เกือบไปแล้วซิ....เกือบเสีย 20,000

บ่ายๆๆ วันที่ 22 กันยายน มีลุงคนหนึ่งมีชื่อว่า ใบ พาคนแปลกหน้ามาพบ พ่อ กับ แม่ ของข้าพเจ้าที่บ้าน ซึ่งขณะนั้นข้าพเจ้าไปทำงาน จากคำบอกเล่าของ แม่ข้าพเจ้า ว่ามี ชาย แปลกหน้า 2 คน มากับลุงใบ ขับรถยนต์ป้ายแดง มาพร้อมกับลุงใบ มาถามว่า มีใครแถวนี้จะขายที่ดินบ้าง การสนทนากับคนแปลกหน้าของพ่อ กับ แม่ ลุงใบ และชาย แปลกหน้า 2 คนก็เริ่มขึ้น ท้ายสุดชายแปลกหน้าก็บอกว่า จะพาไปดูที่ ที่เขานัดว่ามัดจำกันวันนี้ แต่ไปไม่ถูก เลยมาถามพ่อข้าพเจ้า เพราะเป็นคนพื้นที่ ว่าบริเวณตรงนี้มันไปทางไหน เพราะความเป็นคน สมัยก่อนเชื่อใจคนง่าย พ่อของข้าพเจ้าก็เลยขึ้นรถไปบอกทาง เพื่อไปดูที่ที่กล่าวถึงที่นัดจะมีการวางมัดจำกันวันนี้ ขับรถไปยังบ้านเจ้าของที่จะขายที่ โดยการติดต่อของชายแปลกหน้า ก็ไปพบผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งจากการบอกกล่าวของชายแปลกหน้า ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้าของที่ดิน ที่จะขายมายืนรออยู่หน้าบ้าน รอที่จะไปชี้ที่ดินที่เราจะนัดวางเงินมัดจำจะนวน 5 แสนกันวันนี้ เมื่อรับผู้หญิงแปลกหน้าขึ้นรถมาแล้ว ก็ขับไปตามที่ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นบอกเล่า ว่าไปทางไหน และรถก็หยุดลง ในข้างหน้าที่ดินติดถนนแปลงหนึ่ง และผู้หญิงแปลกหน้าก็บอกขอบเขตของที่ดิน ว่าตรงไหนถึงตรงไหน มีที่ดินทั้งหมดจำนวน 9 ไร่ 2 งาน จะขายในราคา ไร่ละ 1 ล้านบาท เมื่อดูที่ดินเสร็จก็ขับรถกลับมาที่บ้านข้าพเจ้า ชายแปลกหน้าก็คุยกับพ่อของข้าพเจ้าและลุงใบ ว่า จะให้เปอร์เซ็นในการพาไปดูที่ และนำทาง 15 เปอร์เซ็นของราคาขายและจากนั้นชายแปลกหน้าได้รับโทรศัพท์ จากเสี่ยที่จะมาวางมัดจำที่ และในเวลาต่อมาเสี่ยคนนั้นก็เข้ามาร่วมการสนทนา เขาคุยว่าขายที่ได้จาการเวนที่ดินคืน จากการสร้างสนามบิน เลยอยากจะซื้อที่ดินทดแทน วันนี้นัดมาวางมัดจำ 5 แสนบาทให้กับเจ้าของที่ดิน จากนั้นก็สั่งลูกน้องว่าให้ไปนำเงินในรถมา ลูกน้องก็ไปเอาเงินมาให้เสี่ยดังกล่าว จากนั้นก็นับเงินค่ามัดจำกัน เงินขาด 5 แสน อยู่ 4 หมื่น ทำอย่างไรดีล่ะ ก็หาตัวช่วยในวงสนทนา ชายแปลกหน้า 2 คนเรียกเสี่ยว่า เฮีย ชายคนหนึ่งบอกว่า ผมมีเงินสดมา 1 หมื่น ผมช่วยเฮียได้ หมื่นเดียว ชายอีกคนก็บอกว่า ผมก็มีมาเหมือนกัน หมื่น ชายแปลกหน้า 2 คน ก็นำเงิน คนละ 1 หมื่นออกมาให้เสี่ย จากนั้นการสนทนาก็เริ่มขึ้น ต่อไป อีกว่า ถ้าไม่มีเงินมัดจำวันนี้ก็คงไม่สำเร็จแน่ๆๆ เลยเพราะเจ้าของก็คือผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจะให้กับคนอื่น ใครไวใครได้ เหตุที่ต้องการเงินมัดจำด่วนคือ จะต้องไปถ่ายโฉนดที่ดิน ที่กำลังจะขายนี้ มาจากนายทุน มิฉะนั้นที่ดินจะถูกยึด จึงจะต้องเอาเงินครบ 5 แสนไปจ่ายในวันพรุ่งนี้ เสี่ยก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า ก็ยังมีที่ดินเหลืออีก 2 งาน นะลุง ช่วยผมหน่อยนะลุงมีที่เหลืออีก 2 งาน เศษของ 9 ไร่ เพราะผมต้องการแค่ 9 ไร่เท่านั้น ลุงช่วยจ่ายเงินที่เหลือ 20,000 บาท และผมจะลงชื่อให้ลุง 2 งานที่เหลือนั้น หลังจากการพูดจาเกลี้ยกล่อมอยู่นานจนเกือบจะเกิดความสงสาร และอยากได้ที่ดิน 2 งานนั้น ลุงใบก็บอกกับชายแปลกหน้าว่า บ้านนี้เขาขายที่ได้เหมือนกัน เงินน่าจะมี ชายแปลกหน้าก็ได้ถาม แม่ข้าพเจ้าว่า เงินที่ได้จากการขายที่ดินมาน่ะเอาไปไหนหมด เอามาช่วยกันก่อน แล้วจะให้ที่ดิน 2 งานที่เหลือ แม่ของข้าพเจ้าบอกว่าเงินที่มีอยู่ให้ลูกไปส่งรถหมดแล้ว เพราะลูกก็เพิ่งซื้อรถป้ายแดงเหมือนกัน (โกหก พวกมัน) จากนั้นการสนทนาก็สิ้นสุดลงโดยทุกคนในกลุ่มนั้นบอกว่าไม่มีก็ไม่เป็น นัดกันวันหน้าแล้วกัน เจ้าของที่ดินก็ให้เบอร์โทรติดต่อ เสี่ยก็ให้เบอร์ติดต่อ บอกว่าถ้ามีเงินเมื่อไรก็โทรไปเพื่อจะได้จ่ายเงิน และได้ที่ดิน 2 งานที่เหลือและทิ้งท้ายด้วยว่าถ้าจ่ายเงิน 2 หมื่น จะให้เปอร์เซ็นจากการขายของเจ้าของที่ดินด้วย...15 เปอร์เซ็นเชียวนา....

ปล.ใน ตำบลที่ข้าพเจ้าอยู่ขณะนี้ เรื่องที่เล่ามานี้หรือเรื่องกลโกงของมนุษย์ มันเป็นเรื่องฮิต บางบ้านเสียเงินจำนวนหลายหมื่นบาทหรือ เสียทองที่ใส่ในคอ หรือเสียอย่างอื่นอีกมากมาย...เลยกลายเป็นโรคยอดฮิตไปเสียแล้วสำหรับคนในหมู่บ้าน โชคดีที่บ้านข้าพเจ้าไม่ติดโรคเข้าไปด้วย และอยากบอกเล่าเรื่องโรคนี้ให้เป็นวัคซีนป้องกันโรคชนิดนี้สำหรับผู้อ่าน ซึ่งโรคนี้มันเกิดขึ้นจริงๆๆ ในสังคมปัจจุบัน ถ้ามันไม่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วเราจะไม่รู้ บางคนที่เขาโดนบางทีก็ไม่บอก เพราะอะไร เพราะอายที่เสียรู้ เสียเงิน เสียทอง ที่บ้านข้าพเจ้ารู้เพราะว่าเรามีประสบการณ์เป็นโรคเดียวกัน พวกคนที่โดนโรคร้ายนี้เลยเล่าสู่กันฟัง ...เป็นห่วงทุกคนในสังคมนะ...อย่าอยากได้อะไรที่มันได้มาง่ายๆๆ นะ และอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิท...