เชื่อว่าทุกท่านที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการศึกษาของชาติ ไม่ว่าจากฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงมากเหลือเกินในบ้านเรา นโยบายด้านการศึกษาหลายอย่างถูกผลักดันเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม แน่นอนว่าทุกเรื่องจะมี หลักการ เหตุผลและความจำเป็นที่อ่านแล้วอาจเคลิ้มเอาได้ง่ายๆ เหมือนอ่านนวนิยายแล้วจินตนาการตามไปก็ทำให้เกิดอารมณ์คล้อยตาม เบิกบาน ยิ้ม หัวเราะ ด้วยความสุขที่ปรุงแต่งขึ้นในใจได้ไม่ยาก อ่านจบ เหลียวดูตัวเองตามสภาพที่เป็นจริงก็คงพบอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป เรียกว่าความคิดที่เลื่อนไหลไปในโลกแห่งจินตนาการนั้น ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้น อะไรๆก็ดูจะง่ายไปหมด ก็ความฝันนี่ครับ ย่อมไม่มีปัญหา ทุกอย่างเป็นจริงได้เสมอ อย่ารีบตื่นก็แล้วกัน
บนเส้นทางของการปฏิรูปการศึกษาของชาติ ได้มีการนำเสนอแนวคิดและทฤษฎีหลายอย่าง ให้สถานศึกษา และครูอาจารย์นำไปปฏิบัติ การปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา การวิจัยในชั้นเรียน การสร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ การเพิ่มพูนทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การประกันคุณภาพการศึกษา ฯลฯ แต่ละเรื่องได้รับการเผยแพร่ ปลุกเร้า กระตุ้นเตือนให้รีบทำ และเกิดการแข่งขันกันทำ ออกอาการว่าใครจะได้มาก ได้เร็วกว่ากันก็มีอยู่ สิ้นเปลืองงบประมาณ และเวลาไปแล้วแค่ไหน เกิดความทุกข์ทรมานจนคนดี คนเก่งผันชีวิตตนเองออกจากเส้นทางอาชีพที่เคยศรัทธาและมุ่งมั่น ไปแล้วเท่าไร ? กล่าวโดยภาพรวม ความผิดพลาดสำคัญที่ผ่านมาและควรได้ใช้เป็นบทเรียน คือการมองงานด้านการศึกษาเสมือนหนึ่งว่าเป็นกระบวนการผลิตสินค้าในระบบอุตสาหกรรม ทั้งๆที่มีธรรมชาติของงาน และความประณีต ละเอียดอ่อน ความสลับซับซ้อนของปัจจัยอันเป็นส่วนประกอบของระบบ แตกต่างกันมากเหลือเกิน
ถ้าเห็นคนในสังคมหนึ่งที่มีคุณลักษณะพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมต่างจากเรามากทำอะไรสำเร็จ แล้วคิดจะนำวิธีการเหล่านั้นมาใช้บ้าง โดยหวังผลอย่างเดียวกัน หากไม่คิดให้รอบคอบถึงทุนเดิมที่แท้จริงที่เรามีอยู่ ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ จะได้แค่รูปแบบของเขามา มองผิวเผินที่เปลือกนอก ก็ดูจะคล้ายๆกัน แต่มักจะปราศจากแก่นสารที่แท้จริงภายใน ลงทุนมาก เหนื่อยมาก แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้อะไร.
เห็นด้วยกับคุณ Handy เป็นอย่างมากค่ะว่า สิ่งดีๆที่เราเห็นของบ้านเมืองอื่นนั้น เราต้องมองให้ลึกลงไปถึงว่า ทำไมเขาจึงทำแล้วได้ผลดี เราจะเอามาใช้อย่างไรจึงจะได้ผลบ้าง สภาพแวดล้อมและคุณสมบัติพื้นฐานของบ้านเรานั้นเป็นเอกลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจ เราควรใช้สิ่งที่เรามีอยู่เป็นตัวตั้ง เอาสิ่งดีๆเหล่านั้นมาดัดแปลง บูรณาการให้เข้ากับเอกลักษณ์ของสังคมเรา และแน่นอนที่ว่าวิธีการที่ใช้กับการพัฒนาระบบการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมนั้น ไม่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ระบบการศึกษาได้