ถ้าคิดจะใช้ KM เป็นเครื่องมือในการทำงาน และใช้ KM เพื่อการเรียนรู้ให้กับตนเองนั้น ดิฉันมีประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติของการทำหน้าที่เป็นวิทยากร โดยเฉพาะการถ่ายทอดความรู้ให้กับบุคคลอื่น ซึ่งเป็นความยากที่คิดไม่ถึงที่เป็นผลมาจากความที่ตนเองไม่ตกผลึกของคำว่า "การจัดการความรู้"
"การจัดการความรู้" ที่อยู่ในห้วงความคิดจึงเป็นเพียงความบางเบาที่ตนเองมีประสบการณ์เพียงน้อยนิดแล้วสรุปว่า "ตนเองมีความรู้ความเข้าใจ KM" การกระตุกความคิดให้หันกลับมาทบทวนตนเองจึงเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของการ "ตกหลุม KM หรือ ติดกับดัก KM" บ่อยครั้งที่ดิฉันดิ้นไม่หลุดและหาทางออกไม่ได้กับการสื่อสารประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานให้คนแวดล้อมได้เข้าใจถึง...งานที่กำลังทำ และการพัฒนาตนเองที่ต้องการให้เกิดขึ้น จึงกลายมาเป็น "ปัญหาของการสื่อสารเพื่อการทำความเข้าใจ และการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้กับงานส่งเสริมการเกษตร"
การปรับแก้สิ่งที่เป็นปัญหาจึงถูกไขขึ้นมาจาก 1) การมีที่ปรึกษา 2) การเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม 3) การเรียนรู้จากการสังเกต 4) การเรียนรู้จากการสนทนา 5) การเรียนรู้จากการทดลองทำ 6) การเรียนรู้จากกรณีตัวอย่างที่ทำแล้วได้ผล และ 7) การเรียนรู้จากการอ่านเอกสาร/ตำรา โดยสิ่งที่กระทำดังกล่าวจะถูกเปรียบเทียบกับความเป็นจริงที่ตนเองสัมผัสและอาศัยอยู่ จึงทำให้เกิด "รูปแบบและวิธีการ" ที่หยิกยกขึ้นมาใช้ตามความเป็นจริงกับสังคมการทำงานส่งเสริมการเกษตร
การประยุกต์ใช้ KM จึงเกิดขึ้นกับความหลากหลายของสภาพความเป็นจริงที่กระทบกับภารกิจและหน้าที่ แต่สิ่งดังกล่าวจะมีผลสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกครั้งก็คือ มีการเรียนรู้เกิดขึ้นให้กับตนเอง ที่เป็นผลกำไรจากการลงทุนความคิดและการลงทุนประสบการณ์ที่ได้ต่อยอดพื้นฐาน ซึ่งการสรุปความคิดรวบยอดจะมาจาก "การต่อประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตนเอง...ให้เป็นจิ๊กซอภาพที่ค่อนข้างเห็นชัด" ได้แก่ ทักษะการเป็นวิทยากรกระบวนการ ทักษะการจัดกระบวนการเรียนรู้ และอื่น ๆ
ดังนั้น ความเป็น KM จึงอยู่ที่...ความสามารถในการหยิบใช้ประสบการณ์ของตนเองที่มีอยู่ได้กับทุกสถานการณ์ ภายใต้หลักการและองค์ประกอบของ 1) กำหนดเป้าหมาย 2) จัดการเรียนรู้ และ 3) จัดเก็บความรู้ แต่ทั้งนี้นั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า 1) เราเหนื่อยหรือหนักใจกับ KM 2) เราเบื่อปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ KM 3) การปฏิบัติงานขาดความสนุก 4) เรารู้ KM หมดทุกเรื่องแล้ว 5) เราคิดว่า...เราจะวางมือจาก KM 5) จะทำหรือใช้ KM ก็ต่อเมื่อมีการ "สั่งให้ทำ" หรืออื่น ๆ ก็แสดงว่า...คุณกำลังตกหลุม/ติดกับดัก KM
การถ่ายทอดความรู้และการทำงานในเรื่องราวต่าง ๆ สามารถใช้ KM ไปเป็นเครื่องมือได้ โดยคิดทำไปเรื่อย ๆ จับโน่นจับนี่มาทดลองปฏิบัติ ประสบการณ์ก็จะเกิดขึ้น ความสงสัยก็จะมีมาก การดิ้นรนที่จะหาคำตอบก็จะมีสูง แล้วการแลกเปลี่ยนก็จะเกิดขึ้น สุดท้ายเราก็จะมีบทสรุปเป็นของตนเอง แล้วนำมาซึ่ง KM เฉพาะบุคคล หรือ เอกภาพ...ของ KM สำหรับตัวเราเอง ที่เป็นองค์ความรู้ที่ทุกคนโหยหาและอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย.
ไม่มีความเห็น