เคยได้ยินหลายคนพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า ปิดทองหลังพระ ทำงานแทบตายแต่ก็ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ ...ลองอ่านเรื่องราวต่อไปนี้นะคะ...แล้วท่านจะมีกำลังใจและมีความสุขที่ยังมีโอกาสได้ปิดทองหลังพระ...
ข้อความต่อไปนี้เป็นบางส่วนของบันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร...จากหนังสือพิมพ์มติชน...
ในคืนวันหนึ่งของปีพ.ศ. ๒๕๑๐
(ยศในขณะนั้นพันตำรวจโท)......หลังจากได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วในวังไกลกังวล........
.......ผมจำได้ว่า คืนนั้นผู้ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานพระจิตรลดา เป็นนายตำรวจ 8 นาย และนายทหารเรือ 1 นาย....
.....พระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์ ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ชุดลำลอง.....
.....ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา.....
.....ภายหลัง เมื่อมีโอกาสกราบบังคมทูลถาม จึงได้ทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระเครื่ององค์นั้นด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่างๆทั่วประเทศ ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายในโอกาสต่างๆ และเส้นพระเจ้า(เส้นผม) ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึดแล้วจึงทรงกดลงในพิมพ์ (อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินแห่งชาติเป็นผู้แกะถวาย) โดยไม่ได้เอาเข้าเตาเผา.........
.....หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า.......
" พระที่ให้ไปน่ะ ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น "
........พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่าการทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว.....
.....ผมเอาพระเครื่องพระราชทานไปปิดทองที่หลังพระแล้ว ก็ซื้อกรอบใส่ หลังจากนั้นมา สมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินองค์นั้น ก็เป็นพระเครื่องเพียงองค์เดียวที่ห้อยคอผม........
.....หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาท ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯ ที่วังไกลกังวลอีก.....ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้ใกล้พระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก และเผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งจนแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฎว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใดๆ ทั้งสิ้น........
......ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง..........
........พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า "จะเอาอะไร?"
และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระบรมราชานุญาตปิดทองบนหน้าพระ ที่ได้รับพระราชทานไป
พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ.....
........ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า....พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย......
......พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม)
ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า
"ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง"
@(^!^)@ ๐(^!^)๐ @(^!^)@ ๐(^!^)๐ @(^!^)@ ๐(^!^)๐
...ทำวันนี้ให้ดีกว่าวันวาน...และทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้...แล้วชีวิตท่านจะเจริญก้าวหน้า
...ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำความดีต่อไปนะคะ
ตอนนี้หนูกำลังพยายามปิดทองหลังพระมาเกือบ 20 ปีแล้วค่ะ คงใกล้จะล้นไปหน้าพระในเร็ววัน ไม่เป็นไรค่ะ เวลาราชการอีกนาน...มาก
ให้กำลังใจพี่อี๊ดเหมือนกันค่ะ...ปิดทองไปเรื่อย ๆ
ขอบคุณครับพี่อี๊ด เป็นกำลังใจที่ดีครับ สำหรับคนทำงานเบื้องหลังด้านสุขภาพครับ ถึงแม้จะไม่มีใครเห็นเราก็รู้ตัวเราอยู่ครับ
ขอบคุณ...น้องฮอส น้องอ้อย น้องเรย์ นะคะ
...แล้วเราคงได้มีโอกาสทำความดีร่วมกัน และเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไปนะคะ
แล้วถ้าทุกคนปิดด้านหลังกันหมดแล้วใครจะปิดด้านหน้าละครับองค์พระคงไม่สวยงาม