ตั้งแต่หอศิลป มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดตัวพื้นที่หอศิลปแห่งใหม่โดยย้ายจากพื้นที่เดิมที่ชั้น 3อาคาร 9 วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ไปอยู่ที่อาคารนานาชาติ ซึ่งจัดสร้างใหม่ภายในวิทยาเขตเดียวกัน ผู้เขียนก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปดูนิทรรศการศิลปะที่นี่เลยสักที ก่อนหน้านี้ราวๆ เกือบปีได้อ่านข่าวจากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ซึ่งเนื้อหากล่าวว่า “ว่ากันว่า ที่นี่อาจจะเป็นหนึ่งในหอศิลป์ที่มี Art Space (พื้นที่แสดงงานศิลปะ) ที่ดีที่สุดในประเทศไทย เพราะอาคาร 'หอศิลป์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ' มูลค่ากว่า 100 ล้านถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ” ก็ยิ่งน่าสนใจ แต่จากวันนั้นนับเป็นเวลานานเป็นปีที่ยังไม่มีโอกาสได้แวะไปอย่างที่ตั้งใจ
แล้วจู่ๆ ผู้เขียนก็ได้รับ e-mail จากพี่บอล(อาจารย์ปิยลักษณ์ เบญจดล) เกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์การนำเสนอผลงานนิวมีเดีย ในโครงการ 5th Asia-Europe Art Camp หัวข้อ “Re-Vision Bangkok: New Media Art and Interactivity” ซึ่ง จัดโดยคณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ Asia-Europe Foundation (ASEF) และหอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2551 ผู้เขียนจึงรีบตอบรับไปทันทีและดีใจว่าคราวนี้จะได้ไปที่หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพแห่งใหม่นี้ซะที
วันนั้นเดินทางไปถึงที่หน้าหอศิลป์ ราวๆ 17.00 น. อากาศกำลังสบายๆ ไม่ร้อนมาก เพราะที่หน้าหอศิลป์เป็นพื้นที่โปร่งโล่ง(สามารถใช้จัดกิจกรรมศิลปะกลางแจ้งหรืออื่นๆ ได้) มีที่ให้นั่งพักหลายจุด และมีร้านกาแฟน่านั่ง (แต่ไปคราวนี้ยังไม่ได้เข้าไปนั่งค่ะได้แต่แอบมองไว้ก่อน) เมื่อขึ้นไปบนอาคาร ก็จะพบห้องแสดงงานอยู่ด้านขวามือ จึงได้แวะเข้าไปดูงานที่กำลังจัดแสดงอยู่ก่อนจะเข้าไปที่ส่วน Event Stair ทางฝั่งซ้ายมือซึ่งไม่ไกลจากกัน เจ้าหน้าที่ด้านหน้าห้องแสดงงานแจ้งว่ายังมีห้องจัดแสดงงานที่ชั้น 4 อีกด้วย แต่เห็นว่าใกล้เวลา 17.30 น. ซึ่งกิจกรรม Public Presentation ใกล้จะเริ่มแล้วก็เลยไม่ได้ขึ้นไปดู(แต่อย่างไรก็ตามคราวหน้าไปจะต้องขอดูให้ทั่วทุกห้องจัดแสดงเชียวค่ะ) อ้อ...ลืมบอกไปว่า ที่นี่เข้าชมฟรีไม่ต้องเสียค่าเข้าชมใดๆ ค่ะ
ภายในส่วน Event Stair มีลักษณะเป็นขั้นบันไดกว้างๆ ให้เลือกนั่งกันได้ตามสบาย ผู้เขียนกับเพื่อนเลือกขึ้นไปนั่งด้านบนสุด ด้วยหวังมุมมองที่กว้างไกล ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง หลังจากที่นั่งสำรวจคนที่อยู่ภายในพื้นที่นี้ก็พบว่าสมาชิกในห้องส่วนใหญ่เป็นศิลปินรุ่นใหม่ทั้งจากประเทศไทย ประเทศในแถบเอเชียอื่นๆ และยุโรป ซึ่งพี่บอลได้ให้ข้อมูลไว้ว่าเป็นศิลปินนิวมีเดียรุ่นใหม่ 22 คน จาก 18 ประเทศ ทั่วโลก นอกเหนือจากนี้ก็มีคณาจารย์และผู้ที่มาชมมาเชียร์อย่างเช่นผู้เขียนอีกส่วนหนึ่ง การนำเสนองานในครั้งนี้จึงมีผลงานศิลปะและภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการนำเสนอ (ซึ่งผู้เขียนก็แอบหวั่นใจไปกับข้อจำกัดด้านภาษาของตัวเองอยู่ด้วยค่ะ)
เมื่อผู้ใหญ่จากหน่วยงานร่วมจัดมากันพร้อมหน้า พิธีการก็เริ่มต้นขึ้นแบบกึ่งทางการ(เพราะดูสบายๆ ไม่เคร่งเครียดชวนอึดอัด) มีการกล่าวถึงความเป็นมาต่างๆ ของโครงการ ผู้ใหญ่จากแต่ละหน่วยงานพูดกันครบถ้วน และมีการมอบประกาศนียบัตรให้กับศิลปินและอาสาสมัครของโครงการ แล้วจึงจะถึงคิวที่ศิลปินนำเสนอผลงานเป็นกลุ่มๆ ซึ่งส่วนนี้ได้รับข้อมูลจากพี่บอลมาอีกเช่นกันว่า ศิลปินจะรวมกันเป็น 4 กลุ่มแยกตามสถานที่ต่างๆ และมีคีย์เวิร์ดในการสร้างงาน คือ กลุ่มวัดโพธิ์: Nutchaphan (Thailand) Jolene (Hong Kong) Miha (Slovenia) Tan Dat (Vietnam) Mihaela (Bulgaria) Keyword สำหรับเก็บข้อมูล: Synchronicity / Visible-Invisible / Sweat / Map กลุ่มสยามสแควร์: Boonsri (Thailand) Jazmi (Malaysia) Lisa (Japan) Bat-Amgalan (Mongolia) Adam (UK) Maria (Portugal) Keyword สำหรับเก็บข้อมูล: Link-Click/ Bio-Craft / Line / Longitude-Latitude กลุ่มสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส: Adithep (Thailand) Andreas (Indonesia) Branko (Austria) Jette (Denmark) Darrah (Ireland) Rares (Romania) Keyword สำหรับเก็บข้อมูล: Fluid / Pollution / Death / Path / Open-end / Intervention / Derive และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มถนนข้าวสาร: Preeyachanok (Thailand) Tengal (Philippines) Timo (Estonia) Birte (Germany) Maris (Latvia) ใช้ Keyword สำหรับเก็บข้อมูล: Senses-Sensors / Poetry / Knot / Food / Landscape
ซึ่งกระบวนการทำงานศิลปะก็คือ การที่ศิลปินทั้ง 4 กลุ่ม จะเข้าไปสังเกตการณ์ เก็บข้อมูล ตีความ ในพื้นที่ 4 แห่ง จากนั้นศิลปินจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตั้งคำถามและสร้างกระบวนการทางความคิดร่วมกัน จนกระทั่งสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะภายใต้บริบทของสถานที่ โดยใช้นิวมีเดียเป็นสื่อในการสร้างปฏิสัมพันธ์โต้ตอบระหว่างตัวศิลปินเองกับพื้นที่และระหว่างศิลปินกับผู้คนทั้งไทยและต่างชาติที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน
อ่านมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกงงๆ สงสัย และอยากรู้ว่าศิลปินจะทำงานศิลปะหน้าตาออกมาอย่างไรกัน คิดในใจยังไม่ทันได้คำตอบ ก็ได้เวลาที่ศิลปินเข้าจะเริ่มนำเสนองานกันแล้วล่ะค่ะ ระหว่างที่ศิลปินกลุ่ม วัดโพธ์เตรียมความพร้อมนำเสนองานเป็นกลุ่มแรก ก็จะมีเอกสารแจกให้ผู้ที่ร่วมชมได้รู้จักโครงการ ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และศิลปินในโครงการนี้กันอย่างคร่าวๆ พร้อมด้วยกระดาษครึ่งแผ่น A4 ที่มีconcept และคำร้องขอให้ทำตามป้ายต่างๆ ที่จะโชว์ขึ้นมาระหว่างการนำเสนองาน Wat-Pho-VIP ซึ่งเป็นชื่องานของกลุ่มแรกมาให้อ่านกันระหว่างรอ (ผู้เขียนนึกไปถึงเมื่อคราวที่ต้องนำเสนองานหน้าชั้นเรียน ป.โท ด้วยสื่อประกอบการนำเสนอที่สุดแสนจะอลังการ แล้วหันคุยกับเพื่อนว่า จริงๆ เราทำเอกสารเรียบๆ ง่ายๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนะเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือวิธีคิดมากกว่า)
การนำเสนอของกลุ่มวัดโพธิ์เป็นไปอย่างสนุกสนาน มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เพราะผู้ชมมีส่วนร่วมในการนำเสนองานของกลุ่มนี้กันถ้วนหน้าด้วยการยืนขึ้น นั่งลง ปรบมือ ร้องฮู ฯลฯ ตามป้ายคำสั่งที่ศิลปินจะโชว์ขึ้นมาในแต่ละช่วงเวลาซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาวีดีโอที่กำลังนำเสนอเรื่องราว เสมือนผู้ชมได้ร่วมสร้างงานไปกับศิลปิน แม้แต่ผู้เขียนก็เพลิดเพลินจนลืมข้อจำกัดด้านภาษาและการบีบคั้นตัวเองให้เข้าใจเนื้อหาของงาน
กลุ่มต่อไปเป็นกลุ่มสยามสแควร์ การนำเสนอมีวีดีโอที่มีภาพศิลปินในกลุ่มเดินอยู่ภายใต้ร่มสีเหลืองที่มีผ้าบางๆ สีเดียวกันคลุมไว้ (ลักษณะคล้ายกรดของพระธุดงค์ในศาสนาพุทธ)เดินไปมาตามจุดต่างๆ บริเวณสยามสแควร์(ซึ่งมีมุมภาพและองค์ประกอบของภาพสวยงามทีเดียว) ตัดสลับกับปฏิกิริยาสีหน้าของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายแบบช้าบ้างเร็วบ้างของศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่น ผู้เขียนคิดเอาเองว่าคล้ายลีลาของโยคะและการเต้นรำผสมผสานกัน ในขณะที่ศิลปินหนุ่มอีกคนยืนสงบนิ่งอยู่ในกรดเช่นเดียวกันกับภาพในวีดีโอ สำหรับงานของกลุ่มนี้เพื่อนผู้เขียนแอบกระซิบบอกว่าไม่เข้าใจศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายนั้นสื่อความหมายถึงอะไร ผู้เขียนแอบคิดเอาเองว่าเป็นการสื่อถึงความวุ่นวายสับสนที่เคลื่อนไหวและคืบคลานแทรกซึมไปทั่วบริเวณ แต่ข้อสันนิฐานนี้ไม่เป็นที่ยืนยันนะคะ เพราะเป็นเพียงแค่ความคิดจากผู้เขียนเพียงคนเดียวเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิต และศิลปะก็ได้เปิดปลายให้กว้างไว้เพื่อให้ผู้ชมไปขบคิดต่ออย่างอิสระไม่มีข้อจำกัดว่าความคิดนั้นผิดหรือถูก
ผู้เขียนดูได้แค่ 2 กลุ่มแรก แล้วจากนั้นก็เริ่มหิวเลยไม่ได้ดูจนครบทุกกลุ่มต้องบอกลาพี่บอลกลับออกมาก่อน(ซึ่งภายนอกก็ฟ้าก็มืดแล้วอีกเช่นกัน) คราวนี้ต้องขอบคุณพี่บอลที่ส่งข่าวดีๆ มาบอก และคงต้องหาโอกาสกลับไปที่หอศิลป์อีกหลายๆ ครั้ง แน่นอนค่ะ
สวัสดีคะ แวะมาติดตาม
โชคดีของน้องๆ นะคะ ที่มีหอศิลปในมหาวิทยาลัย จึงทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มมากขึ้น
พี่แจ๋วพาทัวร์ได้สนุกดีด้วยคะ
ขอบคุณค่ะ...
อ่านแล้ว...สนุก..แม้จะเป็นเรื่องเล่าภายใต้..
มุมมองของผู้เขียน..แต่นั่นแหละค่ะ...
ทำให้ผู้อ่านรู้สึก...สนุกไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนค่ะ...
(^_____^)
กะปุ๋ม
สถาบันการศึกษาหลายๆ ที่ มีหอศิลป์ของตัวเองค่ะน้องมะปรางเปรี้ยว
อาจเป็นเพราะบ้านเรายังไม่มีหอศิลป์ดีๆ ที่รัฐเป็นเจ้าภาพจัดสร้างหรือเปล่าก็น่าจะเป็นเหตุข้อหนึ่งได้
จะว่าไปแล้วบ้านเราควรจะมีหอศิลป์ มีโรงละคร ให้มากกว่าห้างสรรพสินค้านะคะ ถ้าเป็นไปได้จะดีต่อสังคมมากๆ
ขอบคุณน้องมะปรางเปรี้ยวที่มาทัวร์หอศิลป์กับพี่แจ๋วนะคะ
แล้วจะพาไปเที่ยวอีกค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ Ka_Poom
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และแสดงความคิดเห็นค่ะ
โดยปกติทั่วไปคนส่วนใหญ่ไม่ไปหอศิลป์ถ้าไม่จำเป็น
ก็เลยคิดว่าเขียนให้อ่านสบายๆ เหมือนกับได้ไปเที่ยวก็น่าจะดี เลยลองดูค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อยากไปดูหอศิลป์เค้ามั่งจังค่ะ...
คงจะยิ่งใหญ่...อลังการณ์...และมีงานศิลปะมากมายเลย...
สวัสดีค่ะ
ได้เข้ามาอ่านทำให้เปิดโลกทัศน์ มีหอศิลป์ใหม่สวยอย่างนี้ ขอบคุณที่นำมาเล่าให้ฟัง ต้องหาโอกาสอยากไปดูบ้างค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ Wardah
หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คนรักศิลปะไม่ควรพลาดค่ะ
ถ้ามีโอกาสแวะมาที่กรุงเทพฯ อย่าพลาดไปชมนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านบันทึกของพี่นะคะ
สวัสดีค่ะคุณ a l i n l u x a n a
หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(ส่วนที่สร้างใหม่นี้)เปิดมาระยะหนึ่งแล้วค่ะ
ก็นึกเสียดายเหมือนกันว่าน่าจะได้ไปชมตั้งนานแล้ว
ถ้ามีโอกาสลองแวะไปนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านบันทึกค่ะ
ว่าจะมาลงรูปเพิ่มเติมให้ แต่ไม่เห็นที่จะ add เพิ่มได้เลย
เอาเป็นว่า พี่เขียนแล้วอ่านสนุกเช่นเคยค่ะ :)
แนทคะ
ส่งรูปที่ต้องการจะให้ลงเพิ่มเติมมาให้พี่ทาง e-mail ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่คนไม่มีราก
ไว้ว่างๆ แจ๋วชวนคุณพี่คนไร้รากไปเที่ยวหอศิลป์ด้วยกันดีกว่าค่ะ
สวัสดีค่ะน้องจิ คนสวย
แวะมาทักทายกันทุกบันทึกเลยน่ารักมากจ๊ะ :)
Sasinanda
อ่านแล้ว น่าไปจังค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
ดีใจที่พี่ศศินันท์เข้ามาอ่านบันทึกนี้ และสนใจจะไปที่หอศิลป์นะคะ
ขอบคุณค่ะ
น่าสนใจครับ
แล้วจะมาติดตามข่าวคราวเรื่องศิลปะครับ
สวัสดีค่ะ คุณผู้ประสงค์ไม่ออกนาม(แหมชื่อเรียกยาวนะคะเนี่ย)
ยินดีค่ะ...ถ้ามีโอกาสไปที่ไหนก็จะมาเล่าอีกค่ะ แต่เป็นมุมมองจากผู้เขียน สาระอาจไม่มากนักนะคะ
ขอบคุณค่ะ