ตามสัจธรรมแห่งธรรมชาติอันประเสริฐได้กล่าวไว้อย่างจริงแท้แน่ว่า “เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งสกปรกจะทำให้สิ่งอื่นสะอาดได้” ดังนั้นครูจึงต้องเป็นคุณครูผู้ “สะอาด” เพราะสิ่งที่สะอาดเท่านั้นจึงจะชำระความสกปรกได้
คุณครูผู้ที่รับหน้าที่ดูแลดวงใจดวงน้อยที่พ่อแม่ไว้วางใจ ส่งต่อ เจียระนัยให้แวววาว ดุจดวงดาวอันสว่าง ส่องอำไพ...
คุณครูนั้น เป็นบุคคลที่สำคัญยิ่ง เป็นผู้ที่รับหน้าที่ทั้ง ควบคุม ป้องกัน มิให้ความสกปรกมาแประเปื้อนลูกศิษย์ที่เปรียบเสมือนดั่งผ้าผืนน้อยสีขาวที่ยังสะอาดอยู่ รวมทั้งเพิ่มพูน ฟื้นฟู พลังสมอง สติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ปัญญา” ให้ลูกศิษย์ได้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง
คุณครูผู้สะอาดนั้นจะต้อง สะอาดปราศจากความโลภ ความโกรธ และความหลง
คุณครูผู้สะอาดคือ “ผู้ให้” การให้อย่างจริงใจนั้นจะเป็นเกิดปิดประตูไซร้ซึ่งความโลภ
คุณครูผู้ให้นั้นย่อมทำหน้าที่ “ครูเพื่อให้” มิได้หวัง ทรัพย์สิน เงินทอง หรือกำไร แม้กระทั่งตำแหน่ง ลาภยศ และสรรเสริญ
ครูผู้ให้นี้เป็นผู้เดินท้าชนต่อทรัพย์สิน ความสบายในเมืองใหญ่ ตำแหน่ง ซี ขั้น อันท้าทาย หันหน้าหนีจากสิ่งที่กล่าวทั้งหลายอย่างมั่นคง
ครูที่ทำเหตุปัจจัยไว้ดี ย่อมได้ดี เป็นของธรรมดา
การทำดีในหน้าที่ครูคือ “สอนดี” การสอนดีนั้นมิใช่เพียงแต่แค่ศิษย์มีความรู้ แต่ศิษย์ยังต้องเป็นที่เชิดชูคุณความดีแห่งพ่อแม่
ความสุขทั้งหลายของชีวิตของพ่อแม่นั้นมารวมอยู่ที่ลูก ความฝัน ความหวังของพ่อแม่นอกเสียจากความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทั้งการเรียน การงานแล้วนั้น สิ่งสำคัญคือต้องการเห็นลูกเป็น “คนดี”
คนที่มีความดี คือคนที่รู้จักการเสียสละ ลูกศิษย์ที่รู้จักการเสียสละ ก็เนื่องด้วยเพราะมีครูที่เสียสละ
“การเสียสละนั้นคือการให้”
แม่พิมพ์สรรสร้าง กำหนด ตกแต่ง พิมพ์ของตนเองไว้อย่างไร ศิษย์ทั้งหลายที่ถูกหล่อหลอมออกมาย่อมเป็นอย่างนั้น
ถ้าศิษย์มองเห็นครูโลภ ทำงานเพื่อหวังแต่ตำแหน่ง สอนไปก็รังแต่หวังที่จะทำตำแหน่งทางวิชาการ อันนี้ก็เป็นพิมพ์อย่างหนึ่งอันเป็นวิชามารที่ลูกศิษย์จะได้รับติดตัวไป
ความเมตตาเป็นคุณค่าที่สำคัญแห่งความสะอาด
เมตตาพร้อมที่จะให้อภัยลูกที่ได้ชื่อว่า “ศิษย์”
คุณครูทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็น “บัณฑิต”
ครูผู้ที่อ้างตนว่าเป็นบัณฑิตแต่มักโกรธ ครูผู้นี้จะสะอาดไม่ได้เลย
และความโกรธที่ฉกาจและฉกรรจ์มากสำหรับครูนั้นก็คือ “โกรธที่เด็กโง่” สอนไม่รู้เรื่อง อันนี้เป็นความโกรธที่ร้ายลึก ที่เหล่าเราครูทั้งหลายจักต้องฝึก ล้างความโกรธนี้ให้หมดไปจากจิตใจ
สิ่งสำคัญประการสุดท้าย “ความหลง” อันนี้สำคัญนัก
ความหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตทั้งศิษย์และครูนั้นวิบัติมามากหลาย
ศีลและสมาธินั้นสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ครูสะอาดปราศจากความหลง
ทั้งหลงในรูป หลงในอำนาจ วาสนา ยศศักดิ์ และเงินทอง ความหลงทั้งหลายนี้เอง ดึงจิตวิญญาณครูออกจากความเป็นครู
วิชาชีพครูจึงต้องเป็นวิชาชีพที่สะอาด ความสะอาดของคนนั้นอยู่ที่ “ศีล”
ศีลนั้นทำให้ใจของครูดี ทำให้จิตของครูสะอาด
ศีลนั้นจะทำให้จิตและใจของครูนั้นปราศจากความโลภ ความโกรธ และความหลง
เมื่อใดที่จิตใจของเรายังไม่สะอาด ก็เปรียบดั่งมีครูสี่คนยืนสอนนักเรียนอยู่
ครูคนที่หนึ่งคือ ตัวเรา
ครูคนที่สองคือ ครูโลภ
ครูคนที่สามคือ ครูโกรธ
และครูคนที่สี่คือ ครูหลง
ตัวเรานั้นถูกชักใย และมีครูอีกสามนายยืนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
เมื่อนักเรียนมองเห็นเรา ก็ย่อมมองเห็นครูทั้งสามนั้นยืนพร้อมเพรียงกันอยู่หน้าห้อง
ครูอีกสามคนนี้ยังเดิมติดตามเราไปอีกทุกหนทุกแห่ง และพร้อมที่จะแย่งหน้าที่เรา แย่งความรู้ ความดีที่เราส่งไปยังศิษย์ แย่งสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเพื่อแนบชิด จิตและใจแห่งศิษย์นี้ให้เปื้อนไป
คุณครูผู้สะอาดต้องเชิญญาติทั้งสามนี้ไปฝังเสีย
ฝังให้ลึก ฝังให้ไกล ฝังให้จมในแผ่นหิน แผ่นไป ฝังเสียได้ครูทั้งสามจึงงามดี
เมื่อผ้าคือตัวเรานั้นสะอาด ย่อมทำความสะอาด ความผ่องใสให้กับศิษย์ได้อย่างเต็มที่
ทุกเวลา ทุกลมหายใจที่เรามี จะสมกับคำว่าศิษย์นี้เรียกว่า “ครู…”
สวัสดีครับ
จะนำแนวคิดไปปรับใช้ในการทำหน้าที่ครูค่ะ...
มาอ่านเรื่องดีๆ มาเยี่ยมมาชม และเป้นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณค่ะ