... การออกแรง-ออกกำลังที่ทำให้คนเราเกิดชนชั้น(ชั้นไขมัน)ต่างกันไป นับตั้งแต่อย่างบางจนถึงอย่างหนาจริงๆ นั้นมีแนวโน้มจะเป็นผลมาจากกิจกรรม 3 อย่างได้แก่
... การออกแรงในชีวิตประจำวัน (fidget) ตรงกับสำนวนที่ว่า "ขยับเท่ากับออกกำลังกาย" หรือพยายามออกแรงทำโน่นทำนี่ให้มาก นั่งๆ นอนๆ หรือสั่งการ(ด้วยปาก)ให้น้อย ผู้เขียนสังเกตว่า ปรากฏการณ์แบ่งชนชั้น(ไขมัน)นี่ปรากฏชัดมากที่สุดในพม่า เนื่องจากคนพม่านิยมกินอาหาร "หวานจัด-มันจัด" คล้ายๆ คนอินเดีย แถมแกงชั้นดีพม่าจะต้องมีน้ำมันลอยหน้า ซึ่งแกงชั้นดีจะมีน้ำมันลอยหน้าหนา 7 มิลลิเมตร ... ภาพที่ 1: หนังสือ "อ้วนอันตราย...ไม่อยากตายต้องลดอ้วน" ของท่านอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ [ แนะนำให้ซื้อมาอ่านครับ ] ... คนพม่าเป็นคนทำอะไรจริงจัง ไม่เหลาะแหละ... เรื่องกินก็เช่นเดียวกัน เวลากินจะใช้มือเปิบ ไม่พูด ไม่ดื่มน้ำ ถ้าใครดื่มน้ำ... พม่าถือว่า อิ่มแล้ว เวลาคนไทยไปเที่ยวพม่าจึงทำให้บรรดาหม่องและมะ (หม่อง = คำนำหน้าผู้ชาย เวลาออกเสียงตัวสะกดจะหายไปนิดหน่อยเป็น "หม่อง์"; มะ = คำนำหน้าผู้หญิงอายุน้อย) ตกใจมาก เพราะคนไทยกินข้าวไปด้วย-ดื่มน้ำไปด้วย ... ทัวร์ไทยที่ไปพม่าทำให้คนพม่าเกิดช็อคทางวัฒนธรรมหลายเรื่องเช่น คนพม่าไม่กินน้ำเวลากินข้าว ถ้าคอแห้งจะดื่มน้ำซุป คนไทยจะดื่มน้ำเวลาคอแห้ง คนพม่าไม่นิยมดื่มน้ำใส่น้ำแข็ง คนไทยไปไหนนิยมน้ำเย็นใส่น้ำแข็ง ฯลฯ ทว่า... คนพม่าตกใจได้ไม่นาน เพราะคนไทยที่ไปเที่ยวพม่ามีชื่อเสียงในเรื่องทิปมาก ใจดี และที่สำคัญคือ ทำบุญมาก บริจาคให้พระเจดีย์และวัดมาก ทำให้คนพม่าชอบลูกทัวร์ไทยมากๆ ผู้เขียนเคยเห็นลูกทัวร์สูงอายุทิปไกด์ด้วยใบละพันบาทมาแล้ว ... คนไทยโบราณกินข้าวมาก กินกับข้าว ต่อมาหนังสือสุขศึกษาฉบับโบราณสอนให้กินกับมากๆ คนไทยเลยกินกับมากขึ้น คนพม่ากินข้าวขาวมาก เฉลี่ยแล้วผู้หญิงอาจจะ 1-2 จานพูนๆ ผู้ชายอาจจะ 2-5 จาน ปิ่นโตไทยนั้นมีชื่อเสียงมากในพม่าว่า เป็นปิ่นโตคุณภาพสูง สามารถอัดข้าวเข้าไปได้มาก ... คนพม่าที่ออกแรงในชีวิตประจำวันมาก เช่น เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานคราวละหลายๆ กิโลเมตร ใช้แรงงาน ฯลฯ มีแนวโน้มจะผอม ทีนี้ถ้าหยุดทำงาน หรือเกิดใช้รถขึ้นมา... คนพม่าจะเกิดชนชั้น(ไขมัน)วรรณะขึ้นมาทันที อ้วนมากและอ้วนลงพุงมากด้วย ... พวกเราคงจะจำกันได้ว่า อาหารที่ให้กำลังงาน... ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต (แป้ง-น้ำตาล) ไขมัน โปรตีน (เนื้อ ถั่ว งา นม ฯลฯ) นี่ ถ้ามากเกินไปจะทำให้อ้วนทั้งนั้น และอย่าลืมว่า แอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์ สาโท หรือเครื่องดื่มที่เติมแอลกอฮอล์นั้นให้กำลังงานน้องๆ ไขมันเลย ... อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ท่านนำข้อมูลเรื่องการออกกำลังมาเผยแพร่ไว้อย่างนี้
... ตัวอย่างที่อาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งแสดงให้เห็นคุณค่าของการ "ขยับเท่ากับออกกำลัง" คือ ถ้าไปร้านขายข้าวหมูแดง... เด็กเสิร์ฟมักจะไม่ค่อยอ้วน เถ้าแก่จะอ้วน เพราะเด็กเสิร์ฟได้เดิน เถ้าแก่ได้ยืนและสั่งงาน การใช้กำลังงานจึงไม่เท่ากัน ... อาจารย์สง่ากล่าวว่า เคล็ดลับซึ่งตอนนี้ไม่ลับอีกต่อไปคือ
... อาจารย์สง่าท่านแนะนำให้พักหลังอาหาร 20-30 นาที หลังจากนั้นให้เดินเร็วหลังอาหาร 30 นาที และค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาทีละน้อยๆ จนเดินรวมกันได้ 60 นาที การเดินหลังอาหารจะเพิ่มการเผาผลาญกำลังงานจาก 25% เป็น 50% ทีเดียว ... ทีนี้การเดินหลังอาหารมีข้อควรระวังคือ ช่วงนั้นร่างกายจำเป็นต้องใช้เลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารมาก ถ้ามีโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันอยู่ก่อน อาจทำให้โรคหัวใจกำเริบได้ ท่านศาสตราภิชานนายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ อาจารย์อายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหาร และเวชศาสตร์การกีฬาแนะนำว่า ให้เดินออกแรง-ออกกำลังช่วงเย็น + ก่อนอาหาร 2 ชั่วโมงจะดีที่สุด ... การออกแรง-ออกกำลังช่วงเย็นจะทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารมากขึ้นต่อไปหลังออกกำลังอีกหลายชั่งโมง... ยาวเลยไปถึงตอนค่ำทีเดียว ผู้เขียนขอเรียนเสนอว่า
... ต่อไปเป็นวิธีเดินที่ท่านอาจารย์สง่าแนะนำ
... อาจารย์ท่านแนะนำให้เริ่มเดินจากน้อยไปมาก ไม่หักโหม เริ่มจาก 10-15 นาทีวันเว้นวัน... เหนื่อยก็พัก
... ตารางการเดินนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านปรับเปลี่ยนตามระดับความแข็งแรงของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องเดินรวดเดียวนานๆ จะแบ่งเป็นช่วงๆ ก็ได้ ทว่า... ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ช่วงหนึ่งนาน 10 นาทีขึ้นไป การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การเดินแกว่งแขวนกับไม่แกว่งแขนใช้กำลังงานไม่เท่ากัน การเดินแกว่งแขนใช้กำลังงานมากกว่าประมาณ 20% ... ข้อควรระวังมากๆ ในการออกแรง-ออกกำลังคือ
... ท่านอาจารย์สง่าแนะนำให้กินอาหารก่อนเวลานอน 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งจะช่วยให้ไขมันไม่สะสมมาก การกินอาหารเย็นให้เร็วหน่อยนี้มีดีอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคอาหารขย้อน (gastroesophageal reflux disease / GERD) ซึ่งถ้ากินแล้วนอนทันที... กรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนขึ้นหลอดอาหาร ทำให้ปวดท้อง แน่นท้อง แน่นหน้าอก แสบหน้าอก ถ้ากินอาหารเย็นให้เร็วขึ้น... อาการจะทุเลาไปได้มาก ... ต่อไปเป็นตัวอย่างการออกกำลังที่ใช้กำลังงาน 150 แคลอรี
... การเดินลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณครึ่งหนึ่งของการขึ้นบันได ถ้ายอมเดินขึ้นลงบันไดตามโอกาสจะช่วยให้ออกแรง-ออกกำลังได้ทุกวัน ตัวอย่างเช่น
... การลดความอ้วนเป็นการต่อสู้ที่คล้ายกับการออมทรัพย์คือ ถ้าหมั่นเก็บเล็กผสมน้อย ออกแรง-ออกกำลังไปเรื่อยๆ เช่น ล้างรถ ล้างจาน กวาดบ้าน ถูพื้น ลุกไปหยิบของ ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ ทำได้มากเท่าไร จะได้กำไร (แคลอรี) มากเท่านั้น กล่าวกันว่า คนที่ลดความอ้วนสำเร็จมีแนวโน้มจะเป็นคนที่ "มีน้ำใจ" ชอบช่วยเหลือคนอื่น เห็นคนอื่นทำอะไรหนักๆ ไม่ได้ เป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ ... ยิ่งช่วยมากยิ่งได้อานิสงส์ (บาลี = กำไร) มาก ชาตินี้ได้ลดอ้วน แถมยังได้บุญ (เวยยาวัจจมัย = การช่วยเหลือการงานคนอื่น) คนที่มีน้ำใจนั้นกล่าวกันว่า เป็นคนมีเสน่ห์จากภายใน ไม่ว่ารูปร่างภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ชนะใจคนรอบข้างได้เสมอ (ยกเว้นไปอยู่ท่ามกลางคนใจดำแบบสุดๆ... คนแบบนั้นทำดีอย่างไรก็อกตัญญูครับ) ... หมายเหตุ บทความนี้มี 8 ตอน
...
ที่มา
|
ไม่มีความเห็น