ชุมชนท้องถิ่นเป็นสังคมหนึ่ง มีความหมายครอบคลุม เหมือนประเทศหนึ่ง ๆ มีระบบเศรษฐกิจของตัวเอง มีระบบสังคมของตัวเอง มีระบบการเมืองของตัวเอง เหมือนกันต่างกันตรงที่ ชุมชนท้องถิ่นเหล่านั้นขึ้นต่อกับจังหวัด/ประเทศอะไร มีระบบเศรษฐกิจมหาภาคอย่างไร? มีระบบสังคมมหาภาคอย่างไร? มีการเมืองการปกครองหรือกฏหมายมหาชนอย่างไรก็จะปกครองตามระบบนั้น พัฒนาระบบสังคมไปตามอย่างระบบสังคมใหญ่ และดำเนินระบบเศรษฐกิจตามอย่างระบบเศรษฐกิจระบบใหญ่ ?
ประเทศไทยเราก็แปลกที่ ระบบเศรษฐกิจโดยรวม เป็นระบบทุนนิยมแบบไร้จิตสำนึก แต่การใช้ระบบเศรษฐกิจฐานรากกลับไม่ใช่ระบบทุนนิยม....แบบนั้นแต่ยังเป็นระบบทุนนิยมที่เอื้ออาทรกันอยู่...
เช่นการทำธุรกิจเกษตร ปลูกผักเป็นต้น ชาวบ้านก็จะรู้สึกว่า การทำธุรกิจมีกระบวนการคือ เมล็ดผัก,น้ำ,ยารองพื้นหลุม,แรงงาน,ยาฆ่าแมลง ..ผ่านกระบวนการนี้ แล้วออกมาเป็น ผักสมบูรณ์สวยงาม ไร้ที่ติ..แต่แฝงไปด้วย สารเคมีเป็นพิษตกค้างในผัก ,จุลินทรีย์ย่อยสลายที่พร้อมจะทำลายสุขภาพของผู้บริโภค,เป็นซากพืชที่ไร้จิตวิญญาณ,สีเขียวที่เราไม่รู้ว่า ยังมีคลอฟินส์อยู่หรือเปล่า??..
แต่ถ้าถามเกษตรกรว่า ผักสวย ๆ ที่เห็นนี้ เอามาปรุงเป็นอาหารทานมื้อนี้ได้หรือไม่ มักจะได้คำตอบว่า ...ไปตัดผักจากแปลงโน้นดีกว่า...(เพราะเขาแยกระหว่างปลูกกินกับปลูกขายเอาไว้แล้วเหมือนกระหล่ำปลีที่ซับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์)
นี่เป็นการทำธุรกิจแบบไร้จิตสำนึก(ต่อผู้บริโภค) แต่เขาต้องทำเพราะว่าผู้บริโภคต้องการแต่ผักสวย,ผักสมบูรณ์ไม่มีรู ไม่มีหนอน,ผักที่หมดจดเหล่านี้ ถ้าไม่กางมุ้งก็ยากที่จะควบคุมให้สวยได้ หรือถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเคมีก็เร่งให้โตเร็วไม่ได้ เพราะเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา (เวลาหมดอายุของยาฆ่าแมลง ซึ่งหนอนมาทำลายผักอีกได้).....แต่ถ้าเราต้องการทานมื้อนั้น เขาก็จะนำผักอีกแปลงมาทำให้เรารับประทาน.....(เขามีจิตสำนึกว่า ถ้าทานเองก็จะปลูกไว้อีกตั้งหา หรือเท่ากับว่ารับผิดชอบชีวิตของตัวเอง แต่ไม่รับผิดชอบชีวิตของคนอื่นที่บริโภคผักนั้น ๆ )
แต่วิสาหกิจชุมชน เป็นการประกอบการคล้ายทำธุรกิจ ทำอุตสาหกรรมในครอบครัว ให้การเรียนรู้เป็นหัวใจของกิจกรรม (สาธิตได้ตลอดว่าดีต่อสุขภาพ,ดีต่อสิ่งแวดล้อม,ดีกับทุกคนอย่างไร) มีเป้าหมายที่พอเพียง (เน้นที่การผลิตด้วยแรงงานของคนในชุมชนเป็นหลัก) มีเป้าหมายที่การพึ่งตนเอง (อย่างน้อยผลิตเพื่อบริโภคเอง เหลือแล้วจึงจำหน่าย) และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงชีวิตของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เช่น โรงงานผลิตน้ำสะอาด,การทำน้ำยาเอนกประสงค์,โรงงานทำปุ๋ยชีวภาพ ,กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิ บ้านนาอีสาน ก็จะใช้ครกสี ผลิตเป็นข้าวกล้องให้ผู้บริโภค(ทั้งตนเองและผู้อื่น) โดยรับประกันคุณภาพว่า ไร้สารพิษแน่นอน 100 % (ตั้งแต่หว่านกล้าข้าวหอมมะลิ และทุกขั้นตอนจนได้ข้าวเปลือกมาสีอีกครั้งเป็นข้าวกล้องปลอดสารพิษ)..
จากข้อแตกต่างเหล่านี้ จึงกลายเป็นว่า วิสาหกิจชุมชน เปรียบเหมือน "วัว" แต่ธุรกิจชุมชน/อุตสาหกรรมชุมชน เปรียบเหมือน "ม้า" อาจจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกัน ในสรีระร่างกาย แต่เมื่อทำหน้าที่ "วัว" กับ "ม้า" ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เราจะเอา"ม้า"มาไถนาแทน "วัว" ไม่ได้ เพราะ "ม้า" เอาไว้วิ่งและสู้รบ ซึ่งเอา"วัว" ไปทำหน้าที่แทนกันไม่ได้ฉันใด ธุรกิจชุมชน ก็ไปแทน วิสาหกิจชุมชนขั้นพื้นฐาน ไม่ได้เช่นกัน ครับ
ไม่มีจริงเหรอความเหมือนนะ
ความเหมือน คือ ความต่าง ความต่าง คือ ความเหมือน, เหมือนไทยเราเอา คำว่า "วิสาหกิจชุมชน ขนาดกลาง และขนาดย่อม" จากต่างชาติมาใช้ มานั่นแหละ...ทำไมมีกฏหมายรองรับ...มีธนาคารเพื่อวิสาหกิจชุมชนขนาดกลาง และขนาดย่อม ....แตกต่างจากธุรกิจชุมชน หรืออุตสาหกรรมชุมชนตรงไหน....ถึงมีอภิสิทธิ์กว่า และส่วนวิสาหกิจชุมชนกับต้องหาทางออกกันเอง......
ธุรกิจชุมชน อุตสาหกรรมชุมชน กับ ธุรกิจ และอุตสาหกรรม เหมือนกันทุกประการ แต่อยู่ที่คนของใคร? มีการเลือกปฏิบัติกันเอง ...ครับ