถรวาท (ในประเทศไทย) มุ่งสอนให้ ละ ลด เลิกถอยห่างจากกิเลส ส่วนสายมหายาน ()เช่น เซนในญี่ปุ่น) สอนให้เข้าใจในธรรมชาติของกิเลส และอีกสายหนึ่งคือวัชรยาน (ธิเบต) สอนให้นำกิเลสมาช่วยในการฝึกตน เป็นต้น เพราะด้วยเหตุนี้ เมื่อท่านไปศึกษาหรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับพุทศาสนามาอ่าน ถ้าท่านไม่เข้าใจตรงนี้ ท่านอาจจะงงและสับสนได้
- ถ้าท่านมีเวลาจะศึกษาพุทธศาสนาจริง ๆ ผมมีหนังสืออยู่จำนวนหนึ่ง แจ้งที่อยู่ให้ผมทราบแล้วผมจะส่งให้ครับ
- ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณธรรมดา ดีใจมากที่มาเยี่ยมกัน ความคิดเห็นข้อหกตรงกับผมเลยครับ จะส่งที่อยู่ไปให้ครับ ผมเป็นคนชอบศึกษาทุกศาสนา ผมเห็นด้วยว่าเราต้องทำความเข้าใจว่าในแต่ละศาสนาก็มีหลายแนวคิด นี่ขนาดไม่ได้บวชเรียนนะเนีย บางครั้งผมเดินไปธุระถ้ามีเวลาผ่านวัดผมจะแวะถ้าเจอะกับพระคุณเจ้าผมจะแนะนำตัวว่าผมเป็นมุสลิมแล้วก็คุยกันเรื่องศาสนา ผมแลกเปลี่ยนความรู้ทางพุทธกับพระได้ แต่มีพระบางท่านพอคุยเรื่องพุทธลึกๆท่านก็จะลาทุกที จริงๆผมอยากคุยมาก ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ
สวัสดีเจ้า