สื่อทุกแขนงต่างประโคมข่าว เรื่องการขึ้นราคาข้าวที่มีราคาขายสูงที่สุดในประวัติกาล ต่างออกมาแสดงความชื่นชม...ยินดีกับชาวนา ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ หลังจากถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องราคาข้าวมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข่าวทั้งหลายทั้งปวงที่ออกมาสู่ประสาทการรับรู้ของประชาชนทั่วประเทศนั้น เหมือนว่าจะดีอย่างมาก...สำหรับชาวนา
..... แต่ความจริงแล้วไม่ใช่............
สำหรับชาวนาในที่ลุ่มที่มีน้ำเพียงพอ สำหรับการทำนามากกว่า 1 ครั้งต่อปี น่าจะเป็นข่าวดี ...แต่สำหรับชาวนาที่ต้องอาศัยน้ำจากธรรมชาติ หรือน้ำฝนอย่างเดียว มีโอกาสทำนาได้แค่ปีละ 1 ครั้งเป็นข่าวดีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอะไร.....
ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวคือช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ชาวนาจะขายข้าวใหม่ เพื่อเป็นค่าปุ๋ย - ค่ายา - ค่าแรงและอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย ข้าวส่วนที่เหลือชาวนาจะเก็บไว้กินตลอดทั้งปีหรือเป็นพันธ์ข้าวในปีถัดไปและเก็บไว้ขายในยามที่จำเป็นต้องใช้เงิน ( เช่น ส่งลูกเรียน...ขายตอนเปิดเทอม) ซึ่งปริมาณข้าวที่มีเก็บ ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับปริมาณของผลผลิตที่ได้ของปีนั้น ๆ แล้วข้าวที่ขายไปอยู่กับใคร ? .... โรงสีขนาดใหญ่ครับ...หรือที่เราเรียกว่าพ่อค้าคนกลาง
.....ราคาข้าวขึ้นช่วงนี้ชาวนาที่ทำนาปีละครั้งจะเอาข้าวที่ใหนไปขาย.....
ราคาข้าวขึ้นช่วงนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าของโรงสีที่มีข้าวเก็บจากการขายของชาวนาตั้งแต่หลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเก็งกำไร ชื้อมาราคาถูก เก็บไว้ 2 เดือนขายช่วงนี้.. ราคาสูง..ขนาดนี้... ไม่รวยขึ้นไปอีก...ก็ให้รู้ไปซิ..ใช่ใหมครับ
เจ้าของโรงสี...ยิ้มแฉ่ง...ชาวนา..เศร้า...เหงา...หงอย....เหมือนเดิมเพราะถ้าขายช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรขายให้ลูกช่วงเปิดเทอม,ไม่มีข้าวกินก่อนถึงฤดูการเก็บเกี่ยวใหม่,และไม่มีเก็บไว้ขายยามฉุกเฉิน
................ เฮ้....อ....................................................................
สวัสดีเจ้าค่ะ
จริงด้วยเจ้าค่ะ ตอนนี้คนข้างบ้านน้องจิก็ขายข้าวไป ได้เกวียนละ หมื่นกว่าบาท แต่รายจ่ายเขาก็เยอะมากๆ เห็นใจชาวนาเจ้าค่ะ น้องจิแวะมาเยี่ยมเยียน คิคิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ -----> น้องจิ ^_^
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ...
น้องจิ และ YOUR SISTER ที่แวะมาทักทาย