ขึ้นชื่อว่าปลาทูน่า หลายคนคงรู้จักดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนอาหารญี่ปุ่นซึ่งหนีไม่พ้นซูชิและซาซิมิ ปลาทูน่าอาศัยอยู่บริเวณแถบน้ำอุ่นในมหาสมุทรอินเดีย ปลาทูน่าจะว่ายจากทางตอนใต้ของออสเตรเลีย (บริเวณ Australian Bight) ต่อไปทางตะวันตกและตอนเหนือ (บริเวณ Western Australia) และจะว่ายไปวางไข่ที่บริเวณทะเลติมอร์
ปลาทูน่าจะเริ่มวางไข่เมื่ออายุ 9 ปี เมื่อปี 1960 ชาวประมงจับปลาทูน่าได้กว่า 80,000 ตัน แต่เพราะความต้องการปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น บวกกับชาวประมงจับปลาทูน่าที่อายุยังน้อย ทำให้จำนวนประชากรของปลาทูน่าลดลงเหลือน้อยกว่า 10% จากปี 1960 ปัจจุบันโควต้าจับปลาทูน่าจึงอยู่ที่ราว ๆ 12,000 ตันต่อปี
หนึ่งในผู้ค้าปลาทูน่ารายใหญ่คือบริษัท Clean Seas Tuna ได้ศึกษาวิจัยวิธีเพาะเลี้ยงปลาทูน่าในฟาร์ม แต่เพราะปลาทูน่าเป็นปลาที่อยู่ในมหาสมุทร วิธีเลี้ยงจึงไม่ง่ายอย่างที่คิด นักวิจัยได้คิดวีธีเลี้ยงปลาทูน่า โดยพยายามทำให้สภาพแทงค์เหมือนกับมหาสมุทรมากที่สุด เช่น การปรับอุณหภูมิ แสงสว่าง กระแสน้ำ ให้เหมือนราวกับว่าปลาทูน่าว่ายน้ำไปในเส้นทางเดียวกับที่มันอยู่ในมหาสมุทร
จนถึงตอนนี้ ปลาทูน่าในฟาร์มสามารถวางไข่และฟักออกมาเป็นตัวอ่อนได้แล้ว ความพยายามขั้นต่อไปคือทำอย่างไรให้ตัวอ่อนเหล่านี้โตเป็นปลาทูน่าได้อย่างในธรรมชาติ ทางบริษัทคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนในการศึกษาครั้งนี้อีกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทางด้านการตลาด บริษัท Clean Seas Tuna คาดการณ์ว่าความต้องการอาหารทะเลในปี 2030 น่าจะอยู่ที่ 40 ล้านตันต่อปี ซึ่งหนึ่งในอาหารทะเลนั้นคือปลาทูน่า ขณะนี้ราคาปลาทูน่าที่จำหน่ายให้แก่ญี่ปุ่น อยู่ที่กิโลกรัมละ 23 เหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม มีหลายคนเป็นห่วงว่าถ้าการเลี้ยงปลาทูน่าในฟาร์มประสบความสำเร็จ อาจจะทำให้ราคาของปลาทูน่าถูกลง แต่ทางบริษัทยืนยันว่าจะไม่ทำให้ปริมาณปลาทูน่าในตลาดเพิ่มขึ้นมากไปจนกระทบราคาและความต้องการในตลาด ส่วนกลุ่มประเทศลูกค้าที่ทางบริษัทตั้งเป้าไว้คือสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศในยุโรป มากกว่าที่จะเป็นญี่ปุ่น
ที่มา: TIME ฉบับ June 16,2008 by Roy Eccleston and Port Lincoln
อ่านก่อนนอนเมื่อสัก 2-3 วันก่อน อ่านไปหิวไปเพราะคนเขียนพูดถึงซูชิและซาซิมิหลายรอบ :-)