บทความในการนำเสนอนี้เป็นข้อแตกต่างในการทำงานของแต่ละคน
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงาน
พฤติกรรมของผู้บริหารในองค์การมี 2 ประเภท คือ 1) พฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยถือเอาระดับแห่งความพึงพอใจของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานเป็นเกณฑ์ในการวัด (Efficiency) และ 2) พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์การ (Effectiveness) ตามปกติแล้วการวัดประสิทธิผลจะวัดจากการทำงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และถือว่าได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้จะต้องใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ส่วนประสิทธิภาพนั้นวัดจากความพึงพอใจในผลงานที่ออกมาของบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาจเป็นสูตรได้ดังนี้
E = ( O – I ) + S
เมื่อ E = Efficiency = ประสิทธิภาพของงาน
O = Output = ผลงานที่ได้รับ
I = Input = ทรัพยากรที่ใช้ไป
S = Satisfaction = ความพึงพอใจในผลงาน
ดังนั้นงานบางอย่างที่ผู้บริหารดำเนินการนั้น อาจจะบรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้ แต่บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจแก่บุคคลอื่น จัดได้ว่าการทำงานนั้นมีประสิทธิผลแต่ไม่มีประสิทธิภาพ การทำงานของผู้บริหารที่ดี จะต้องมีทั้งประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
พริกกระเหรี่ยงครับ..พฤติกรรมผู้บริหารต้องดูตัวแปรด้วย..บริบท..บรรยากาศที่สำคัญการสร้างแรงจูงใจ...ผมเรียกว่า...การสวร้างอารมณ์ร่วมแรงร่วมใจ
ผมอยากทำงานเหมือนกับที่คุณทิพพริกกระเหรี่ยงเขียนไว้ในตอนสุดท้ายจังเลยครับ
บางวันเหนื่อยมากกับกับการแก้ปัญหาที่มีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้น
ผมเห็นด้วยกับajankov กับคำว่า การอารมณ์ร่วมแรงร่วมใจ สำคัญจริงๆ ครับ
กว่าจะสำเร็จผลในการโน้มน้าวให้มามีส่วนร่วมด้วยต้องใช้เทคนิคมากมาย
ถึง ajankoy ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยในการบริหารจัดการนั้น ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารไม่ใช่เหรอคะ ส่วนบริบทของโรงเรียนนั้น ดิฉันเข้าใจว่ามันคือสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ซึ่งบางอย่างก็ควบคุมได้ แต่บางอย่างก็ควบคุมไม่ได้ อย่างนี้ถือว่าเป็นตัวแปรหรือไม่
ถึง kuykam ขอบคุณมากนะคะที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงาน
สวัสดีครับ...หากเราจะสร้างภาพยนตร์สัก 1 เรื่อง...โลเกชั่น...มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ชมภาพยนตร์มาก..เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม..มีความรู้สึก..มีอีมูชั่น...มีอะไรต่อมิอะไรมากมาย..เรียกว่าบรรยายกาศ..ทางกายภาพ..หากสถานศึกษามีสภาพแวดล้อมดี..อย่างที่ ดร..โกวิท วรพิพัฒน์ เคยฝากข้อคิดไว้...การปฏิสัมพันธ์ที่ดี..มีองค์ประกอบเรื่องของสภาพแวดล้อม...เวลา...และสาระ..จะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ดี..ไม่มีกำแพงใจมาขวางกั้นความคิดดีๆที่จะพรั่งพรูออกมาสำหรับการสร้างแรงจูงใจ..จึงมีการสร้างอุทยานการศึกษาเมื่อปีก่อนๆ....แต่ระยะหลังเราตามก้นฝรั่งจนเสียดุล...อะไรๆก็ ทีคิวเอ็ม...อะไรๆก็คุณภาพ..แล้วยูก็ตั้งแสตนดาร์ดว่าเท่านี้จึงเรียกว่าฉลาด...แล้วทำใมคนฉลาดชอบเอาเปรียบล่ะถามหน่อย
ใช่ครับคุณ ajankoy แนวคิดของท่านดร.โกวิท ยังขลังอยู่ครับ
เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า "ทำใมคนฉลาดชอบเอาเปรียบ"
เป็นธรรมชาติของการบริหารงาน อย่าไปตั้ง ความคาดหวังไว้สูงเกินไปผมบริหารตามสถานการณ์ครับ
เขียนเยอะ ตอบเยอะ...ทบทวนไปในตัวครับ จากศิษย์อาจารย์เดียวกัน ....ครูระยองฮิ...
ขอบคุณนะคะครูอภิชัยที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เป็นคนระยองเหมือนกัน
เนื้อหาดีมีประโยชน์...
ขอบคุณนะคะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
เห็นด้วยค่ะ ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีทั้งประสิทธิผลและประสิทธิภาพ