ปัจจัยที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของงานคือการรู้วิธีจูงใจคนให้ทำงานอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ
ศิลปะในการจูงใจขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำ และผู้บริหาร การรู้ถึงจุดแข็งจุดอ่อนของลูกน้อง ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนำ มาพิจารณาเสมอก่อนมอบหมายให้ไปทำงาน หากมอบหมายผิดคนย่อมส่งผลให้งานล้มเหลว เมื่อเลือกคนได้แล้ว จะทำอย่างไรที่เขาจะทุ่มเทศักยภาพของเขาให้กับการทำงานได้เต็มที่เป็นเรื่องท้าทายความสามารถของผู้บริหารอย่างยิ่ง ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ปัจจัยอะไรที่จะสามารถจูงใจคนประเภทไหนจึงจะได้ผล
โดยทั่วไปความต้องการของมนุษย์ตามความหมายของMaslow The hiarichy of need มีลำดับขั้นคือ ขั้นต้น คือ การยังชีพเพื่อความอยู่รอด(Survive) ต่อมาคือความปลอดภัยและมั่นคง (Secure) ต่อมาคือการเป็นที่ยอมรับของสังคม(Social Acceptance) ต่อมาคือชื่อเสียงเกียรติยศ (Honor,Dignity) และขั้นสุดท้ายคือการเป็นตัวตนของตัวเอง(Self Actualization)
|
นิสัยแต่ละคนมีความแตกต่างในความต้องการ ดังนั้นผู้บริหารต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละคน และถูกกาลเทศะจึงจะได้ผล การสร้างอิทธิพล(Influence)ต่อคนเพื่อผลของงาน สามารถใช้ทั้งด้านบวก(Positive Reinforcement) และด้านลบ(Negative Reinforcement) ขึ้นกับลักษณะของบุคคลนั้น
• คนมักได้ ต้องใช้ ผลประโยชน์ตอบแทน
• คนรับผิดชอบ ต้องใช้ หน้าที่ และให้ความอิสระ
• คนปลิ้นปล้อน ต้องใช้กฎระเบียบ
• คนเก่ง ต้องใช้การให้ความสำคัญ
• คนขยัน ต้องใช้ การชมเชย
• คนโง่ ต้องใช้ การให้ สิ่งยึดติด
• คนชอบนำ ต้องใช้ความเป็นเป็นทีม
• คนอยากได้หน้า ต้องใช้ การยอมรับ
• คนอาภัพ ต้องใช้ ความสงสาร
• คนเกียจคร้าน ต้องใช้ การลงโทษ
• คนตรง ต้องใช้ เหตุผลและความยุติธรรม
• คนโลเล ต้องใช้ คำสั่งที่ชัดเจน
• คนนอกคอก ต้องใช้ การติดตาม
• คนค้าความ ดีแต่พูด ต้องถามหาข้อสรุป
• คนแข็งกร้าว ต้องใช้ ความนิ่ง สุขุมนุ่มนวลสยบ
• คนสับปรับ ต้องรีบ จับให้ทันก่อนหันไปเรื่องอื่น
• คนอ่อนแอ ต้องใช้ ความเข้มแข็งปกป้อง
• คนอ่อนไหวง่ายต้องทำใจถ้อยทีถ้อยอาศัย
• คนจัญไร ต้องไล่ออกประการเดียว
ผู้นำที่พยายามสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อื่น อย่าลืมที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองด้วย หาไม่แล้วการมุ่งแต่จูงใจผู้อื่นจะเป็นไปด้วยความเฉื่อยชา ไม่มีประสิทธิภาพ เปรียบได้กับ“เครื่องจักรที่ไม่ดีจะผลิตสินค้าคุณภาพ ดีได้อย่างไร