|
แบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในอดีต
|
|
|
สำหรับเด็กระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ซึ่งเป็นเด็กประถม เขาจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อให้สามารถ และเข้าใจ และตระหนักความสำคัญ และวิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์อย่างง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง เข้าใจเรื่องสภาพสังคม เศรษฐกิจ ความเป็นมาของประเทศไทย และประเทศ เพื่อนบ้าน เด็กจะต้องสามารถอธิบายเรื่องราวพัฒนาการของไทยในสมัยต่างๆ ได้โดยสังเขปแต่จะไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก ในระดับช่วงชั้น หลักสูตรขั้นพื้นฐานจะเน้นไปที่เรื่องราวในปัจจุบันเป็นหลัก เช่น เรื่องราวพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราชวงศ์จักรี เพราะเรื่องราวเหล่านี้จะใกล้ตัวเด็ก ซึ่งจะทำให้เขาสนใจ และเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ง่าย ดร.เบญจลักษณ์ ให้รายละเอียดต่อไปว่า เมื่อเด็กศึกษาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เด็กวัยนี้พัฒนาการทางสมองจะสามารถจดจำ และเข้าใจรายละเอียดได้มากขึ้น หลักสูตรจะพาเด็กย้อนกลับไปศึกษาเรื่องราวของยุคสมัยต่างๆ ในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างละเอียด ตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย จนพัฒนามาเป็นสมัยอยุธยา กรุงธนบุรี มาเรื่อยๆ ที่สำคัญ เด็กจะได้เรียนรู้ถึงอิทธิพลของต่างชาติ ที่เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประเทศไทยอย่างไรบ้าง เมื่อเด็กโตขึ้นมาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 การพัฒนาการทางสมองก็เติบโตมากขึ้น และเด็กมีความรู้พื้นฐานทางประวัติศาสตร์มากขึ้นแล้ว ในช่วงวัยนี้หลักสูตรจะเน้นให้เด็กได้คิดวิเคราะห์เป็นหลัก การเรียนการสอนจะเป็นเชิงวิเคราะห์ทั้งหมด ในประเด็นประวัติศาสตร์ชาติไทย ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาความเป็นชาติ แนวคิดความเป็นมาของชาติไทย ปัจจัยที่มีผลต่อการสถาปนาอาณาจักรต่างๆ และจะมีการหยิบยกเอาประวัติบุคคลสำคัญในประวัติสาสตร์ชาติไทยมาเรียนรู้ เพื่อให้เด็กได้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ และสถาบันสำคัญของไทย รวมถึงเข้าใจความเชื่อมโยงของสภาพสังคม เศรษฐกิจ และอิทธิพลจากปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อประเทศเราด้วย ผอ.สำนักวิชาการ และมาตรฐานการศึกษากล่าว **หนุนเพิ่มชั่วโมงเรียนเรื่องชาติไทย ดร.เบญจลักษณ์ บอกอีกว่า การยกร่าง และกำหนดหลักสูตรประวัติศาสตร์ของ สพฐ.นั้น จะทำในรูปคณะกรรมการยกร่าง โดยมีคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ร่วมในการพัฒนาหลักสูตรด้วย และหลังจากที่ประกาศใช้หลักสูตรไปแล้ว สพฐ.จะมีการประเมินผลการใช้หลักสูตร และปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเกิดความชัดเจน และทันสมัยอยู่เสมอทุกๆ ปี ซึ่งเมื่อหลักสูตรถูกใช้ไปประมาณ 6-10 ปี ก็จะต้องปรับปรุงครั้งใหญ่สักครั้งหนึ่ง เป็นการปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับปัจจุบัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ขณะนี้ สพฐ.ส่งเสริมให้สถานศึกษาเพิ่มชั่วโมงเรียนเกี่ยวกับประเทศชาติเข้าไปให้มากขึ้นอีกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะในยุคโลกาภิวัตน์ เด็กเรียนรู้เรื่องอื่นๆ ได้จากสภาพแวดล้อม และสื่อโดยทั่วไป แต่เรื่องของชาติไทยนั้นโรงเรียนควรเสริมให้กับเขา เพื่อให้เกิดความรัก ภาคภูมิใจ และหวงแหนความเป็นไทยตั้งแต่วัยเยาว์ ผอ.สำนักวิชาการฯ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ทรงห่วงใยเกี่ยวกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย สพฐ.ก็ได้ร่วมมือกับกองทัพบก และกรมศิลปากร ทำโครงการพัฒนาการสอนประวัติศาสตร์ 4 ภูมิภาค จัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ประวัติศาสตร์ไทยให้กับครูผู้สอน และสนับสนุนให้โรงเรียนจัดทำศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติสาสตร์ไทยในโรงเรียน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาให้กับเด็กด้วย พ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญ ที่จะช่วยให้เด็กสนใจเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ โดยการพาเด็กไปเที่ยวในแหล่งเรียนรู้ เช่น พิพิธภัณฑ์ต่างๆ หรือแหล่งโบราณสถาน จะเป็นการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ไทยให้เด็กได้รับรู้ทางหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่จะเป็นครูที่ดีที่จะปลูกฝังประวัติศาสตร์ให้ลูกๆ ได้รู้ถึงความวิริยะอุตสาหะในการสร้างชาติ ซึ่งจะซึมซับอยู่จิตใจของเด็ก ทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทยได้อย่างดีดร.เบญจลักษณ์ กล่าวฝากไปยังพ่อแม่ทุกคน
http://www.boybdream.com/manager-news-content.php?newid=105178
|