รวม AAR หลังการฝึก KM..


รวม AAR หลังฝึก Km

ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยได้ลง AAR หลังการฝึก KM ไม่รู้จะอ้างอะไรดี ..เป็นอันว่าต้องทำให้ชิน...

เรื่องแรกก็คือ  ทำ 5 ส.อย่างไรให้มีความสุข

นั่นซิทำอย่างไร   26 มีนาคม 2551 อีกวันกับการทำ KM วันนี้ เราได้มา แลกเปลี่ยนเรื่องการทำ 5ส อย่างไรให้มีความสุขโดดมี พี่ใหญ่(อ.พรชัย )เป็น KM Manager พี่หาญ เป็น Facilitator และพี่แก้มเป็น Note Taker ผมยอดชายนายศักดิ์ดาเป็นผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยน จากหัวข้อก็มีหลายๆท่านได้บอกวิธีและแนะนำเทคนิคต่างแต่ดูเหมือนว่าวันนี้เป็นวันแรกก็เลยทำให้หลงประเด็นไปบ้างออกนอกกรอบที่เรากำหนดไว้แต่ก็ได้เห็นความตั้งใจของทุกท่านที่จะพยายามบอกถึงวิธีและเทคนิคของแต่ละคนโดยมาจากส่วนตัว ประสบการณ์ ของแต่ละท่านก็มีหัวข้อมากมายหลายประเด็นก็มีที่แตกต่างที่ผมชอบคือ พี่โจ้ของเรา(อ.กิติพงษ์)บอกว่าน่าจะเริ่ม ส.ที่  5 ก่อนนะคือสร้างนิสัยก่อนแล้วเริ่มทำ 5ส จึงจะทำให้มีความสุขก็เลยคิดว่าแปลกดีตั้งแต่เข้าอบรม 5ส มาก็ไม่เคยมีใครคิดแบบนี้มีแต่เพียงเริ่มจาก 3ส แรกก่อน(น่าสนใจนะ)แต่สำหรับผมแล้วผมมีเทคนิคคือทำให้เป็นตัวอย่างก่อนโดยเฉพาะในส่วนที่จะต้องใช้ร่วมกัน พอเพื่อนร่วมงานอยากได้ก็มาหาอย่างง่ายแล้วพอเพื่อนหาได้เราก็มีความสุขแล้ว คือยังไงเราต้องมีความสุขกับการทำก่อนแล้วผลตอบรับกลับมาก็จะส่งผลให้เรามีความสุขยิ่งขึ้นเป็นตัวอย่างที่ดีได้(ยกเว้นเสียแต่ไม่ค่อยทำ)ถ้าอยากรู้ว่ามีเทคนิดอะไรอีกก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ พี่แก้ม( Note Taker ) ก็จะรวบรวมมาให้พวกเราได้ดูกันอีกที สรุปอย่าคิว่าเป็นส่วนเกินก็แล้วกัน

เรื่องที่สองคือ   เทคนิคการสร้างความตระหนักในการประหยัดพลังงาน

เมษายน 2551 กับ KM9กระโดด วันนี้เราได้มาร่วมพูดคุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในหัวข้อเทคนิการประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยมีผมนายศักดิ์ดาเป็น Note Taker ก็พอได้เรื่องเล่ามากมายหลายวิธีในการร่วมกันประหยัดไฟฟ้าและพอสรุบมาให้ได้อ่านและช่วยกันเพิ่มวิธีการประหยัดด้วยนะครับ
เริ่มต้นที่ **พี่ใหญ่ของเรานั้นท่านก็ได้เล่าถึงการปฏิบัติเป็นประจำคือการเดินสำรวจและก็ปิดไฟ รวมถึงแจ้งถึงนโยบายในการประหยัดไฟฟ้ากับหน่วยงานซ่อมบำรุง**อ.หน่องเล่าถึงเรื่องการซักผ้าคือเมื่อเครื่องซักผ้าซักแล้วให้นำผ้าออกมาในขณะที่ผ้ายังร้อนอยู่แล้วพับเก็บจะช่วยประหยัดในการรีดผ้าอีกด้วย และยังแนะนำถึงผ้าที่ควรใช้ควรเป็นผ้าที่รีดง่ายรวมถึงตู้เย็นควรใช้ที่มีที่กดน้ำจากด้านนอกเพื่อป้องกันการเปิด-ปิดบ่อย **อ.โจ้ก็แนะนำวิธีการประหยัดคือควรเปิดไฟเฉพาะที่ที่จำเป็นและไม่เปิดปิดบ่อย**พี่ตาดำนันก็เล่าว่าที่บ้านใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดนีออนธรรมดารวมถึงการรีดผ้าและซักผ้าครั้งละมากๆในทีเดียวกัน**พี่หนูนั้นบอกว่าที่บ้านจะใชแสงสว่างจากไฟสาธารณะในทางเข้าบ้านแทนการเปิดไฟในบ้าน **พี่หาญก็บอกว่าไฟในห้องน้ำก็ใช้เพียงดวงเดียวก็พอหรืออาบน้ำก็อาบในเวลามฃที่มีแสงสว่างแล้ว แต่สิ่งที่คิดแปลกไปจากคนอื่นคือ**น้องจิของเรานั้นคิดง่ายๆแต่ก็ทำให้เราคิดได้คือไม่ใช้ซะเพราะนี้คือการประหยัดที่แท้จริงหรือถ้าจะใช้คือเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น(แล้วอะไรล่ะ )ทั้งหมดนี้พอสรุปได้มาเป็นหัวข้อดังนี้ถ้าถูก-ผิดอย่างไรนั้นก็ช่วยแก้ใขด้วยนะครับ
เทคนิคการประหยัดไฟ้ฟ้า
1.ไม่ใช้เลย
2.ใช้เฉพาะจำเป็น
(ง่ายไปมั้ง555555+)วิธีทำ
1.ปิดแอร์เมื่อเลิกงานหรืออุณหภูมิที่เพียงพอ
2.ใช้ไฟจากธรรมชาติในเวลากลางวันหรือทำกิจกรรมต่างๆ
3.ไม่เปิด-ปิดไฟบ่อยเกินไป
4.ใช้หลอดประหยัดพลังงาน(ตะเกียบ)
5.รีดผ้าหรือซักผ้าครั้งละมากๆในคราวเดียวกัน
6.ผ้าม่านในห้องควรใช้สีอ่อนๆช่วยในการส่องแสงสว่าง
****มีอะไรเพิ่มเติมก็แนะนำต่อได้นะครับ****
***จากใจนายศักดิ์ดา***
                                **โลกจะร้อน ก็เพราะคน ทำให้ร้อน
                               ใจจะอ่อน เพราะคน ไม่เข้มแข็ง
                               ฟ้าขาดฝน คนขาดน้ำ- -ใจแห้งแล้ง
                               เพราะคนแก่ง- -แย่งชิง ไม่เสื่อมคลาย
                               **จะปรับโลก ให้เย็น ควรปรับคน
                               ต้องปรับตน ให้เป็นคน มีความหมาย
                              ไม่เอาเปรียบ เบียดเบียน สิ่งรอบกาย
                             เริ่มที่ใจ เริ่มที่คน ของตนเอง

                                ฝากไว้นะครับ

เรื่องที่สาม  เทคนิคการออมเงินให้คุ้มค่า

วันนี้ ( 9 เม.ย. 51 ) เราแลกเปลี่ยนกันเรื่องการออมเงินทำอย่างไรให้คุ้มค่า ก็มีหลายๆท่านได้เล่าประสบการณ์การออมเงินการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าก็ได้ พี่แก้ม เป็นคุณเอื้อ พี่ใหญ่ เป็นคุณอำนวย

และพี่หาญเป็น note ฯก็มีหลายๆเทคนิคที่ได้แลกเปลื่ยนกันพอสรุปได้ดังนี้คือ

1. เราต้องวางแผนก่อน ทั้งเรื่อง การหา,การเก็บ  หาอย่างไรได้เท่าไร แล้วจะเก็บอย่างไร

2. ควบคุม....เราควบคุมการใช้โดย  กำหนดการใช้เงิน,ความพอดี  ว่ามี่แค่ใหนใช้อย่างไร และพอดีกับเราใหม

3.  การตัดสินใจใช้...เมื่อควบคุมแล้วก็มาตัดสินใจว่าจะใช่อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด เช่น ซื้อหนังสือมาอ่าน(แพง)แต่ไม่ได้อ่านก็ไม่คุ้ม(อ.วุฒิชัย) บางครั้งเราอาจตัดสินใจซื้อของไปทั้งๆที่เราไม่อยากได้ อีก...

4. การแยกเก็บ...(ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก) 55555+ เรามาคิดดูว่าเราจะเก็บอย่างไร ในรูปใหนจึงจะคุ้ม  อย่างพี่หาญของเราก็นำไปลงทุน ซื้อที่ดินบ้าง เล่นหุ้นบ้าง (ฟังพี่แกพูดแล้วอยากลอง)

สุดท้ายอยากฝากไว้คือ...เงินคือสมบัตินอกกาย  แต่มีความหมายกับการดำเนินชีวิต

เรื่งที่ สี่..คือเทคนิคการใช้ชีวิตแบบพอตัว

30.เม.ย. 51 ก็เป็นการคล้ายกับการต่อเนื่องของบทที่แล้วเมื่เรารู้จักใช้เงินแล้ว เราจะใช้อย่างไรดี

วันนี้อีกวันที่ก็เกือบหลงประเด็น...ก็ได้พี่โจ้..เป็นคุนเอื้อ ผมเป็นคุณอำนวยเราก็ได้เรื่องการใช้ชีวินรูปแบบต่างๆกัน(จำมะได้แระว่าใครเล่าอะไรบ้าง) แต่ของผมนั้จะนึกถึงตัวเองเป็นหลักมองที่ความสุขก่อนเช่นการใช้เงิน (ในทางไม่ดี)ผมก็จำกัดกำหนดไว้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่มีต่อเนื่องหรือเกิน ต้องห้ามใจให้ได้ และต้องทำได้ ก็พอสรุปได้ คือมองอนาคต มองตัวเอง มองคนรอบข้าง คิดให้รอบคอบ

เรืองที่ห้า การเป็นลูกน้องที่ดี...

วันนี้ 14 พ.ค. 51 เป็นวันที่เราหลงประเด็นกันมากเพราะเราเอาความรู้สึกที่มีต่อหัวหน้างานมาเล่ากันจนกลายเป็นประเด็นถกเถียงจนหลุดว่าเป็นคนโปรดหรือไม่ใช่ การเป็นลูกน้องที่ดีนั้นจะต้องเป็นคนโปรดหรือเป็นคนที่หัวหน้ารัก หรือเปล่าจึงเป็นลูกน้องที่ดี หรือเป็นคนที่ทำงานถูกต้องตามขั้นตอน หรือทำงานตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว ก็ได้หลายๆรูปแบบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ยังพอสรุปได้คือ อย่างพี่หาญบอกว่า..หัวอ่อนเข้าไว้....แต่ใจเข้มแข็ง (แจ่มเลย)

คนอื่นๆก็มี..รู้จักหัวหน้า..รู้ทางหนีทีไล่

ต้องอาสาที่จะทำ และดูว่าทำได้ใหม ศึกษาค้นคว้าหาข้อบกพร่อง

ให้มุมมองกับหัวหน้าที่พึ่งพาได้

ทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน..แต่ต่างตรงความรับผิดชอบ (พี่ใหญ่)

เรื่องที่หก เทคนิคการควบคุมความโกรธด้วยตนเอง

04-06-2551  วันนี้เรามาพูดคุยกันในหัวเรื่องที่มีชื่อว่า เทคนิคการระงับความโกรธด้วยตนเอง โทกคนมาร่วมแลกเปลี่ยนกันแระกันก็ได้วิธีระงับกับการแนะนำวิธีต่างๆแต่ยังมีบางคนที่ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร ( ก็คือผมเอง )วันนี้ง่วงนอนเลยไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรแอกอย่างเราเครียดกับงานด้วย มาเริ่มที่ KM วันนี้เลยได้ฟังทีม KM ของเราไดบอกวิธีระงับมาพอสังเขปคือ

ให้มองถึงเป้าหมายของงานที่จะทำ โดยไม่สนใจสิ่งรบกวนรอบข้าง

มองถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากความโกรธ

 หรือไม่ก็หาหนังสืออ่านเพื่อเป็นทุนป้องกัน

รู้ถึงอารมณ์ผู้โกรธ ไม่ตอบสนองในทางที่จะทำให้เกิดข้อขัดแย้ง

สุดท้ายเราต้องมีสติอยู่เสมอ เพราะสติจะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและมีความสุข

คุณล่ะคิดอย่างไร

เรื่องที่เจ็ด วิธีผ่อนคลายความเครียด

วันนี้ 18 มิ.ย. 51 เรามาแลกเปลี่ยนกันถึงวิธีผ่อนคลายความเครียดของแต่ละท่านกัน ส่วนใหญ่จะใช้การออกกำลังกายบ้าง อ่านหนังสือบ้างเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย

แต่เมื่อเกิดขึ้นในระหว่างทำงานล่ะจะทำอย่างไร สำหรับผมแล้วก็จะใช้การเดินออกนอกพื้นที่ก่อนเพือลดความตรึงเครียดและกลับมาใหม่นั้นระหว่างออกไปก็คิดไปทุกๆด้านพร้อมกับการเดินจะทำให้คิดได้และมีกำลังใจต่อ หรืออีกอย่างเผื่ออยากเอาไปใช้กันคือ (งานมากขี้บ่อย งานน้อยทยอยขี้) อิอิ จะช่วยได้นะลองดูซิ

เรื่องที่ แปดและเรื่องที่เก้านั้น มาอยู่ในวันเดียวกัน

คือวันที่ 2 ก.ค.51 เรื่องเทคนิคการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี และ การทำงานในศูนย์การแพทย์ฯให้มีความสุข

เริ่มที่การเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีนั้น อย่างพี่หาญนั้นได้เข้ามาเป็นหัวหน้างานที่หน่วยจ่ายกลางทำให้เกิดปัญหา ระหว่างคนเก่า,คนใหม่ ก็ทำความเข้าใจและชี้แจงให้เห็นเหตุเห็นผลและปรับความเข้าใจกันใช้การพูดคุยแบบเป็นกันเองและทำให้ทุกคนไม่รู้สึกไม่ดี อย่างผมนั้นก็จะทำความเข้าใจกับเพื่อนก่อนดูว่าเพื่อนเราเป็นคนแบบใหนและทำความเข้าใจกับเพื่อน เปิดโอกาสให้ใช้ความสามารถแลแสดงความคิดเห็นและพร้อมที่จะสนับสนุนความคิดดีๆ ส่วนจินั้น ก็จะเน้นที่การพูด พูดในทางที่ดี และรู้จักพูดกับคนที่เราต้องใช้เค้าทำงาน

อื่นๆเช่น...เพิ่มจุดเด่นให้เพื่อนบวกกับการชี้จุดอ่อน

...ให้อภัย..เมตตา..ช่วยหลือ..

เรื่องสุดท้ายคือการทำงานในศูนย์การแพทย์ฯให้มีความสุข

ก็ได้ความคิดที่ทุกคนช่วยกันคือ....มององค์กร..มองตัวเอง...มองงานในหน้าที่

มององค์กรคือมองว่าองค์กรมีจุดมุ่งหมายอะไรและเราต้องทำอย่างไร...

มองตัวเอง..คือทำงานให้เราได้รับความสะดวกสบายมีความสุขแต่ไม่ผิดกฏ แล้วจะส่งผลให้องค์กรมีความสุขด้วย..สำหรับมองงานในหน้าที่นั้นคือมองว่าเราทำอะไรเพื่ออะไรแล้วให้ใจ..รักกับงานทำให้เกิดประโยชน์และมีความสุขแล้วคนรอบข้างก็จะมีความสุข องค์กรก็ได้รับความสุขด้วยเช่นกัน

พอสรุปได้สังเขปดังนี้........

แล้วพบกันใหม่นะครับ.....

 

คำสำคัญ (Tags): #km msmc
หมายเลขบันทึก: 199400เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2008 17:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 15:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท