"แม่ครับ....ผมเป็นเกย์!" ตอนที่ 1


การเป็นเกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ ถึงแม้ว่าจะรักเพศเดียวกัน ก็ยังโชคดีกว่าใครหลายๆ คนที่ยังไม่เคยรู้จักแม้แต่ "ความรัก"

แม่ครับ......ผมเป็นเกย์ ประโยคที่สั้น ๆ แต่กว่าจะถูกกลั่นออกมาจากใจผ่านลำคอสู่โสตประสาทของผู้รับฟังโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่นั้นยากยิ่งกว่าการพูดบนเวทีต่อหน้าคนนับพันนับหมื่นครั้งไหน ๆ ของ พี่ผัด หรือ อาจารย์ผัด ของคนทำงานด้านเอดส์และความหลากหลายทางเพศ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่แทบจะไม่ค่อยได้รู้ความเป็นไปเป็นมาในบางแง่มุมของ พี่ ที่ปัจจุบันยังคงเป็นคนทำงานอยู่ในอีกมุมของสังคมภายใต้ชื่อ โครงการชายรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ หรือที่รู้จักกันในนาม เอ็มพลัส (M plus)  ซึ่งล่าสุดการสนทนาในเวทีเรื่องความรุนแรง พี่ผัด ได้สะท้อนบทผ่านร้อนผ่านหนาวให้พวกเราฟังตอนหนึ่งว่า ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ คือชอบผู้ชาย มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ตัวเองก็เคยเป็นเหยื่อของความรุนแรง ตอนเรียนอยู่ประถมในชั้น ป.3-ป.4 ด้วยความที่เป็นเด็กน่ารัก ตัวเองกับเพื่อนอีกคนมักจะถูกครูผู้ชายคนหนึ่ง เรียกไปในห้องแล้วโดนจับนั่นจับนี่ โดนล่วงละเมิดทางเพศจนเพื่อน ๆ ในห้องล้อ อายก็อายแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร พอจบ ป.6 ก็ตัดสินใจบวชเรียน กลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ ก็ยังโดนพระในวัดกระทำชำเรามีเพศสัมพันธ์ด้วยอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นความชอบผู้ชายด้วยกันมาตั้งแต่นั้น... ทุกคนในวงสนทนา ราว 40 คน ต่างนั่งนิ่ง ตาจับที่ พี่ผัดที่ต้องพูดแข่งกับเวลาที่มีน้อยนิด น่าสนใจ...พูดต่อค่ะ อาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นในขณะที่บรรยากาศเงียบลง แล้ว พี่ผัด ก็เล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เร็วปานจรวดเช่นเดิมอีกระลอก ...หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทำงาน แต่งตัวเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ในจิตใจเราชอบผู้ชายเหมือนกัน พออายุมากขึ้นเพื่อฝูงที่เรียนมาด้วยกันก็ทยอยแต่งงานกันทีละคนสองคน เหลือแต่เรา พอกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดก็จะมีแต่คนถามซึ่งก็หนีไม่พ้นว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน เมื่อไหร่จะพาแฟนมาเที่ยวบ้าน จนเรามีความรู้สึกว่าเบื่อและอึดอัดกับคำถามที่ถามซ้ำไปซ้ำมา จนในที่สุดตัดสินใจบอกกับคนรอบข้างในวงสนทนาเลยว่า กูเป็นเกย์ ชอบผู้ชายเหมือนกัน ถ้าจะเอาแฟนก็จะเอาแฟนผู้ชายเหมือนกัน ผลออกมาตรงข้ามกับที่คิดไว้เพราะทุกคนก็ยอมรับ ก็ไม่ได้รังเกียจเรา เราก็ไม่ต้องทนอึดอัดและทนต่อคำถามซ้ำซากจำเจ ทั้งนี้ความเป็นเพศที่สาม จะเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงทั้งเชิงกายภาพ และเชิงสังคมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พี่ผัดได้เสนอมุมมองเพิ่มเติมว่า มองว่าเรา(สังคม)ไปให้ความสำคัญกับปรากฏการณ์แต่ละเลยความสำคัญของเหยื่อที่ถูกกระทำและได้รับผลกระทบ เกย์หรือกระเทยที่เราเรียกว่าเป็นเพศที่สาม ถูกเบียดขับออกสู่สังคม ต้องมีเพศสัมพันธ์กันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ถูกมองว่าเป็นพวกสำส่อนทางเพศ ถูกมองว่าเป็นตัวแพร่เชื้อการทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจกับสังคมทั้งในเรื่องของ อัตลักษณ์ทางเพศ ความหลากหลายทางเพศ หรือ รสนิยมทางเพศ เป็นงานที่ยากเพราะต้องทำควบคู่กับกลุ่มหลักนั่นคือกลุ่มเกย์ กระเทย กลุ่มชายรักชาย หรือบางคนเขาไม่ได้รักชายด้วยกัน แต่เขามีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกันอาจจะด้วยหลายเหตุผล เช่น เศรษฐกิจ หน้าที่การงาน เป็นต้น

และพี่ๆ จาก Teen path ได้ยกกรณีของ โตโต้ ที่รู้สึกรักเพศเดียวกันตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขา ชีวิตของ โตโต้ ก็เหมือนกับเด็กชายปกติทั่วไปที่ชอบเตะบอล คลุกอยู่กับกลุ่มเพื่อนชาย บุคลิกของ โตโต้ก็เหมือนกับเด็กชายวัยรุ่นทั่วไป เกเร บ้างในบางครั้ง แต่สิ่งที่ โตโต้ มีมากกว่าคนอื่นก็คือน้ำใจ และความเอื้ออาทรที่มีให้กับเพื่อนๆ ทำให้เพื่อนๆในกลุ่มรักโตโต้มากเป็นพิเศษ ใครมีปัญหาอะไรก็มักจะเข้ามาปรึกษา โตโต้เสมอ โตโต้สนิทกับที่บ้านมากมีอะไรเขาก็มักจะปรึกษา พ่อและแม่เสมอ ซึ่งเขาเองก็รู้อยู่ลึกๆ ว่าแม่น่าจะรู้ว่าเขารักเพศเดียวกันเพราะหนังสือโป๊ที่เก็บเอาไว้ตามที่ต่างๆมักจะถูกเคลื่อนย้าย ที่ โตโต้รู้เพราะว่าเขาเป็นคนเก็บมันกับมือจึงรู้ว่ามันถูกผู้อื่นหยิบขึ้นมาอ่าน ซึ่งจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากแม่ เพราะแม่เป็นคนเดียวที่ทำความสะอาดห้องของเขา แต่แม่ก็ไม่เคยพูดอะไร และก็ไม่เคยบอกพ่อเลย เมื่อเขาสอบเอนทรานซ์ติดโตก็ตัดสินใจบอกพ่อทันทีในวันที่เขารู้ผล ผลปรากฏว่าพ่อไม่พูดจาหยอกล้อโตเลยเป็นเวลาแรมปี โตโต้ ก็ไม่ย่อท้อพยายามปฏิบัติตนให้เหมือนเดิม และ ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ตั้งใจเรียน เล่นกีฬา พยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนกับเวลาที่พ่อยังไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์ เวลาผ่านไปเกือบปี วันหนึ่งพ่อก็พูดกับ โตโต้ว่า "จะคบเพื่อนคนไหนก็ดูให้ดี อย่าซี้ซั้วคบล่ะ" คำพูดนี้ทำให้เขายิ้มออกทันทีเพราะมันเป็นคำพูดที่เขารู้ว่า คำว่าเพื่อนในความหมายของพ่อนั้นคืออะไร มันเป็นสิ่งทีเขาเฝ้าคอยและก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเข้มแข็งที่จะก้าวสู่สังเวียนการต่อสู้ของสังคมต่อไป เมื่อเขาจบการศึกษาและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน เขาก็ทำงานอย่างปกติมีเพื่อนฝูง ไปเที่ยวเฮฮา จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนร่วมงานของเขาก็ถามโตขึ้นมาว่า ทำไมไม่เห็นมีแฟนสักที เขาก็บ่ายเบี่ยงไปตามเรื่องตามราว จวบจนกระทั่งวันหนึ่งงานปีใหม่ของบริษัทฯ ก็มาถึงซึ่งในจดหมายเชิญได้ระบุให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานพาคู่ของตนมาร่วมงานด้วย โตโต้ จึงตัดสินใจควงเพื่อนสาวคนสนิทมาในงาน โดยแนะนำว่าเป็นแฟนของตน และหลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็มักจะขอให้เขาพาเพื่อนสาวคนนั้นไปเที่ยวด้วยกันเสมอ ตลอดเวลาที่เขาต้องหลอกตัวเองและเพื่อนฝูงนั้น เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกทรมานอย่างเป็นที่สุดเนื่องจากต้องเล่นละครตบตาเพื่อนฝูงอยู่เสมอ และแล้วเมื่อถึงวันที่เขาต้องลาออกจากที่ทำงานเพื่อไปเรียนต่อ โตโต้ก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเพื่อนในวันเลี้ยงส่ง เขาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนของเขาฟังและยกมือไหว้เพื่อนทุกคนเพื่อขอโทษ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือเพื่อนทุกคนกลับบอกเขาว่าทุกคนนั้นก็รู้สึกอยู่แล้วว่าเขาเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ได้มีความสลักสำคัญ และที่ถามถึงแฟนก็มิได้หมายความว่าจะต้องเป็นแฟนผู้หญิง ทุกคนรัก โตโต้ เพราะว่าเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ และพร้อมที่จะยอมรับไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นกับตัวตนที่แท้จริงของตน เขาไม่เคยปิดบังที่จะบอกใครว่าเขาเป็นเกย์ถ้ามีใครถาม แต่ถ้าไม่มีใครถามเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเสน่ห์ ดูใจดี มีน้ำใจ ยิ้มง่าย ร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของ "ความแตกต่าง" ที่สามารถจัดการกับ "ความแปลกแยก" ซึ่งเกิดจากบรรทัดฐานของสังคม จำได้ไหมตอนที่ "สายเดี่ยว" เข้ามาฮิตกันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย ใครใส่สายเดี่ยวก็จะถูกตรีตราว่าเป็นเด็กกล้า ไม่เรียบร้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เดี๋ยวนี้เด็กๆ ก็ใส่สายเดี่ยวได้แต่เป็นสายเดี่ยวที่ถูกบรรทัดฐานของสังคมปรับเปลี่ยนให้ดูไม่โป๊จนเกินไป เฉกเช่นเดียวกับความแปลกแยกของโต ที่กลายเป็นเพียงแค่ความแตกต่าง เพราะความแปลกแยกนั้น เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งก็จะกลายเป็นเพียงแค่ความแตกต่างเท่านั้น

เมื่อ พี่ผัดได้ร่วมแลกเปลี่ยนในวงสนทนาไปก็ทำให้นึกถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆในองค์กรของ พี่ผัด เอง ทั้ง พี่ต่อ หรือ อาจารย์ต่อ ต้น ต้อม กบ เอ้ ฯลฯ ซึ่งทุกคนล้วนกล้าแสดงออกและเป็นสีสันที่ดีในเวทีประชุมทุกครั้ง พี่ต่อเคยเปรย ๆว่า เป็นเกย์ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจ้าชู้ หรือสำส่อน เพียงเพราะข้อสรุปง่าย ๆ ว่า เกย์คือผู้ชาย ผู้ชายจะเจ้าชู้ ดังนั้น เกย์เลยต้องเจ้าชู้ หรือบางคนก็บอกว่า ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์ ซึ่งไม่จริงเสมอไป มีเพื่อนที่คบกันใช้ชีวิตแบบชาย+ชายด้วยกันมาร่วม 20 ปี ปัจจุบันยังอยู่ด้วยกันก็มี การเป็นเกย์ไม่ใช่หวัดที่จะให้กินยา นอนพักแล้วจะหาย มันเป็นแล้วเป็นเลย บางคนก็ไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ใช้ชีวิตแบบปกติแต่มันก็ไม่ปกติหรอกเพราะมันฝืนความรู้สึกทางจิตใจ กลุ่ม เอ็มพลัสมียุทธศาสตร์ในการทำกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่ม ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในพื้นที่เชิงรุกทั้งในสถานบริการ บาร์ต่าง ๆ และตามแหล่งนัดพบ เช่น สวนสาธารณะ ปั๊มน้ำมัน เรียกว่าทีมงาน Out reach ในประเด็นสร้างองค์ความรู้ในมิติสุขภาพโดยเฉพาะประเด็นเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงสิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งทีมงาน เอ็มพลัส ได้กรุณามอบแผ่นพับในการนำเสนอข้อมูลเรื่อง ชายรักชาย โดยสรุปสาระได้ดังนี้

ชายรักชาย หมายถึง ผู้ชายที่มีความรัก ความปรารถนาทางเพศชายด้วยกัน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Male Homosexual หรือ Gay หรืออาจใช้คำว่า MSM ซึ่งย่อมาจาก Men who have sex with men ในภาษาไทยมักเรียกว่า เกย์ แต่มีคำอื่นอีกหลายคำ ซึ่งมักเรียกตามพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น ชายที่แต่งตัวและแสดงกริยาเป็นหญิงก็เรียกว่า กระเทยเป็นต้น เกย์ แบ่งตามบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์ได้ 3 แบบหลักคือ

1.      เกย์คิง จะอยู่ในบทบาทของผู้ชาย คือ เป็นผู้สอดใส่อวัยวะเพศ เรียกว่า ฝ่ายรุก

2.      เกย์ควีน จะอยู่ในบทบาทของผู้หญิง คือเป็นฝ่ายรองรับ เรียกว่า ฝ่ายรุก

3.      เกย์ควิง หรือ โบท จะอยู่ได้ 2 บทบาท คือทั้งรุก และรับ

นอกจากบทบาทดังกล่าวแล้วในสังคมปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น ยังมีบทบาทอีกหลายมิติ อาทิเช่น

1.      ไบรุก จะหมายถึงคนที่มีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งชายและหญิง แสดงบทบาทเป็นฝ่ารุก หรือรู้จักกันในรูปแบบของ หญิงก็ได้ ชายก็ดี

2.      ไบรับ หมายถึงชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงได้และมีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยการเป็นฝ่ายรับ

3.      ไบโบท หมายถึงชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงได้ และแสดงบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยการเป็นทั้งฝ่ายรุกและรับ

4.      โบทรุก หมายถึงกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายทั้งการรุกและการรับแต่ถนัดรุกมากกว่า

5.      โบทรับ หมายถึงกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายทั้งการรุกและการรับแต่ถนัดรับมากกว่า

 

เพราะอะไร? จึงกลายเป็น ชายรักชาย

มีหลายแนวคิด หลายแบบเกี่ยวกับสาเหตุของ ชายรักชาย (ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน) ดังนี้

1.      สาเหตุทางพันธุกรรมเกิดจากการถ่ายทอดโครโมโซมที่มีรหัส Xq28 ซึ่งถ่ายทอดมาจากทางฝ่ายแม่

2.      ระดับฮอร์โมนเพศชายของเกย์แตกต่างไปจากของชายรักหญิง

3.      สมองของเกย์แตกต่างไปจากสมองของชายที่รักหญิง

4.      จากการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เช่นอยากได้ลูกสาว จึงซื้อของเล่นและเสื้อผ้าผู้หญิงให้หรือเลี้ยงแบบลูกสาว การเลี้ยงดูที่ผิดเพศ ความห่างเหินจากพ่อใกล้ชิดแม่ ครอบครัวที่ขาดพ่อ เคยเห็นพ่อทำร้ายครอบครัว หรือครอบครัวที่มีแม่เป็นผู้นำ เป็นต้น

5.      จากประสบการณ์ การเรียนรู้ และสังคม สิ่งแวดล้อม ในวัยรุ่นทั้งชายและหญิงอาจมีความสนิทสนมผูกพันกับเพื่อนๆ เพศเดียวกัน ซึ่งจากสถิติพบว่า วัยรุ่นที่มีพฤติกรรมผูกพันกับเพศเดียวกันมากๆ มี 1 ใน 3 ที่พัฒนาไปเป็นพวกรักร่วมเพศจริงๆ และพบว่าบางครั้งเกิดขึ้นชั่วคราวบางสภาวะ เช่น ในโรงเรียนประจำชายล้วน ในวัด ในค่ายทหาร ในสถานพินิจหรือในคุก เป็นต้น

 

หมายเลขบันทึก: 176656เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2008 20:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ตอนนี้ผมอายุ14เเล้วเเวรู้ว่าผมเป็นเกย์ควีน(หรือป่าว)เพราะเป็นฝ่ายรับเเต่งตัวเป็นชายเเต่นิสัยเรียบร้อยมากๆเป็นคนเก็บตัวไม่มีเพื่อนมากมายเเต่ตอนนี้อยากบอกพ่อเเม่ว่าผมเป็นเกย์จะทำยังไงดีกลุ้มใจมากเพราะเคยมีคนนินทาว่าผมเป็นกระเทยซึ่งผมได้เเต่นั่งคิดในใจว่าเราคงปิดไม่มิดซะเเล้วเพราะเเม่เป็นคนได้ยินเเต่พ่อบอกว่าทีหลังทำตัวให้มันแมนๆหน่อยเข้าใจมั้ยผมก็ได้เเต่อึ้งเเล้วเครียดมากๆเลยพี่ช่วยบอกผมทีนะครับทางอีเเมวผมนะครับอยากบอกพ่อเเต่พ่อเป็นตำรวจองอาจถ้ารู้ว่าลูกเป็นเกย์คงทุกข์ใจน่าดูเพราะผมเป็นลูกคนเดียวด้วย

ถึงน้องแทค ไม่ทราบเมลล์ของน้องครับ

เอาไว้กลับจากแถบชายแดนก่อนจะตอบให้นะครับ เพราะตอนนี้มีเวลาน้อยมาก ๆ เลย

ขอความสุขอยู่คู่กับจิตใจที่งดงามครับ

เป็นกำลังใจให้

ชอบบทความนี้จังเลยครับ

อยากเลิกเป็นเกย์ -- --

ผมมีแฟนเปนเกย์ควีนคับ เค้าน่ารักมากๆๆคับ คอยเปนห่วงผมคับ

ผมได้อ่านลทความแล้ว...

ผมอบากปรึกษาพี่บ้าง...

ผมจะบอกกับตนอบครัวว่าผมเป็นเกย์...

แต่ผมยังไม่พร้อม...

แต่ตอนนี้มันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอก...

ผมอยากได้รับคำปรึกษาจาพี่อะครับ...

ติดต่อกลับผมที...

ผมเป็นเหมือนแทคเลยครับแต่น่าเป็นโบทมั้งผมคิดย้อนไปว่าผมน่าจะเป็นตอนม.1แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรรู้แต่ว่าผมมีความรู้สึกที่ดีๆกับเพื่อนชายที่มีนิสัยคล้ามกับผมตอนนี้จบม.6แล้วครับ

อ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกมีสุขจังครับ โดยเฉพาะเรื่องของโตโต้ ตอนนี้เขาคงจะมีความสุขกับสิ่งที่เขาเป็น พ่อแม่ก็ยอมรับในตัวตนของเขา ผมอิจฉาจัง เหอๆ

อยากคุยกับเจ้าของ blog จัง msn ผมครับ [email protected]

ตอนนี้ผมคบผู้หญิงอยู่ครับ และในขณะเดียวกันผมก็แอบคบกับผู้ชายอยู่ซึ่งก็เป็นเกย์ควีน ก็กลัวฝ่ายหญิงจะจับได้ว่าผมเป็นเกย์ และผู้ชายที่ผมคบด้วยน่ะ่ครับ เขาก็ไปคบกับผู้ชายอีกคนเหมือนกัน ตอนนี้เรียกใกล้จะจบ ป.ตรี แล้ว ผมก็อยากจะทำอะไรให้มันดีขึ้น ผมไม่รู้จะทำอย่างไรครับ อีกใจหนึ่งก็กลัวพ่อกับแ่ม่จะรู้ว่าเราเป็นเกย์ แล้วถ้าท่านรู้ท่านคงหัวใจวาวตายเป็นแ่น่ เพราะท่านก็มีลูกคนเดียวอีกซะด้วย ผมจึงพยายามที่จะเป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบทุกอย่าง พยายามรักผู้หญิงให้มากๆ แต่ไม่รู้จะได้นานเท่าไร และผู้ชายที่ผมคบอยู่จะทำให้ผมมั่นใจได้ยังงัยว่าเขาจะช่วยให้ผมได้กล้าเปิดตัวซะที แต่บางที่ผมก็รู้สึกเบื่อกันการที่จะต้องมาปรับตัวให้เข้ากันสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ก็เราไม่ใช่กิ้งก่านิ เราก็แค่เบื่อทั้งผู้่หญิงที่สุดแสนจะตามใจยากมาก เบื่อทั้งผู้ชายที่มันมีเราเป็น (ผัว) ของเขาอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่มี (ผัวใหม่) อีก ก็คงจะเหมือนเรานั้นแหละที่ยังคบผู้หญิงอยู่ อยากขอคำปรึกษาครับ กรุณาช่วยมาเม้น..ข้อความให้คำปรึกษาด้วยครับจะขอบคุณมากเลย....

สุดท้ายนี้ ใคร่อยากบอกทุกคนว่า การเป็นเกย์ไม่ใช่ว่าจะเป็นแล้วหายได้ง่ายๆ เพราะจิดใจของเราเองที่เป็นไม่ใช่บุคลิกภาพนอก เพราะแค่ดูภายนอกไม่มีใครรู้กับเราแน่นอนว่าเราเป็นเกย์ แต่เรานี้ซิรู้..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราชาวเกย์ทั้งหลายจะนำความเสื่อมมาใ้ห้สังคม แต่สังคมต่างหากที่กลับมองเราเป็นของเสื่อม เพราะเกย์ก็ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียทุกอย่าง คนมีจิตใจดียิ่งก็ยังมีเพียงแต่เรามันเลือกเกิดไม่ได้เท่านั้นเอง

อืม..เข้าใจเขา เข้าใจเรา อยู่กันอย่างสงบสุขไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ว่าเพศไหนก็ตาม

การเป็นเกย์ก็ดีนะครับ

ไม่น่าอ่านเลยอะวะ

อ่านแล้วดีแต่ยังโสด

ชอบบทความดีอะครับ

ผมก้เป้นไบรุกคน1ที่ต้องเกิบความรับไว้

ถึงผมจะเป้นไบแต่ผมก้บอกใครไมได้

มันทรมานมากๆเลยครับ

น่าเบื่อจิงๆ

เพราะผมมันมองเกว่าต้อแงเป้นรับเป้นพวกเดี่ยวกับกระเทยกับตุ๊ดผมถึง

ไม่กล้าที่จะบอกไป

กลัวมันหาว่าเราเป้นตุ๊ด

เหอะ

หลงผิดรึหลงถูกแล้ว

ฉันเป็นผู้หญิงนะ

ตอนอยู่มัธยม ก็มีผู้ชายคนนึงฉันเกลียดเค้ามาก ไมพูดกับเค้าเลย ถ้าเค้าถ้าก็มีแต่ตอบว่าไม่ กับใช่ ไม่มีอะไรที่มากกว่านี้ แต่ทำไมเค้าชอบมาถสมเราจัง ถามอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน ฉันอยู่ไหนก็เจอ และแล้วเราก็ได้มากล่นกลุ่มเดียวกัน แต่ตอนนั้นฉันก็ยัวเกลียดมันอยู่ดี ฉันก็เลยถามตัวเองว่าจะเกลี่ยดเค้าทำไม เค้าทำอะไรผิด แล้วฉันก็พยายามทำใจให้เหมือนๆ เพื่อนทุกคน จนทำได้สำเร็จ วันนึงเค้ามาบอกรัก บอกทุกวัน อยากเปิดเผยว่าเรากับเค้าเป็นแฟนกัน แต่ฉันยังไม่เคยตอบรับเลยว่าเรารักเค้า แล้วเค้าก็บอกว่านานแค่ไหนเค้าก็จะรอเรา แต่ทำไงได้ ความรักมันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว เค้าจะเป็นเป็นชายแท้รึชายเทียมก็เหอะ ในใจลึกๆเราก็ชอบเค้าอยู่ แต่พูดออกมาไม่ได้ ได้เพียงแค่การแสดงออกมา เพราะเราก็ไม่มั่นใจในความรักของเค้า เราก็สนิทกับผู้ชายคนนั้นทีคนนี้ที แต่เค้าก็จะโกรธๆ เราก็เรื่อยๆ แต่จิงๆแล้วฉันน่ะรักเค้ามาก แต่ทำไมเค้าไม่รู้ทั้งๆที่แสดงออกมาให้รู้แล้ว แล้วคนอื่นก็รู้กันหมดแล้ว ชีวิตเราสองคนก็เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ ทะเลาะกันบ้าง เค้าน่ะชอบงอล เราก็จะเป็นคนง้อ แต่ก็มีความสุขดี จนจบมัธยมฉันก็ยังมีความรู้สึกดีๆให้เค้าอยู่

ฉันก็ต้องไปเรียนคณะๆนึงเกี่ยวกับสุขภาพที่กรุงเทพ และเค้าก็เรียนอยู่ใกล้ๆบ้าน ฉันก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ พอฉันกลับบ้านก็จะซื้อของไปฝาก มีอะไรก็นึกถึงเค้า และก็ไม่ยอมมีความรู้สึกที่เรียกว่ารักกับใครอีกเลย พอยิ่งสนิทกับเค้าเราก็ยิ่งรู้ว่าเค้าเป็นผู้ชายจริงๆรึป่าว ฉันก็คุย ถามเค้าเสมอ เค้าก็บอกว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวเค้าเท่ากับตัวเค้าเอง เราก็ยังพูดล้อเล่นว่าเค้าเป็นเกย์อยู่เสมอ และแล้วมันก็เป็นความเคยชิน พอเค้าเห็นผู้ชายเค้าก็จะดีใจแล้วก็มาพูดให้ฟัง ว่าตัวเองสวยมั้ง เราก็เล่นกับเค้าหนุกดี

วันนึงฉันโทรไปหาเค้าว่าจะไปเล่นที่หอพักเค้า เพราะเค้าพักหอพัก เค้าก็บอกให้ไปหาที่ร้านอินเตอเน็ต เค้าก็คุยกับคนข้างๆด้วย ฉันก็ถามว่าใคร เค้าก็บอกว่าสาวรุ่นน้อง เราก็ทำไมผู้หญิงต้องมาเฝ้าด้วย โทรไปหาทีไรก็มีแต่บอกว่าอยู่กับคนนี้ พอฉันไปเค้าให้เข้าไปหาด้วยความอายก็ไม่เข้าไป แล้วเค้าก็ออกมาหาแล้วเราก็ออกไปเที่ยวกัน พอกลับมาเค้าก็บอกว้าจะลงไปเอารถก่อนให้ไปรอที่หอพักเค้า แล้วเค้าก็ปล่อยให้ฉันกับเพื่อนสนิทเค้าที่มาด้วยกันนั้นไปรอที่หอ ฉันก็ไปรอที่หอพัก นานเหมือนกันนะเค้าก็มา มากับใครรู้มั้ย.........

มากับสาวรุ่นน้องนั่ยนแหละ มันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เราคิดค่ะ เค้าเป็นผู้ชาย ออกตุ๊ดซะด้วย เป็นครั้งแรกที่เค้าเอามาให้ดู แต่ก่อนกมีแต่พูดเล่นๆกัน เราก็ไม่รู้จำทำไงเนาะ ก็นั่งหัวเราะอยู่นั่นแหละ ทำอะไรไม่ถูกถึงกับอึ้งน่ะ พอเราคุยด้วยก็ยังทำอารมณ์เสียใส่ด้วยนะ แต่เราก็ขำดี ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเปิดตัวขนาดนี้ ฉันก็เลยเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรกและคนเดียวสมัยมัธยมที่รู้ว่าเค้าเป็นแบบนี้ และฉันก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร..........หลังจากนั้นเราก็ออกไปเที่ยวกันต่อ..............

( เปิดตัว คนที่สอง) ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม 2 ฉันก็เลยรีบกลับมาบ้านเพราะเดี๋ยวก็เปิดเทอม 3 แล้ว ฉันมาก็ไปเล่นกับเค้า ออกไปเที่ยวกันตามเคย วันต่อมาก็จะไปเล่นกับเค้าอีก ก็เลยโทรไปหาว่าอยู่ไหน เค้าก็บอกว่า อยู่ตัวจังหวัด ฉันก็คิดว่าเออคงมีนัดไปหาใครล่ะมั้ง พอถามไปไปมามาเค้ากบอกว่าอยู่บ้าน เพราะตอนแรกที่เค้าบอกว่าไม่อยู่ก็เพราะว่ากลัวเราไปหา ที่ไม่อยากให้เราไปหาก็เพราะเค้าน่ะเอาผู้ชายมาบ้าน แต่เราก็คุยต่อ แล้วก็ชวนเที่ยว เค้าก็บอกว่าเออมาเล่นสิที่บ้าน เดี๋ยวจะแนะนำคนคนนึงให้รู้จัก ฉันก็คิดว่าเค้าคงพูดเล่นกะมั้ง แล้วฉันก็ไป เย็นแล้วนะแล้วฉันก็แต่งตัวซกมกซะด้วย พอไปฉันก็คุยสนทนามึงกูกับเค้าปกติ ไม่เห็นจะมีใครมาเลย แล้วเค้าก็เข้าไปในห้องคุยกับคนคนนั้น ฉัน็เอ้าจิงๆซะด้วย เพือนเค้าก็อายๆฉันนะ แต่ฉันก็พยายามทำตัวสบายๆ เค้าก็แนะนำเค้าให้ฉันรู้จัก ในนามเพื่อน ไม่นานเราก็สนิทกัน แล้วสนิทมากด้วย แล้วเค้าก็ชวนออกไปเที่ยว(ผับ) เราก็อ้าวแต่งตัวซกมกซะงั้น ไปเที่ยวในชุดแบบนั้นเลยฉัน อายมาก...............

หลังจากวันที่เค้าแนะนำคนที่สองให้ฉันรู้จัก ฉันก็รู้จักเค้ามากขึ้น และเรากับเพื่อนเค้าคนนั้นก็โทรคุยกันตลอด โดยที่เค้าไม่รู้ว่าเราแอบให้เบอกัน คุยเม้าท์เรื่องเค้าตลอด เป็นอะไรที่เข้ากับเค้าได้ดี

จากนั้นมาเค้าก็ไม่มีเรื่องปิดบังฉันเลย เราก็คุยกันเหมือนเพื่อน(รัก) เค้าชอบงอลเช่นเคย ฉันพูดอะไรเค้าก็บอกว่าเค้าน่ะทำอะไรก็ผิด แค่ฉันน่ะทำอะไรก็ถูก พูกเหมือนเค้าน้อยใจ เราก็ขำๆ เหมือนเด็กไปได้

จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมามันใช่ความรักรึป่าว เรารักเค้ามากจนให้อภัยเด้ทุกอย่าง ภึงแม้จะเสียคนรัก รึว่าไม่ได้รักเลย แค่รู้สึกดีดีกับเค้าก็แค่นั้นเอง งงตัวเอง ถ้าไม่รักทำไมเราต้องให้เค้าได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัว และถ้าเรารักเค้าจิงๆ ก็คงไมม่มีใครเห็รดวยกับความรักของเราเลย ทั้งเอน พ่อแม่ และโดยเฉพาะ น้องชาย ที่ไม่ชอบหน้าเค้ามากกกกกกกกกกกก

ก่อนที่เราจะเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่ฉันรู้จักเค้าแต่ยังไม่ทความรู้จักกันนั้น ฉันสงสัยว่าเค้าเป็นตุ๊ดรึป่าว แต่ฉันก็ยังเก็บความสงสัยนั้นเรื่อยมา

มีครั้งนึงฉันถามเค้าว่าทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ล่ะ(เกย์) เค้าก็ตอบว่า เป็นก็เพราะคนคนนึงที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ เค้าก็ไม่คิดที่จะเป็นหรอก เพราะคนคนนี้แหละที่ทำให้เค้านั้นก็เลือกเป็นนี้ แล้วเค้าก็บอกฉันอีกว่า เธออก็คงรู้ดีนี่ว่าใครทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันก็อึ้ง แล้วก็ถามว่าใครอีก เค้าก็ตอบมาอีกว่า เธอน่ะรู้ดีอยู่แล้วแหละ ฉันเลยเลยคิดว่า คนคนนนั้นที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้น่ะ ใช่ฉันรึป่าว เป็นเพราะเราไม่รับรักเค้า เค้าทำอะไรให้ก็ทำตัวเฉยชา ตายด้านใส่ เหมือนไม่มีความรู้สึก เค้าบอกว่ารักเราก็บอกว่าไปหาบอกคนอื่นเลยไป ย่ามาบอกันให้เลยเวลาเลย ฉันไม่รู้ว่าที่พุดออกมาว่าจริงรึป่าว เค้าก็บอกว่าถ้าไม่รักจิงๆจะทำนู่นนี่ให้หรอ เราก็เก็บเอามาคิด มันก็จิงๆด้วย เค้าทำอะไรให้หลายอย่างในขณะเดียวกันสิ่งเหล่านี้คนอื่นไม่เคยทำให้ฉันเลย แต่แนก็แกล้งพูดไปเป็นว่าคนอื่นเค้าก็ทำกัน แล้วความรักของเธอที่ให้ฉันเดี๋ยวมันก็จบเหมือนเกมส์แหละ มันก็แค่เกมส์ที่จะมาปั่นหัวฉันเล่น ไม่เอาหรอก เค้าก็คุยกับฉัน ให้อะไรฉันหลายๆอย่างอย่างที่ใครไมเคยให้ฉันเลย และของทุกอย่างที่เค้าให้ฉันเก็บไว้ และฉันก็มีบันทึกเสมอว่าวันนี้เค้าทำอะไรให้ เค้าดอะไร แต่มันก็เป็นแค่อดีตและความทรงจำ

เพราะปัจจุบันเค้าไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะมั้ง ก็เที่ยวหาผู้ชายอยู่ล่ำไป โดยไม่ปิดบังฉันเลย และฉันก็พร้อมที่จะทำให้เค้าตามที่เค้าต้องการ เพื่อนที่จะชนะความต้องการของเค้า ถึงแม้จะทำลายความรู้สึกขงฉันก็ตามแต่ และทำไปด้วยความเจ็บปวด

ผู้ชายคนนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกว่ารักแท้ และผู้ชายคนไหนฉันก็รักได้ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็น...เกย์ ....

ฉันหวังว่าคนรักของฉันคนต่อไปคงไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชายนะ(เกย์)

-----

<a href=http://www.savetubevideo.com>how download youtube</a>

-----

<a href=http://www.savetubevideo.com>youtube downloader</a>

เรารับตัวเองได้นะว่าตัวเองเป็น ไบโบท แต่ฝ่ายหญิงรับไม่ได้เราเคยบอกเค้าแล้วหลาย ๆคร้ง แต่เราหาทางออกไม่เจอจริง ๆ

จึงต้องรับสภาพนี้ต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไป

คือผมอยากรู้ว่าผมเป็นเกย์ใช่หรือปล่าว เพราะว่าผมมักจะมีความรู้สึกกับผู้ชายทั้งๆที่ผมอยู่กับผู้หญิงแท้ๆ แต่ทุกทีที่ผมเห็นผู้ชายที่หล่อ และร่างบึกๆมันก็แล่นเข้าในหัวต่างๆนาๆ ผมไม่อยากเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าผมเป็นจิงๆ ผมจะบอกกับพ่อแม่ยังไงดีคับ......

ครับ คือ ว่า ตอนเด็กๆ ประถม ก็ยังชอบ ผู้หยิงปกติ โดยส่วนตัว เป็นคนเรื่อยๆ ไงก็ได้ ไม่เกเร นะครับ แต่ก็มีเพื่อน ฝูง อะไรหมด ออกแนว น่ารักนิดนึง มักจะมีผู้ไหย่มาเอ็น ดู บ่อยๆ พอจบ ป.   ก็ย้ายโรงเรียนครับ มาต่อ ม.  ก็ยังชอบ ผู้หยิง ปกติ  จนกระทั่ง มีผู้ใหญ่มาชอบ ผู้ชายน่ะครับ ออกจะมีอายุ อ้วนหน่อย มาชอบ  ก็ มาคอย ดูแล เรา  เอาใจเป็นอย่างดี ทุกอย่าง น่ะครับ คอยดูแล เราเป็นอย่างดี (ส่วนครอบครัวทางบ้านน่ะครับ ไม่ค่อยจะ สนิทกับพ่อ เท่าไร ก็ ห่างๆกัน ส่วน แม่ คุยได้หมด ยกเว้น เรื่อง เป็นอะไร พ่อ เขาทำเหมือนกับเราไม่ใช่ลูกด้วย หลายๆๆเรื่อง นะครับ คิดว่า เป็นลูกคนสุดท้อง มีทั้งหมด 3 คน )  ส่วนตัว ชอบรุก นะครับ  หรือ ไบรุก มั้ง ไม่ชอบบบรับ แล้วก็ มีอะไรกับ ผู้หญิงก็ได้ กับชายก็ได้น่ะครับ  ปค่ผู้ชายจะชอบแบบ อวบ อ้วนๆ หน่อย มารู้ว่าตัวเองชอบ ผู้ชายอ้วน ตอน ปวช ตอนเห็น อ.      ผมไม่ออกนะครับ ปกติ แล้วแบบ นี้ ผมจะมีครอบครัว หรือ เป็นอะไร หรือชอบ แบบไหน  แล้วแก้ได้ไหม หรือจะ บอกใครได้ไหม

โดยส่วนตัว ผมอาย ไม่กล้าบอกใคร ว่าเป็นอะไร ชอบ แบบไหน ไม่ชอบคุย เวลาคุยเรื่อง ส่วนตัว ชอบแบบไหน อะไรยังไง จะอาย  แล้ว ทำไมต้องชอบ คนอ้วน แต่ผุ้หยิงก็ ชอบ แล้ว มันยังไง

1. ผมจะมีแฟน เป็นเพศไหน

2. ทำไม ถ้าผู้ชายผมต้องชอบ คนอ้วน หรือ คนที่ มาดูแลผมอ้วน เลยปลูกฝัง

3. แล้ว ทำไมตอนแรก ชอบผู้หยิง มาตอนนี้ ชายก็ได้

4. ทางบ้านไม่ชอบให้เป็นเกย์  ไม่เป็นก็ดี แต่ถ้าเป็น จะบอกยังไง

5. ครอบครัวทางบ้านไม่เหมือนคนอื่น แอนตี้ มากๆเรื่องพวก นี้ เช่น พ่อ

6. ทำไม ผมต้องอาย เวลาบอกว่าตัวเอง ชอบ แบบ ไหน เป็นอะไร

7. ผมมีสิทดเป็นเกย์ ไหม หรือเป็น ชาย หรือยังไง

 

ครับ ไง ต้องขอบคุณมากนะครับ ผมไม่เคย พิมม์บอกใครอย่างงี้มาก่อนเลย คำขอบคุณ อาจจะสั้นๆนะครับ ที่ ทนอ่าน แต่  ออกมาจากใจ ครับ  ขอบคุณมากครับ

มันอึกอัดมานะครับการที่เราเป็นแล้วไม่สามารถบอกใครๆได้ มันอึดอัดยากจะบรรยายนะครับ

บางครั้งก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเวลาญาติๆถามเมื่อไหร่จะแต่งงาน คือ มันลังเลถ้าแต่งไปจริงๆ

เราจะชอบแบบนี้ไหมจริงก็มีหญิงที่คบอยู่ แต่ไม่มีอะไรกันไม่อยากทำลายน้ำใจเค้า แต่ก็

ลืมเรื่องราวในอดีตที่เคยมีประสบการณ์กับชายไม่ได้ เฮ้อ....ทำงัยดี

เดี๋ยวนี้มีอยู่ทุกหัวระแหงแล้ว ขาดไม่ไ้ด้สำหรับสังคมไทยแล้วครับ คงปล่อยไปตามกรรมของแต่ละคนครับ ผมว่านะ

ไห้น้องๆอ่าน...ที่เริ่มสงสัยว่าทำไมมี่คาวมรู้สึกชอบผู้ชาย..ผมทำอาชีพขับแทกชีมาเกือบ2ปีผมใด้รับการถ่ายทอดคาวมในใจของหนุมๆแมนๆทั้งมี่เมียแล้วเพิ่งใด้ลองกับผมเป็นครั้งแรก..และน้องๆแมนๆที่อยากจะจับ.เค.ผู้ชายด้วยกันแต่ต้องเกิบคาวมรู้สึกนั้นใว้ลึกมากๆอ้อผมโพสรูป.ค.ใว้นะครับพอดีผมเป็นคนที่ เค..สวยครับพ่อไห้มาไครก็ชอบทุกคนคงคิดว่าผมคงหล่อจิงๆแล้วแก่ครับแถมน่าลาวๆมี่เมลมาเยอะครับผมก็ตอบทุกคนพร้อมกับคลิปผมโชว...และไครเรียกแทกชี่ผมก็แถมไห้จับเกีย์ด้วยเลย..สิงที่เริ่มว่าเราชอบชายรึป่าว

เวลาเห็นหนุมไหนรูปร่างน่าตาหล่อจะใจเต้นตูมตาม..แต่ก็ไมแสดงออกไห้ไครรู้เลย

เวลาไปไหนมาไหนกับเพือนหรือนญาติที่เป็นชาย..บังเอินใด้ไปเห็นเขาเปลียนกางเกงเห็นอะไรวับๆแวมๆก็จะตืนเต้นมากๆอยากเห็นมากก่าวนั้นอาจเป็นภาพติดตาเวลาหลับบ้านเลยละ

ถ้าคุณเป็นแมนมากๆคุณจะเกิบคาวมรู้สึกนี้ใว้อยางดีจะนานแค่ไหนอยูที่ตัวคุณแต่ที่แน่ๆสักวันไม่ช้าก็เร็วมันต้องล้น..ต้องกล้า..ใด้สัมผ้สแน่..

หลายคนที่ผมเจอ.หนุม.หล่อ.แมน.ทั้ง..ต.ร. ท.ห.และคุณหมอ..เขาจะชอบผู้ชายน่าตาบ้านๆๆอ้อต้องแขงแรงด้วยนะส่วนกระเทยชอบ..หนุมหล่อๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท