กลิ่น...


แม้จะไม่มีร่างกาย แต่ก็มีหัวใจ ที่จะร้องขอสิ่งที่ต้องการ

       งวดนี้แม่ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาสองอาทิตย์แล้วและเมื่อวันที่พาแม่เข้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล น้องสาวเล่าให้ฟังว่า ตอนตี 5 กว่าๆ ช่วงที่พาแม่ไปส่งที่ฉุกเฉินแล้ว น้องสาวก็วนเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ และเดินลัดเลาะมาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลซึ่งก็เป็นทางเดินเล็กๆ น้องสาวเล่าว่า ตลอดทางเดินซึ่งเป็นระยะทางยาวพอสมควร ได้กลิ่นศพตลอดเส้นทาง น้องสาวก็เดินไปเงียบๆ ในใจผู้เขียนคิดว่า เขาก็คงหวาดๆ ล่ะ แต่น้องสาวบอกว่า เป็นห่วงแม่มากกว่าผี

       หมอบอกว่าถ้าส่งแม่มาช้ากว่านี้ ก็อาจไม่ดีเท่าที่ควรเพราะเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดบ้างแล้ว ตอนนี้ก็ให้ยาฆ่าเชื้อโรคเป็นระยะ จึงโชคดีที่น้องสาวตัดสินใจพาไปก่อนที่จะเป็นมากไปกว่านี้ ผู้เขียนบอกกับน้องสาวว่า เขาคงมาขอส่วนบุญเธอ แล้วทำบุญไปให้เขาหรือยัง น้องสาวบอกว่า วันนั้นที่โรงพยาบาลพระงดเดินเห็นติดป้ายบอกไว้ที่หอพักพยาบาล เนี่ย! เจ้าตัวพึ่งมาใส่บาตรพระหน้าบ้านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง แต่ก่อนใส่ผู้เขียนก็อุทิศผลบุญที่ตนเองทำและสะสมมา ไปให้ก่อนที่น้องสาวจะทำบุญไปให้แล้ว กลัวเขารอนาน

       เมื่อคืนวันอาทิตย์ผู้เขียนก็ไปเฝ้าแม่และคอยทำความสะอาดให้แม่เวลาถ่ายท้องใน pamper ก็หลายรอบ (หมอให้ยาระบายของเสียในท้องเพราะตับทำงานไม่ค่อยไหวแล้ว) แต่ก่อนรังเกียจ "อึ" นะ แต่เราเป็นลูก ซึ่งแม่มีลูกสองคนก็ต้องผลัดเปลี่ยนกันไป ตอนนี้ ชินและเปลี่ยน pamper ให้แม่ชำนาญแล้ว น้าสาวซึ่งเป็นพยาบาลอยู่เสาวภาเวลากลางวันจะแวะมาเยี่ยมแม่และบอกว่า ถ้าเราทำไม่ได้ก็เรียกพยาบาล แต่พยาบาลก็มีไม่กี่คน (ในวันอาทิตย์)พวกเราจึงทำให้แม่กันเองโดยไม่เรียกพยาบาล

       โรงพยาบาลมีกำหนดเวลาปิดการเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยตอนสองทุ่ม ผู้เขียนอยู่เปลี่ยน pamper ให้แม่ก่อนกลับ พยาบาลก็ไม่ว่าอะไรแถมอนุญาตให้อยู่ได้ พอขนของกลับมาที่รถ ดันลืมถามพยาบาลเรื่อง อัลตร้าซาวน์ เลยต้องเดินกลับไปถามใหม่ ทำให้ยิ่งดึกเข้าไปอีก เวลาเดินในโรงพยาบาลเวลากลางคืนก็ดูน่ากลัวนะ คือ กลัวได้กลิ่นเหมือนน้องสาว และกลัวคนที่นั่งหันหลังอยู่ตามม้านั่งในโรงพยาบาลจะเป็น....เดินไปก็คิดเล่นๆ ไป แต่ก็ไม่ได้กลัวมากมายเพียงแต่จินตนาการไปเล่นๆ และผู้เขียนก็อดคิดแบบขำๆ ไม่ได้ว่า ตอนนี้ผู้เขียนป่วยเป็นไข้หวัด ไม่รับรู้รส และกลิ่น ถ้าเขามาหา คงเหนื่อยและไร้ประโยชน์ที่จะขอจากผู้เขียนแน่เลย

       ผู้เขียนเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง เพื่อนบอกว่ากลิ่นหนูตายมั่ง ผู้เขียนได้รับการยืนยันจากน้องสาวว่า เขาแยกแยะได้ และที่ได้กลิ่นก็ไม่ใช่ระยะทางสั้นๆ แต่ตลอดทางเดิน ซึ่งตรงทางที่จะไปฉุกเฉิน ก็อยู่ห่างจากจุดที่รับศพ จึงคงมาขอส่วนบุญนั่นล่ะ ผู้เขียนเวลาใส่บาตรพระที่เดินผ่านหน้าบ้านเสร็จจะจัดอาหารชุดหนึ่งไปวางตรงทางเดินสามแพร่ง เพื่อให้ผีที่ไม่มีญาติและล่องลอยไปมาได้กินกัน

       เชื่อไหม! เศรษฐกิจประเทศไทยเราคง....แม้ขนาดขวดน้ำโพราริด คนยังเอาของผีไปเลย งานนี้ได้แต่สงสารผีที่ถูกรังแกจริงๆ

หมายเลขบันทึก: 169049เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2008 16:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • อิทํ...เม..ญาตินํ..โหตุ..สุขิตาโหนฺตุ..ญาตโย
  • สวัสดีค่ะ คุณพิสูจน์
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมชม
  • กลิ่นในโรงพยาบาลสุดบรรยายอยู่แล้วค่ะ
  • stardust ก็เพิ่งพาแม่ไปโรงพยาบาลมา
  • ไปตรวจร่างกายตามหมอนัด
  • เคยเดินในโรงพยาบาลตอนเช้ามืด(~ตี5)
  • เดินไปก็หวาดไปเหมือนกันค่ะ
  • ต้องเดินผ่านแผนกนิติเวชซะด้วยซิค่ะ
  • บรื๋อสสส์..
  • สวัสดีค่ะ น้องstardust
  • ตอนนี้อยากอยู่ในโรงพยาบาลช่วงดึกๆ เผื่อได้รับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
  • แต่โรงพยาบาลไม่ให้อยู่ เว้นแต่ตรงฉุกุฉินและคนที่เฝ้าไข้ห้องพิเศษ
  • ขอเป็นแค่ช่วงนี้ค่ะ อยากหาเหตุ กลัวผีเลยพักไว้ก่อน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท