เป็นซีโอพีดี.......ก็มีความสุขได้
“เมื่อมีอาการเหนื่อยหอบทีไรอยากตายให้พ้นทุกครั้ง มันทรมานมาก พ่นยาที่บ้านหลายครั้งอาการไม่ดีขึ้น ต้องเหมารถมานอนโรงพยาบาล” เป็นคำพูดของผู้ป่วยรายหนึ่งที่วนเวียนเข้ามารับการรักษาด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่โรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่านในปี 2547 นอกจากนี้ยังพบว่าโรคนี้มีความรุนแรงสูง (high risk) เป็นโรคที่ต้องใส่ท่อทางเดินหายใจแล้วส่งต่อโรงพยาบาลน่านมากที่สุดถึง 93 รายต่อปี มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเป็นอันดับหนึ่งของโรงพยาบาล (high cost)
ทำให้ทีมสหสาขาวิชาชีพได้กลับมาทบทวนและสืบค้นหาวิธีการที่จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขได้อย่างไร ในบริบทของโรงพยาบาลชุมชนที่มีข้อจำกัดหลายด้าน ซึ่งพบว่าแนวทางนั้นคือ การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดโดยอาศัยความรู้เชิงประจักษ์ ตามแนวทางของสมาคมการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและปอดของสหรัฐอเมริกา (American Association of Cardiovascular and Pulmonary Rehabilitation, 1999) ที่ประกอบด้วย การให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การออกกำลังกาย การดูแลตนเองและการจัดการกับอาการหายใจลำบาก เทคนิคสงวนพลังงาน การพ่นยาที่ถูกวิธี การเลิกบุหรี่ การดูแลด้านจิตสังคม และการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน มีการหาตัวชี้วัดที่สามารถประเมินผู้ป่วยเป็นรูปธรรมได้ เช่น คุณภาพชีวิต 6 MWT การรับรู้อาการหายใจลำบาก จึงมีการจัดเตรียมบุคลากรให้เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดตั้งแต่แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย รวมถึงญาติและผู้ดูแลผู้ป่วย มีการฝึกวิธีกายภาพบำบัดให้เจ้าหน้าที่เนื่องจากขาดแคลนนักกายภาพบำบัด เตรียมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และจัดสถานที่แยกส่วนเป็นคลินิกโรคซีโอพีดีในวันจันทร์ภาคเช้า ต่อมาได้ดำเนินการนำร่องในผู้ป่วยซีโอพีดีจำนวน 30 ราย พบว่าผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น อัตราการนอนโรงพยาบาลลดลง เมื่อมีอาการหอบเหนื่อยสามารถจัดการตนเองด้วยการพ่นยาขยายหลอดลมที่มีประสิทธิภาพ สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที จึงนำโปรแกรมดังกล่าวขยายผลสู่ผู้ป่วยซีโอพีดีรายอื่นที่มารับบริการในโรงพยาบาลท่าวังผา ตั้งแต่ตุลาคม 2548 จนถึง ธันวาคม 2550 จำนวน 252 ราย
ผลลัพธ์การดำเนินการพบว่าค่าเฉลี่ยคุณภาพชีวิตภายหลังการเข้าร่วมโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดมีค่ามากกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (pair t-test) อัตรา Re-admitted ลดลงร้อยละ 20 ระยะเวลาวันนอนเฉลี่ย ลดลงร้อยละ 23.63 อัตราการกลับมารักษาแบบฉุกเฉินลดลงร้อยละ 5.13 ค่ารักษาในโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังลดลงร้อยละ 13.94 ความพึงพอใจในบริการพบว่าผู้ป่วยและญาติพึงพอใจในบริการ ร้อยละ 93.50 เจ้าหน้าที่มีความพึงพอใจร้อยละ 89.50 กลุ่มเสี่ยงต่อโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้ร่วมโครงการเลิกบุหรี่จำนวน 27 ราย นอกจากนี้ยังดำเนินการเสริมสร้างพลังอำนาจในผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อนที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ และให้การดูแลผู้ป่วยซีโอพีดีที่อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตดีเสียชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
“ ปีนี้นอนโรงพยาบาลครั้งเดียว เดินเที่ยวข้างบ้านได้ ตอนนี้หมอให้เป็นคนสอนพ่นยา ” เป็นคำพูดผู้ป่วยรายเดิม
สิ่งที่ทีมงานได้รับคือ การพัฒนาคุณภาพบริการทำได้ภายใต้ทุกบริบท ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือของบุคลากรทุกระดับรวมทั้งญาติและผู้ดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยมีความสุข...เจ้าหน้าที่ก็มีความสุข
ไม่มีความเห็น