ปิดเทอมใหญ่ทำเด็กไทยอ้วน งานวิจัยชี้ 2 เดือน น้ำหนักพุ่ง 4 กิโลกรัม เหตุตามใจ ปล่อยซื้อกินเอง ด้านแพทย์ห่วงเด็กอ้วน สูงไม่เต็มที่ หากป่วยรักษายาก แนะวิธีดูแล 3 ไม่ 3 ต้อง
|
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน แถลงข่าว “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจพ่อ-แม่ -ว้าวุ่น” โดยนายพเนศ ต.แสงจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนแสงวิทยา จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า จากงานวิจัยพฤติกรรมของเด็กช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งสุ่มตัวอย่างผู้ปกครองและเด็ก อนุบาล-ม. 3 พบว่า เพียง 1 เดือน เด็กมีน้ำหนักเพิ่มเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม และบางคนขึ้นสูงสุดเกือบ 2 กิโลกรัม เนื่องจากช่วงปิดเทอมผู้ปกครองส่วนใหญ่มักให้เด็กทานอาหารเช้าที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และให้เงินเด็กไว้ซื้ออาหารรับประทานเอง เกือบร้อยละ 70 ยอมรับว่า รู้ว่าเด็กเอาเงินไปซื้อน้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบตามโฆษณา แต่ไม่ห้ามปราม ขณะที่กิจกรรมที่เด็กทำช่วงปิดเทอม คือ ดูโทรทัศน์ นอน ไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ ทำให้เด็กอ้วน ดังนั้น ในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ 2 เดือน เด็กจึงอาจน้ำหนักขึ้นได้เกือบ 4 กิโลกรัม หากยังปล่อยให้เด็กมีพฤติกรรมแบบเดิม จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง หากปล่อยให้เด็กกินแบบไม่มีวินัย อาจจะกลายเป็นเด็กอ้วนสุขภาพอ่อนแอได้
ด้าน นพ.สุริยเดว ทริปาตี โฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า การมีวินัยในการรับประทานเป็นบันไดขั้นแรกของการฝึกทักษะทางอารมณ์ หรืออีคิว ให้เด็ก และป้องกันผลกระทบของโรคอ้วน เด็กที่มีน้ำหนักเพิ่มมากจากการกินที่ไม่เหมาะสม จะมีผลต่อส่วนสูง คือ ร่างกายจะโตไม่เต็มศักยภาพ เช่น จากที่ควรสูงได้ถึง 160 เซนติเมตร จะเหลือ 155 เซนติเมตร เพราะกระดูกจะปิดเร็วขึ้น ขณะที่หากเป็นโรคหอบหืด ไข้เลือดออก จะรักษายากขึ้น ดังนั้น จึงอยากแนะนำเด็กในช่วงปิดเทอมควรปฏิบัติ 3 ไม่ 3ต้อง เพื่อความแข็งแรงของทั้งร่างกายและจิตใจ คือ 1.ไม่กินหวาน มัน เค็ม ต้องกินผัก ผลไม้ ทุกวัน 2.ไม่ดูทีวี เน็ต เพลิน ต้องออกกำลังกายวันละครึ่ง ชม. 3.ไม่คร่ำเคร่งกับการเรียน แต่ต้องทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ในชุมชน