บทคัดย่อ
ชื่อรายงานวิจัย : การพัฒนาการเรียนรู้โดยใช้วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนและศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน เรื่อง ระบบนิเวศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรีไผทสมันต์ จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2550
ชื่อผู้เขียน : นางมาลีวรรณ ลอยประโคน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์ โรงเรียนศรีไผทสมันต์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ปีการศึกษา : 2550
การพัฒนาการเรียนรู้นี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อใช้วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายตามแผนการจัดการเรียนรู้ และหาค่าประสิทธิภาพของวิธีการจัดกิจกรรมตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 : 80 นำผลการทดสอบมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน รวมทั้งศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มตัวอย่างทดลองเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรีไผทสมันต์ จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2550 ที่เลือกเรียนสาระเพิ่มเติมชีวิตกับสิ่งแวดล้อม รหัสวิชา ว31201 เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ทดลองวิจัยทุกชนิดได้ผ่านการตรวจสอบโดยให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน และนำผลมาปรับปรุง แล้วจึงนำเครื่องมือไปทดลองใช้กับกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายขนาดเล็ก (1 : 1) ขนาดกลาง (1 : 10) และขนาดใหญ่ (1 : 100)ตามลำดับ หลังทดลองใช้กับกลุ่มขนาดใหญ่ นำผลการทดลองมาคำนวณหาค่าประสิทธิภาพดังนี้ คือ กิจกรรมที่หลากหลายในแผนการจัดการเรียนรู้ ได้คำนวณหาค่าประสิทธิภาพระหว่างกระบวนการกับผลลัพธ์ (E1/E2) จำนวน 10 แผน มีค่าเท่ากับ 83.8/82.0, 86.5/84.4, 87.1/82.0, 84.5/79.6, 83.6/81.2,80.6/84.8, 81.8/83.6, 82.8/82.0, 82.6/85.6, 81.9/82.8 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย 0.3≤ p≥ 0.8 ค่าอำนาจจำแนก 0.3≤ r≥ 0.6 และค่าความเชื่อมั่น (rtt) เท่ากับ 0.615 แบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนจำนวน 20 ข้อ ได้วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนกรายข้อพบว่าค่า t อยู่ระหว่าง 1.657-4.847 จำนวน 15 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 75 ค่า t อยู่ระหว่าง 0.125-1.517 จำนวน 5 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 25 ได้ปรับปรุงข้อคำถามก่อนนำไปใช้ และค่าความเชื่อมั่น ของแบบสอบถามทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ 1.517
ผู้วิจัยนำเครื่องมือที่ผ่านการหาประสิทธิภาพแล้ ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างทดลองเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรีไผทสมันต์ จังหวัดสุรินทร์ ใช้รูปแบบการทดลองแบบ The one group pretest-posttest design ระยะเวลา 20 ชั่วโมง เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติขั้นพื้นฐานได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คำนวณหาค่าทางสถิติโดยใช้โปรแกรมMicrosoft Excel 2003 และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน โดยใช้การทดสอบค่าที (t-test for Dependent sample) กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการทดลองและวิจัย สรุปได้ดังนี้
1. กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายประกอบแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อใช้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการวิเคราะห์ค่าประสิทธิภาพระหว่างกระบวนการกับผลลัพธ์ (E1/E2) หลังจากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างทดลองมีค่าเท่ากับ 85.5/80.0, 87.2/81.3, 87.8/80.9, 85.3/80.0, 82.3/80.0, 84.9/85.9, 85.0/83.4, 86.2/80.6, 85.8/83.4, 86.4/81.3, ค่าดรรชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.64 และค่าร้อยละที่เพิ่มขึ้นหลังเรียนเท่ากับ 64.27 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานกำหนด 80/80 และ 0.5 ตามลำดับ
2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน ใช้ผลรวมจากคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ ผลการวิเคราะห์พบว่า ค่าเฉลี่ย ( ) หลังเรียนเท่ากับ 24.72 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 3.4 และค่าเฉลี่ยก่อนเรียน ( ) เท่ากับ 15.22ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 3.1เมื่อดำเนินการทดสอบโดยใช้สถิติที (t-test for dependent sample) ผลการทดสอบพบว่าค่า t คำนวณ = 22.94 > ค่า t(.05,31) = 1.697 ปฏิเสธสมมติฐานกลาง (H0) ยอมรับสมมติฐานเผื่อเลือก (H1) แสดงว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมที่หลากหลายประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่าของลิเคอร์ท (Likert's Rating Scale)จำนวน 20 ข้อพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจระดับ "มากที่สุด" มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.7 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.5 สูงกว่าเกณฑ์ 3.51 แปลผลว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมที่หลากหลายและมีคุณภาพในระดับมากที่สุด
ยินดีที่ได้รู้จักคะ เก่งจังคะทำวิจัยในชั้นเรียน
ผมว่าชื่อเรื่องยาวเกินไป
น่าจะเอาไว้ในจุดประสงค์การวิจันนะครับ
บทคัดย่อเขียนได้ละเอียดดีมากครับ แม้ใช้ข้อความสั้นๆ แต่อ่านแล้วเข้าใจง่าย