ฉบับที่ ๖
กานต์วลี ที่รักเสมอ
ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับความจริงว่า ชีวิตของผมขาดกานต์ไม่ได้ ผมไม่สามารถสลัดปัดภาพแห่งความหลังของสองเราได้
สิ่งที่ขมขื่นที่สุดในความเศร้าสลดของเราในวันนี้
คือความทรงจำถึงความปราโมทย์เมื่อวันวานของเรา
The bitterest thing in our today’s sorrow
Is the memory of our yesterday’s joy.๑
ผมรู้ว่าเราต่างมีความต้องการในรักซึ่งกันและกัน
กานต์วลี มนุษย์ทุกคนในสังคมล้วนมีความต้องการด้วยกันทั้งสิ้น อย่างระดับพื้นฐานคือ ความต้องการที่จะบริโภคสินค้าและบริการต่าง ๆ ดังนั้น การตอบสนองก็เกิดขึ้นเพื่อตอบความต้องการนั้น ความต้องการซื้อ ของผู้บริโภค เรียกว่า อุปสงค์ (Demand) ส่วนความต้องการที่จะนำสินค้าออกมาจำหน่ายของผู้ผลิต เราเรียกว่า อุปทาน (Supply)
ส่วนความต้องการที่ผมมีต่อกานต์ เรียกว่า ไฟรัก (burning love) ซึ่งคอยติดตามเผาผลาญจิตใจของผมให้เฝ้าคิดถึงกานต์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันคงเป็นไปตามกฎของความรักที่ว่า
เมื่อความรักเข้ามาสัมผัส ทุกคนก็กลายเป็นกวี
At the Touch of love , everyone become a poet.๒
Plato ( ca. ๔๒๗-๓๔๗ B.C.)
ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีกฎเกณฑ์ของตัวเองอยู่ อย่างเช่น “ ถ้าราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ความต้องการที่จะซื้อสินค้าและบริการนั้นจะลดลง แต่ถ้าราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ นั้น ลดลง ความต้องการที่จะซื้อก็มากขึ้น ” หรือสรุปสั้น ๆ ได้ว่า ปริมาณการซื้อสินค้าและบริการจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับราคาของสินค้า นี่คือ “ กฎของอุปสงค์ ( Law of Demand) “
(กราฟ ขออภัยลงไม่เป็น ขึ้นไม่ได้)
ในส่วนของอุปทาน ก็มี “ กฎของอุปทาน (Law of Supply) ” ที่ว่า “ ถ้าราคาสินค้าและบริการชนิดใดเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตหรือผู้ขายจะนำเอาสินค้าชนิดนั้นออกมาขายเพิ่มขึ้น แต่ถ้าราคาสินค้านั้นลดลง ผู้ผลิตหรือผู้ขายจะนำสินค้านั้นออกมาขายน้อยลง ” หรือสรุปได้ว่า ปริมาณของสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับราคา
(กราฟ ขออภัยลงไม่เป็น ขึ้นไม่ได้)
กานต์วลี ทุกสิ่งทุกอย่างมีกฎและมีเกณฑ์
กฎเกณฑ์แห่งความรัก ( Law Of Love ) ของคุณเป็นอย่างไรหรือ ความรักของคุณ เพิ่มขึ้นมากไหม ( Supply Of Love ) เมื่อรู้ว่าผมมีความต้องการโหยหาในความรักจากคุณมากเพียงใด ( Demand Of Love )
กานต์วลี ไม่ว่าความต้องการซื้อ ( Demand ) หรือ ความต้องการขาย ( Supply ) ต่างสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับความรักของสองเรา แต่กานต์ทราบไหมว่า หากว่าความต้องการของทั้งสองฝ่าย มีความต้องการที่เหมือนกัน ก็จะเข้าสู่จุดพอใจสูงสุด ซึ่งทางเศรษฐศาสตร์ เราเรียกว่า “จุดดุลยภาพ” หรือจุดที่พอใจสูงสุดของความต้องการซื้อและความต้องการขาย ซึ่งเป็นจุดที่มีการซื้อขายสินค้าและบริการนั้นเอง
E |
(กราฟ ขออภัยลงไม่เป็น ขึ้นไม่ได้)
กานต์วลีครับ ถึงแม้ว่ามีกฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ ควบคุมอยู่ แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้ อะไรหรือที่ทำให้ความรักของกานต์เปลี่ยนแปลง คงไม่ต่างกับอุปสงค์และอุปทาน
สิ่งที่ทำให้ความต้องการซื้อ ( เส้นอุปสงค์ ) เปลี่ยนแปลง มีหลายปัจจัย เช่น รายได้ , การโฆษณา , รสนิยม , ประชากรที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง , อายุและเพศ ,การเปลี่ยนไปตามฤดูกาล , การคาดคะเนสินค้าในอนาคต , การออม ฯลฯ เป็นต้น กานต์ดูที่ภาพสิ กานต์อาจจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
|
(กราฟ ขออภัยลงไม่เป็น ขึ้นไม่ได้)
จากภาพกราฟ ยกตัวอย่าง หากผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้ายังคงเท่าเดิม ผู้บริโภคก็มีความสามารถในการซื้อสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น จาก ปริมาณ OQ เป็น OQ1 นั่นก็หมายความว่า ความต้องการซื้อหรืออุปสงค์ในสินค้าชนิดนั้นเพิ่มขึ้น และหากมองจากกราฟ เราก็จะพบว่า เส้นอุปสงค์ ( D ) เมื่อเพิ่มขึ้นจะเคลื่อนที่ไปในทางขวา ( D1 ) และถ้าหากความต้องการซื้อหรือ Demand ลดลง เส้นอุปสงค์ก็จะเคลื่อนที่ไปทางซ้าย
กานต์คงจะถาม แล้วอะไรบ้างล่ะ ที่ทำให้ความต้องการขาย (เส้นอุปทาน) เปลี่ยนแปลง ก็มี อาทิ การเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและบริการที่เป็นปัจจัยในการผลิต , ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี , การแข่งขันของผู้ผลิต , การคาดคะเนล่วงหน้าของผู้ผลิต , การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้อุปทานเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ กานต์คงจะไม่เข้าใจอีกเช่นกัน หากไม่ได้ดูภาพกราฟ
P1 |
(กราฟ ขออภัยลงไม่เป็น ขึ้นไม่ได้)
หากน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยในการผลิตสินค้าและบริการราคาเพิ่มขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นหรือกานต์กับความต้องการขายของผู้ผลิต ใช่สิเมื่อปัจจัยในการผลิตสูงขึ้น ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และจะทำให้ราคาสินค้าและบริการต้องปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย จาก OP เป็น OP1 ในขณะที่ทำการเสนอขายในประมาณเท่าเดิม คือ OQ เส้นอุปทานจะเคลื่อนที่ไปทางซ้าย ซึ่งก็หมายความว่า ความต้องการเสนอขายลดลง
แล้วอะไรล่ะ เป็นสาเหตุให้ความรักของกานต์ลดน้อยถอยลง ในขณะที่ความรักของผมกลับเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น กานต์ควรจะมีคำตอบให้ผมด้วยเช่นกัน และได้โปรดเข้าใจเถิดว่า
การได้รับความรักอย่างลึกซึ้งจากใครคนหนึ่งเป็นสิ่งที่ให้พละกำลังแก่คุณ
ทว่า การรักใครคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ให้ความกล้าหาญแก่คุณ.
Being deeply loved by someone gives you strength ,
While loving someone deeply gives you courage. ๑
ด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง ผมจึงมีความกล้าหาญที่จะบอกกับกานต์ว่า มาอยู่เคียงข้างผมเถิด กานต์วลี
เฝ้ารอคุณเสมอมา
อภิษฐา
ไม่มีความเห็น