เผลอ ๆ ... เราอยู่ในLAUNCESTON 10 วันแล้วหรือนี่ มหัศจรรย์จริง ๆ ว่าเราอยู่ได้อย่างไร เป็นธรรมดาว่ามีอึดอัดใจบ้างในบางครั้ง มีความสุขบ้างในบางครั้ง แม้ว่าวันแรก ๆที่มาถึง..จะรู้สึกเป็นทุกข์ กังวลใจ อึดอัดใจ และฯลฯ.............มาก มาก จนถึงวันนี้เปรียบเทียบความรู้สึกของเราก็บอกได้ว่า O.K. นะ เราสบายใจมากขึ้นปรับตัวให้เข้ากับมิเชลและครอบครัวได้มากขึ้น เราทำใจได้ แต่รู้สึกสงสารมิเชลมากเลยที่ต้องพยายามสรรหาคำง่าย ๆที่จะอธิบายให้เราเข้าใจ
เช้าวันที่ 8 มีนาคม 2551 เรา มิเชล และแอนดรู ออกจากบ้านเวลา 09.30 น. เพื่อไปพบกับครอบครัวของวิบ (วิบ แกรม และพี่อุไร) แล้วเราจะไปเที่ยวด้วยกัน (เราสบายใจมาก เพราะการไปครั้งนี้เราจะได้นอนกับพี่อุไร พี่อุไรบอกว่าเดี๋ยวจะเม้าท์ให้น่าดู) ระหว่างทางมิเชลก็บอกว่าถ้าเราอยากถ่ายรูปตรงไหนก็ให้บอกจะหยุดให้ แต่เราก็ไม่กล้าบอกเพราะเกรงใจกลัวเขาผิดนัดกับวิบ ได้แต่จำเอาไว้ว่า เป็นทางขึ้นเนินเขาบ้าง ที่ราบบ้าง สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าที่ส่วนใหญ่เป็นหญ้าแห้ง เกรียมเป็นสีน้ำตาล มีวัวหลากสี (ดำทั้งตัว น้ำตาลคาดขาว ดำมีสีขาวเป็นจุด ๆ อีกมาก ดู แล้วนึกถึงโอ่ง ถ้าได้มากต้องร้องมาว่า Oh ! very beautiful แน่ ๆ ) แกะ จำนวนมากและม้า(เล็กน้อย) ยืนกินหญ้ากันอยู่เป็นระยะ ๆ
เราเดินทางมาถึงทางแยกแห่งหนึ่ง ในเมือง WESTBURY มิเชลจอดรถ สั่งให้แอนดรูพาเราไปดู John Temple Gallery เป็นผลงานของ John Temple ซึ่งเขาหัดถ่ายภาพตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบจนถึงปัจจุบัน เป็นรูปที่ถ่ายภาพวิวในแทสมาเนีย สวยงามมาก แต่แพงมากด้วยเช่นกัน เรากะว่าจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสียหน่อยปรากฏว่า รถของวิบมาถึงแล้ว(เลยไม่ได้ถ่าย)
แล้วเราก็ออกเดินทางไป CRADLE MOUNTAIN ด้วยกันโดยขับตามกันไป เป็นทางขึ้นเขาตลอด คล้าย ๆ ทางไปแม่ฮ่องสอน (วิวสวยงามมาก มีเนินเขาสลับซับซ้อน แต่มิสามารถหยุดถ่ายรูปได้) จนมาถึงสถานที่ที่ต้องต่อรถไปจนถึง CRADLE MOUNTAIN เราทั้งหมดหยุดแวะกินของว่างกันที่นี่ เรากับพี่อุไรก็ซื้อของที่ระลึก มิเชล กับวิบ ซื้อเสื้อให้เรากับป้าอุไรคนละตัว เราซื้อหมวกให้กลุ่ม 5 แมว
CRADLE MOUNTAIN
จากซ้าย วิบ แอนดรู มิเชล แกรม(สามีของวิบ) และดิฉัน(ตัวดำที่สุด..แฮ ๆ)
เย็นวันนี้เรากับพี่อุไรจะเป็นคนทำกับข้าว(ไม่ต้องแปลกใจ เราไม่ได้ทำแต่เป็นผู้ช่วยที่ดี) วันนี้เมนูแกงเขียวหวานไก่ใส่มะเขือ ผัดผักรวมมิตร และไข่เจียว แค่นึกถึงก็น้ำลายหกเสียแล้ว ไม่ อยากจะคุย ทั้งมิเชล แกรมและวิบ เติมกันหลายครั้ง แสดงว่าอร่อยมากค่ะ ต้องยกความดีให้พี่อุไร
ดิฉัน และครอบครัว Billet (แอนดรูและมิเชล)
ที่นี่......เรามัวเพลิดเพลินในการเดินชมวิว และถ่ายรูปกันจนเลยเวลากินอาหารกลางวัน (คนที่นี่เขากินอาหารกลางวันเวลาบ่ายโมง) เมื่อเรากลับมาถึงที่ท่ารถ ก็ตกลงกันว่าต่างคนต่างไป เราและครอบครัวมิเชลกินอาหารกลางวันกันในรถ(พิซซา ผลไม้ และน้ำส้ม) ส่วนครอบครัววิบและพี่อุไรไปกินที่ไหนไม่รู้) มิเชลขับรถเร็วมากเหมือนรีบร้อนไปไหนสักที่หนึ่ง โทรศัพท์ติดต่อไปตลอดทาง นัดเวลากัน เราขับมาจนถึง เมือง PENGUIN (เพนกวิน ) เราได้ยินมิเชลพูดชื่อเมือง เราดันไปนึกว่ามิเชลจะพาไปดูนกเพนกวินในธรรมชาติหลงดีใจเสียแทบแย่ แต่เปล่า มันเป็นชื่อเมือง ซึ่งมีสัญลักษณ์นกเพนกวินเต็มไปหมด