ทุก ๆ เช้าฉันจะตื่นนอนเวลาประมาณตีห้าครึ่ง ลุกจากที่นอน ล้างหน้าแปรงฟัน ลงมาเดินดูแปลงดอกไม้ และสวนผักของฉัน ซึ่งปลูกไว้ข้างบ้านทั้งสองด้าน ฉันปลูกไว้สิ่งละอันพันละน้อย มี ข่า ตะไคร้ กะเพรา มะกรูด มะละกอ แต่อย่างหลังนี่ เพิ่งปลูกยังเป็นรุ่นอนุบาลอยู่เลย เวลาที่ได้เดินดูผลงานของตนเองนี่ มันช่างแสนสุขเสียเหลือเกิน
เมื่อวันเสาร์ที่แล้วฉันพาพี่สาวและน้องสาวไปต่างจังหวัด ขากลับก็เลยแวะสวนชำข้างทาง ได้พันธุ์ไม้มาหลายอย่าง แต่ต้นที่อยากปลูกมาก ๆ ก็คือ มะละกอ และมะรุม สาเหตุที่อยากปลูกมะละกอนี่ ก็เพราะว่า ปลูกทีไรไม่ค่อยได้ผลสักที ไม่ตายก็แคระแกร็น ถึงบางต้นจะติดลูกก็ไม่ดกเลย ต้นหนึ่งได้สัก 4-5 ลูกกระมัง ด้วยเหตุนี้มันก็เลยท้าทายให้ฉันอยากปลูกอยู่ทุกครั้งเมื่อมีอารมณ์อยากจะปลูกขึ้นมา ส่วนมะรุมนี่ เขาบอกว่าเป็นพืชมหัศจรรย์ บ้านใดปลูกมะรุมไว้ เหมือนมีโรงหมอไว้ที่บ้าน เพราะว่ามะรุมเป็นยาสมุนไพร รักษาได้หลายโรค เช่น ลดความดันโลหิต แก้ไข้หัวลม ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง รักษาโรคหัวใจ โรคไขข้อ ทั้งส่วนที่เป็น ใบ ดอก ฝัก เมล็ด เปลือก ราก แล้วบังเอิญว่าฉันก็ชอบรับประทานแกงส้มมะรุมปลาช่อนด้วยสิ
การปลูกต้นไม้ทำให้จิตใจของเราสงบเยือกเย็น และรู้จักการรอคอย อดทน ใจจดใจจ่อ คอยสังเกตว่าเมื่อใดพวกเขาจะงอกออกมาให้เราได้ดู วันที่เราได้เห็นพวกเขาแทงต้นอ่อนลำเล็ก ๆ สีเขียวอมเหลืองขึ้นมาโผล่พ้นดิน มันทั้งรู้สึกตื่นเต้นและเป็นสุขใจ และยิ่งวันที่เขาออกดอกสะพรั่งบานนี่สิ งดงาม และชื่นบานใจจริง ๆ เราดูแล รดน้ำ พรวนดิน ด้วยความรัก และเป็นสุข เช่นนี้ ทำให้วันเวลาของเรามีความหมาย มอง และสดับเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเข้าใจ มีสมาธิที่จะเพ่งพินิจ ใคร่ครวญด้วยเหตุด้วยผล เรื่องบางเรื่องที่คนอื่นทำให้เราขุ่นเคือง ก็เลือนหายไป และไม่มีเวลาที่จะคิดแก้แค้นเอาคืน ด้วยเวลาทั้งหมดทั้งมวลที่เหลือจาก การงานประจำ ก็อยู่ที่การเพาะปลูก เราปลูกต้นไม้ แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจว่า ขณะที่เราปลูกต้นไม้ เราได้ปลูกจิตใจเราไปด้วย ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน เติบโต งอกงาม บานสดสะพรั่ง ไปพร้อม ๆ กันทั้งต้นไม้และใจเรา ซึ่งเป็นไปเองโดยอัตโนมัติและโดยปริยาย.
พนมมุกดา
๔ กันยายน ๒๕๕๑
ขอบคุณภาพจากอินเทอรร์เน็ต
มาปลุกต้นไม้ลดโลกร้อน และลดอารมณ์ร้อน ๆ ของการเมืองกันเถอะค่ะ
แตงกวาจิ้มน้ำพริก แซ่บ ๆ มาแล้วจ้า...