ผู้ที่ทำอะไร “ด้วยใจรัก” และมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองทำ ย่อมสร้างผลงานออกมาได้ดี มีความภาคภูมิใจและมีความสุข บางทีอาจจะดีเกินกว่ามาตรฐานหรือความคาดหมายด้วยซ้ำไป นี่แหละ “มืออาชีพ”
เรียน อ.มานัส ที่เคารพ
ผมขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ นักรังสีฯ มืออาชีพ และ นักรังสีฯ กับองค์มีชีวิต บทความใน RT News ฉบับที่ 26 และ 27 มาทาง e-mail เนื่องจากผม click แสดงความคิดเห็นใน web สมาคมรังสีฯ แล้วไม่สามารถเข้าไปได้
ด้วยความเคารพ
ธนากร อภิวัฒนเดช รังสีรุ่น 17
อดีตผู้จัดการฝ่ายรังสีฯ รพ บำรุงราษฎร์
“องค์กรมีชีวิต” จะเกิดขึ้นได้คงต้องมีหลายปัจจัยด้วยกัน
ส่วนหนึ่ง ตัวนักรังสีฯ เองต้องเห็นประโยชน์และคุณค่าของการสร้างให้องค์กรมีชีวิตด้วยตนเอง
ส่วนหนึ่ง ผู้บริหารหรือผู้นำองค์กรต้อง “ได้ใจ ” จากนักรังสีฯ หรือ “ลูกน้อง” เสียก่อน คำว่า “ลูกน้อง” ก็บอกอยู่แล้วว่าผู้นำองค์กรควรดูแลเค้าให้เหมือน “ลูก” เหมือน “น้อง” สนใจว่า เค้าทำงานมีความสุขมั๊ย ปรารถนาดีอย่างจริงใจที่จะส่งเสริมและพัฒนาเค้าให้เป็นนักรังสีฯที่ดี ดูว่าเค้ามีปัญหาจากการทำงานหรือไม่ ร่วมรับผิดชอบงาน ไม่โยนความผิดให้เค้า ปกป้องเค้า รักษาสิทธิที่พึงได้ให้เค้า มองเค้าในด้านดี ไม่คอยจ้องจับผิด มองเห็นคุณค่าของเค้า แต่ก็ไม่ใช่ให้ท้ายซะเค้าหลงตนเอง จนเสียผู้เสียคนไปนะ หากผู้นำองค์กร สามารถ “ ให้ใจ” ลูกน้องได้ เค้าก็ยินดีที่จะทำงานและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับองค์กร “ด้วยใจ” เช่นกัน
ผู้นำองค์กร ไม่ควรดูแลเค้าเพียงคิดว่าเป็น “ลูกจ้าง” คิดแค่ว่า จ้างมาแล้ว จ่ายค่าตอบแทนให้แล้วก็ทำงานให้ดีสิ เอาแต่สั่งงาน ไม่สนใจว่าเค้าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ลาออกไป จ้างใหม่ก็ได้ อย่างนี้เค้าก็ “ไม่มีใจ ” ให้กับองค์กร เค้าก็จะทำงานให้ตามค่าจ้าง หรือทำตามที่สั่งเท่านั้น คอยแต่รอเวลาเลิกงานกลับบ้าน จะไม่มีการคิดสร้างสรรค์อะไรให้กับองค์กร
อีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนที่สำคัญมาก ผู้นำองค์กรและผู้ร่วมทีมสุขภาพจากวิชาชีพอื่น ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อนักรังสีฯ ให้เกียรติในศักดิ์ศรีของวิชาชีพรังสีฯ อย่างเท่าเทียมกับวิชาชีพอื่น เพราะสิ่งนี้จะเป็นยาชูกำลังอย่างดี เป็นขวัญและกำลังใจให้นักรังสีฯ ทำงานด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ (ซึ่งถ้าเราจะมาวิเคราะห์กันเรื่องนี้คงต้องใช้เวลาคุยกันอีกนาน เพราะต้องรื้อฟื้นไปถึงระบบการศึกษา ค่านิยม อัตตา ทัศนคติ วิธีคิด ที่มันฝังลึกอยู่ในยีนส์ จนมันหล่อหลอมออกมาเป็นวัฒนธรรมการทำงานแบบไทยๆ อย่างทุกวันนี้ )
ผมเคยบอกน้องๆ อยู่เสมอว่า เราต้องตั้งใจทำงานของเราให้ดีที่สุด มีความรอบคอบ ผิดพลาดให้น้อยที่สุด เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากวิชาชีพอื่น โดยเฉพาะวิชาชีพที่ใกล้ชิดเราที่สุด แต่ยอมรับเลยว่าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยที่สุด ยิ่งปัจจุบันนี้มีการฟ้องร้องกันมากขึ้น ก็ยิ่งจะมีการป้องกันตนเอง ต่างฝ่ายก็คงคอยมองหาแพะ แบ๊ะๆ ก็คิดว่าคงทำให้ต้องเหนื่อยขึ! ้นอีกหลายเท่าเป็นแน่แท้
ถ้าบ้านไหนบรรยากาศการทำงานดี ผู้คนในบ้านไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กร เพื่อนร่วมงานทั้งวิชาชีพเดียวกันและต่างวิชาชีพ ต่างให้เกียรติกัน มองเห็นคุณค่าของกันและกัน มีความเอื้อเฟื้อกัน และมีความปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงใจ เชื่อว่าทุกคนก็คงรักบ้านหลังนี้และช่วยกันทำบ้านหลังนี้ให้น่าอยู่ มีชีวิตชีวา โดยไม่ต้องมีการบังคับ อะไร อะไร ที่เป็นดรรชนีชี้วัดก็คงจะพุ่งปรู๊ดปร๊าดเลยทีเดียว
ยังคงมีอีกหลายปัจจัยที่ทั้งสามารถส่งเสริมหรือบั่นทอนกำลังใจของนักรังสีฯ ในการที่จะสร้างองค์กรให้มีชีวิตได้ แต่เชื่อว่า นอกจากตัวนักรังสีฯ เองแล้ว ก็คงไม่มีอะไรที่จะสามารถมาบั่นทอนความเป็น “นักรังสีฯ มืออาชีพ” ของเราได้ ตราบใดที่นักรังสีฯ ยังมีจิตใจที่มุ่งมั่น ตั้งใจ และ รอบคอบในการทำงาน “ด้วยใจรัก” ในวิชาชีพรังสีฯ มองเห็นคุณค่าของวิชาชีพ และ! ตนเอง เพราะผู้ที่ทำอะไร “ด้วยใจรัก” และมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองทำ ย่อมสร้างผลงานออกมาได้ดี มีความภาคภูมิใจและมีความสุข บางทีอาจจะดีเกินกว่ามาตรฐานหรือความคาดหมายด้วยซ้ำไป นี่แหละ “มืออาชีพ”
ธนากร อภิวัฒนเดช รังสีรุ่น 17
อดีตผู้จัดการฝ่ายรังสีฯ รพ บำรุงราษฎร์
E-mail: [email protected]