"วิธีดูแลเรื่องเวลาในการพักผ่อนเพื่อส่งผลต่อสุขภาพภายใน เพื่อให้สุขภาพกายดีในระยะยาวด้วย ให้ร่างกายเกิดเป็นความเคยชินเป็นนาฬิกาชีวภาพของชีวิต ซึ่งหากทำได้อย่างต่อเนื่อง รับรองได้ผลแน่ เพราะเป็นศาสตร์เก่าแก่กว่า 5,000 ปีที่ชาวจีนเชื่อถือกันมานาน เป็นทฤษฎีการดูแลสุขภาพของคนจีน "
นาฬิกาชีวภาพของมนุษย์ โดย คุณสุทราภรณ์
ชอุ่มชัยศิริ
ยิ่งโลกและเทคโนโลยีเจริญไปมากยิ่งขึ้นเท่าใด
สังคมของเรา อากาศของเรา อาหารของเรา
ก็ดูเหมือนจะเป็นอันตรายมากตามไปด้วย
จนทำให้มีโรคแปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย
หรือไม่ก็มีโรคที่เคยหายไปพักใหญ่แล้วกลับมาระบาดอีก
โรคบางโรคเคยเป็นในผู้ใหญ่ ปัจจุบันนี้ก็ลุกลามมาเป็นในเด็ก
ในผู้ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆเรียกว่าหากไม่ดูแลตัวเอง
เผลอหน่อยเดียวก็อาจจะมีโรคถามหาเอาได้ง่ายๆ
ดังนั้นคนในสังคมเมืองหลวงใหญ่ทั่วไป
โดยเฉพาะกรุงเทพฯอย่างบ้านเรานั้น
ต้องใส่ใจต่อสุขภาพกันให้มากๆเข้าไว้
ถ้าไม่อยากเจ็บป่วยง่ายๆโดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่นั้น
ร่างกายอาจอ่อนแอง่ายกว่าคนหนุ่มสาว
จึงควรต้องใส่ใจดูแลท่านเป็นพิเศษหรือมอบแต่สิ่งดีๆให้กับท่านได้ทราบ
นอกจากต้องดูแลตัวเองเรื่องสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหาร
และออกกำลังกายแล้ว
ยังมีวิธีดูแลเรื่องเวลาในการพักผ่อนเพื่อส่งผลต่อสุขภาพภายใน
เพื่อให้สุขภาพกายดีในระยะยาวด้วย
ให้ร่างกายเกิดเป็นความเคยชินเป็นนาฬิกาชีวภาพของชีวิต
ซึ่งหากทำได้อย่างต่อเนื่อง รับรองได้ผลแน่
เพราะเป็นศาสตร์เก่าแก่กว่า 5,000
ปีที่ชาวจีนเชื่อถือกันมานาน
เป็นทฤษฎีการดูแลสุขภาพของคนจีนซึ่งบอกว่าร่างกายของคนเราหมุนเวียนสร้างพลังงานเป็นช่วงๆ
ดังนี้
เวลา 21:00 - 23:00
น. ร่างกายจะสะสมพลังงานรวม
พลังงานของร่างกายจะสร้างในช่วงนี้เท่านั้น
ฉะนั้นควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม ถ้าหากไม่เข้านอนช่วงเวลาดังกล่าว
ร่างกายจะมีพลังงานเพื่อช่วยเหลือกระบวนการให้ร่างกายทำการสะสมพลังงานได้ไม่เต็มที่
ผลก็คือจะทำให้ร่างกายมีพลังงานสะสมไม่เพียงพอในการฟื้นฟูอวัยวะต่างๆให้สะอาดแข็งแรงสำหรับวันต่อไป
เวลา 23:00 - 01:00
น. พลังงานที่สร้างขึ้นจะเคลื่อนเข้าสู่ถุงน้ำดี
ล้างถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีแข็งแรงย่อยไขมันที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็น
ฮอร์โมน กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ไขสมอง
และน้ำหล่อเลี้ยงในร่างกายทั้งหมด
การย่อยไขมันของร่างกายเกิดขึ้นในช่วงนี้เท่านั้น
หากไม่พักผ่อนช่วงนี้ ไขมันดังกล่าวจะตกตะกอนอยู่ตามร่างกาย เช่น
ถุงไขมันใต้ตา
มีพุง สมองเลอะเลือนง่าย
ปวดไหล่ ปวดท้องง่ายบริเวณลำไส้ใหญ่ ท้องเสียหรือท้องผูกง่าย
เวลา 01:00 - 03:00 น.
พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ตับ ตับจะเริ่มทำงานโดยใช้พลังงานที่สะสมไว้
ตับจะสะสมอาหารสำรองให้ร่างกายและกำจัดของเสียตลอดจน
ผลิตน้ำดีและส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี
ถ้าช่วงนี้ไม่หลับนอนยังทำงานอยู่ ร่างกายจะสูญเสียพลังงานที่สะสมไว้
ตับจะอ่อนแอลง สภาวะการสะสมพลังงานสำรองลดลง การผลิตน้ำดีลดลง
ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับอ่อน เป็นผลให้การผลิตอินซูลินลดลงด้วย
โรคที่จะเกิดขึ้นคือ โรคเกี่ยวกับความดันโลหิตแปรปรวน โรคเกาต์
โรครูมาตอยส์ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เบาหวาน หัวใจ กระดูกเสื่อม
เวลา 03:00 - 05:00
น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ปอด
ถ้าปอดแข็งแรง ผู้นั้นจะหลับสนิท
ถ้าเป็นโรคปอดหรือสูบบุหรี่จะรู้สึกไม่สบายตัวและจะถูกปลุกให้ตื่นในช่วงนี้จะไอและหายใจขัด
เวลา 05:00 - 7:00 น.
พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ใหญ่เป็นช่วงที่เราต้องถ่ายอุจจาระ
ร่างกายต้องเอาของเสียทิ้งให้หมดก่อนเจ็ดโมงเช้า
ถ้าไม่ออกกำลังกายในช่วงนี้หรือได้ขับถ่าย
ร่างกายจะเริ่มดูดซึมของเสียเข้าสู่ระบบเลือด
นี่เป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เกิดไขมันที่เสียๆ
ควรออกกำลังกายช่วงนี้
เพื่อให้ลำไส้ใหญ่ขยับตัวและเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนของเสียออกไปจากร่างกาย
เวลา 07:00 - 09:00
น. กระเพาะอาหารจะย่อยได้สูงสุดในช่วงนี้เท่านั้น
ช่วงอื่นๆทำงานได้น้อยกว่า
กระเพาะอาหารต้องการอาหารและหลั่งน้ำย่อยมากที่สุด
ผู้ที่ไม่รับประทานอาหารเช้าจะมีโอกาสเป็นโรคกระเพาะอาหาร
และจะเกิดโรคหัวใจด้วย
เพราะไม่ได้สารอาหารสำหรับทุกอวัยวะเพื่อกลับไปสร้างพลังงานรวม
เวลา 09:00 - 11:00 น.
ม้ามจะเริ่มเก็บพลังงานสำรอง เก็บสารอาหารจากการย่อยของกระเพาะอาหาร
ถ้าเราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ร่างกายจะดึงพลังงานสำรองออกมาใช้
พลังงานรวมจะหายไป ร่างกายจะอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง
เวลา 11:00 - 13:00 น.
พลังงานจะเคลื่อนที่ไปที่หัวใจ ถ้าร่างกายไม่ได้สารอาหาร
หัวใจจะทำงานลำบาก หัวใจวายได้ง่ายในช่วงนี้