สาระสำคัญของหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะครู (หลักเกณฑ์ใหม่)มีดังนี้
1. คุุณสมบัติของผู้รับการประเมิน ซึ่งจะผันแปรตามวุฒิการศึกษา และไม่ได้กำหนดเงินเดือนขั้นต่ำไว้ สนับสนุนคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาสู่วิชาชีพครู สามารถก้าวกระโดด (Fast Track) ได้
2. ภาระงานขั้นต่ำ คือต้องมีภาระงานสอนไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากรวมเวลาการเตรียมการสอน ตรวจงาน และพบเด็กก็ต้องทำงาน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเคยวิเคราะห์ภาระงานของครูเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว
3. การผ่านเกณฑ์การประเมิน ต้องผ่านเกณฑืการประเมินใน 3 ด้านทุกสายงาน ทั้งสายงานการสอน สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานบริหารการศึกษา และสายงานนิเทศการศึกษา ดังนี้
3.1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ ใช้การประเมินผ่าน / ไม่ผ่าน ในระดับชำนาญการและชำนาญการพิเศษ ส่วนระดับเชี่ยวชาญต้องเป็นแบบอย่างที่ดีได้
3.2 ด้านคุณภาพการปฏิบัติงาน จะพิจารณาจากสมรรถนะตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามมาตรฐานตำแหน่งและวิทยฐานะแต่ละสายงาน และจากประจักษ์พยานการสอน (Teaching Portfolio) ตามเกณฑ์ที่กำหนด
3.3 ด้านผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ สายผู้สอนจะพิจารณาจากผลการสอนและผลการพัฒนาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านผลสัมฤทธิ์ระดับชาติและพัฒนาการ ส่วนสายงานบริหารและศึกษานิเทศก์ นอกจากผลการปฏิบัิติงานแล้ว ก็จะใช้ผลการทดสอบระดับชาติมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและต่อวงวิชาการและวิชาชีพ
4. เกณฑ์การตัดสิน เกณฑ์การผ่านแต่ละวิทยฐานะต้องเป็นเอกฉันท์ โดยวิทยฐานะชำนาญการ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ได้คะแนนไม่่่่ต่ำกว่าร้อยละ 70 วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 และวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
5. วิธีการประเมิน สามารถยื่นคำขอได้ปีละ 1 ครั้ง (เมษายนหรือตุลาคม) แบ่งเป็น การประเมินแบบปกติ มีกรรมการประเมิน 3 คน และการประเมินแบบพิเศษ ใช้กรรมการจากภายนอก 5 คน โดยเปิดโอกาสให้ผู้บังคับบัญชาสามารถขอรับการประเมินให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ ทีสำคัญก็คือ การปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าวิทยฐานะเป็นผลจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของครู ผู้บริหาร และศึกษานิเทศก์ เพื่อเด็กและคุณภาพการศึกษา มิใช่การทำผลงานวิชาการเพื่อขอวิทยฐานะ ที่น่าสนใจยิ่งก็คือ ครูู ผู้บริหารและศึกษานิเทศก์มากกว่าร้อยละ 90 สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การมีและเลื่อนวิทยฐานะในครั้งนี้ ซึ่งจะได้ใช้หลักเกณฑ์ใหม่ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป
ครูบางคนทำผลงานทางวิชาการไม่เป็นเพราะไม่เคยทำงานวิจัยมาก่อนและไม่ต้องการส่งผลงานแต่มุ่งสอนเด็กอย่างแท้จริงจนได้รับเกียรติบัตรและมีผลงานออกสู่สาธารณชน
จนเป็นที่ยอมรับน่าจะเปิดโอกาสให้มีการประเมินแบบเชิงประจักษ์
อยากถาม ว่าในทรรศนะชองรองฯขวัญ
แนวโน้ม/ทิศทาง การประเมินทางการศึกษา ในอนาคตน่าจะเป็น มีรูปแบบ /เน้นไปทางใดบ้างคะ ?
ใครยังไม่ได้ชำนาญพิเศษ ลองอ่านดู
เยี่ยมมาก ปิ๋งๆ ....
ดีค่ะ คุณครูกลัวชั่วโมงน้อย แย่งกันสอน
ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น แต่ครูส่วนใหญ่สอนเก่งแต่เรื่องวิชาการพวกนี้ไม่ถนัด
ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ดีมากเลยครับ ผมจะขอวิทยฐานะชำนาญการ ในตุลาคมนี้ครับ