สวัสดีครับ...
ช่วงนี้เรื่องราวข่าวสารของบ้านเมืองเราเริ่มร้อนระอุอีกครั้ง
เป็นธรรมชาติของจิตของผมเอง และอาจจะท่านอื่นๆด้วยนะครับ
ที่มีความทรงจำ มีความรู้ ความเชื่อในเรื่องของการเมืองอยู่ในจิตใจของเราๆกัน
เมื่อสังเกตดู เฝ้าดูจิตของเราต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
จะพบถึงสภาพของจิตที่ขึ้นลง พอง แฟบ ดีใจ เศร้าใจ กังวล ชื่นชม อีกมากมาย
เป็นความรู้สึกที่ไปตามจิตเดิม จิตที่มีความเชื่อเดิม แลก็มักจะตัดสิน ปรุงแต่งเรื่องราวที่รับรู้
ไปในทางที่จะโน้มเอียงไปตามฐานคิดเดิม ข้อมูลเดิม ความทรงจำเดิมๆ
ซึ่งผมคิดว่าฐานคิดที่เกิดขึ้นต่อเรื่องราววันนี้นั้น มีหลากหลายนะครับ
ผมเองนั้นมีความคิดดเอนเอียงไปในด้านหนึ่งเช่นกัน
แต่ในความคิดนี้ก็พบทั้งเรื่อราวที่เกิดความรู้สึกดีใจ พอใจ
เช่น การรวมตัวขอ'ของแพทย์ชนบทเพื่อไล่ผี... ความยุติธรรมของท่านกกต...
และการเฝ้าระวังการแทรกแทรงกระบวนการยุติธรรมของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
ในทางกลับกันจิตก็เกิดการหดหู่ แฟบไป หรือวิตกกังวลต่อเรื่องสำคัญคือ
...เรื่องของฝี่ที่เข้าบ้านผม...
...เรื่องของท่านอาจารย์สุนัย DSI
...และเรื่องวุ่นๆของสังคม บ้านเราที่ต้องเกิดขึ้นอย่างยากเลี่ยงไม่ได้
หลีกเลี่ยงยากเพราะว่าต่างคนต่างคิดและมีเหตุผลของตนเอง ความเชื่อของตน และมาตรฐานในการตัดสินเรื่องราวเดียวกัน ที่แตกต่างกัน มโนธรรมที่แตกต่างกัน
วานนี้เมื่อเฝ้ามองดูจิตตน....
มีลบ มีบวก...
รวมทั้งการเข้าไปดูความคิดและแนวทางของความเชื่อสองแนวทาง เป็นเวบไซด์ 2เวบที่ต่างกันสุดขั้ว
เริ่มเกิดคำถามในใจต่างๆมากมาย ว่าทำไมเขามองต่างๆกันมากมายเช่นนี้
และก็เริ่มถามตนเองเช่นกัน
ว่าทำไมผมถึงเชื่อและรู้สึกเช่นนนั้น
วันนี้ผมเริ่มมองแบบในแนวทางที่ให้ผมเกิดความเบา สบาย เกิดความเข้าใจผู้คนทั้งสองข้าง
และชัดเจนมากขึ้น
เมื่อผมรู้สึกกลางๆต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ไม่สนใจ
ตรงข้ามกลับเข้าใจทุกๆคน ทุกๆข้างมากขึ้น
ย้อนกลับไปมองเรื่องราวที่ได้เรียนรู้กับท่านอ.กะปุ๋ม
เรื่องของกรรม เรื่องของเหตุและปัจจัย เรื่องการดูจิต
ทั้งหมดเป็นไปตามเหตุและปัจจัย
ถ้าเราเข้าใจ และวางใจให้ถูกแล้วเราก็จะรู้ เราก็จะปฏิบัติต่อเรื่องราวที่เกดิขึ้นได้ดีที่สุด
ภายใต้สภาวะจิตของเรา ธรรมชาติของเรา
ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากๆครับ เพราะคิดว่า
ไม่ว่าผีจะเข้าบ้านแล้วหลอกหลอนผู้ป่วย หลอกหลอนเราชาวสาสุขอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสุข ทุกข์ ผมก็จะเฝ้าดูเจ้าความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะนั้นๆ
หรือแม้ว่าใครจะโกงกิน ใครจะชั่วร้าย ใครจะตีกัน ก็จะเข้าใจ วางใจต่อเรื่องราวนั้นๆให้ดีที่สุด
วางใจให้เกิดแต่ความสงบสุขภายใน และมองให้เห็นความจริงในความจริง ต่อเรื่องนั้นๆ
(จริงๆแล้วก็ยังขึ้นลงอยู่บ้างครับแต่ เหมือนคลื่นที่จากขนาดใหญ่ มาเป็นคลื่นที่เล็กลง)
หมอคะ..
...
ตามดู...
มีสิ่งใด...เกิด...ให้เงียบ...แล้วมันจะดับ...ไปเอง
ไม่ต้องไปคิด ไปปรุงไปแต่ง...
ไม่ต้องไปคิดต่อ..หรือสงสัย..หรือหาคำตอบ
ความคิดอะไรเกิดขึ้น...เพียงแค่ให้รู้..เท่านั้นก็พอ...
เกิดแล้วก็ให้ผ่านไป...
พอ...
...
เท่านี้...ไม่ต้องคิดปรุงต่อ -------> เพราะนั่นคือ สังขารขันธ์...
(^____^)
ขอให้เจริญในธรรม...ยิ่งๆ ขึ้นนะคะ
พี่กะปุ๋ม
ท่านสุพัฒน์ครับผม
รู้สึกท่านจะเหนื่อยกับการเมืองซะแล้ว
ปล่อยเหอะครับ
กรรมย่อมเกิดจากการกระทำทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ครับผม.....กรรมติดจรวด???...ไม่นาก็ตามทัน
ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด....
จิตสงบ ก็ทำให้ใจ และกาย สามารถเดินไปอย่างมีความสุข http://gotoknow.org/blog/56485/161199 เจริญในธรรมครับ
มันก็เป็นเช่นนั้นเองนะคะน้องหมอ...
พี่อยู่ที่นี่(ต่างประเทศ)ก็ตามดูเหตุการณ์ที่บ้านเราอยู่ ก็รู้สึกเหมือนกันว่าความร้อนแรงมันสูง อิอิ แต่ดูแล้วก็รู้สึกเท่านั้น เหมือนดูละครที่เราไม่ชอบดูอย่างไงอย่างงั้น บางทีสื่อก็ทำให้เรารู้สึกโน่น รู้สึกนี่ได้เยอะ
ทำแบบที่น้องกะปุ๋มบอกนะคะ พี่เองก็ดูแล้ววาง โชคดีตอนนี้ค่อนข้างนิ่ง สิ่งเร้าแถวนี้มีน้อยกว่าบ้านเราก็เลยสบายๆ แต่ก็ต้องมีสติเสมอ..เวลาเจออะไรจะได้ไม่หลุดง่ายๆ ค่ะ
ธรรมรักษานะคะ ^ ^
ปล่อยวาง แล้วอะไร ก็คงดี
สวัสดีค่ะหมอ
อ่านแล้วเย็นค่ะ
แต่มัทอยากเพิ่มอีกนิดคือ
เมื่อมองจนเข้าใจทุกฝ่ายแล้ว
เราไม่บวกไม่ลบ ไม่ทุกข์
แต่ step ต่อไปคือ เราปล่อยวางแล้วหยุด ละ เฉยๆ
หรือ เรามีปัญญาที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างให้ถูกจังหวะ
-----------------------------------------------
มัทเคยฟังอ.ทางเซ็นท่านหนึ่ง (ทางpodcastที่มัทก็ลืมไปแล้วว่าท่านชื่ออะไร จำได้แต่เป็นคนขาว) ท่านตอบคำถามสุดฮิตของฝรั่งที่ว่า
ถ้าปลงกันหมดแล้วคนชั่วก็ทำชั่วต่อไปสิ ไม่คิดจะมาช่วยกันแก้หาคำตอบ เปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นหรือ
อ.ท่านนี้ตอบว่า การที่เรามีสติ จนเข้าใจและปล่อยวางได้นั้น เหมืิอนกับเราตั้งทัพให้มั่น พร้อมสู้อย่างถูกวิธีต่างหาก ไม่ได้แปลว่าเราต้องปลีกวิเวกไม่ยุ่งแล้วกับทางโลก ทางการเมือง
แต่เราจะกระทำการที่เป็นประโยชน์เท่านั้น "ทำและเป็น" จากมุมมองที่ครบรอบด้าน มองอย่างที่มันเป็นจริง รู้สภาวะธรรม ไม่ใช้อารมณ์ ไม่ปรุงแต่ง ต่างหาก
เมื่อท่านได้อยู่ในจุดที่จิตรวมนิ่ง สงบ การแก้ปัญหาต่างๆก็จะเป็น pro-act ไม่ใช่ re-act และการแก้ปัญหาก็จะต้องรู้จังหวะ รู้วิธี รู้หน้าที่ของตนว่าเราทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ว่าต้องไปร่วมประท้วงเท่านั้น เรายังทำอะไรที่ละเล็กละน้อยได้อีกมากมายที่มีประโยชน์และมีสติ
----------------------------------------------
มัทก็จำมาเล่าต่อแค่นี้ค่ะ : )
จำได้แต่ว่าตอนที่ฟังตอนนั้น ชอบมาก แล้วก็ศึกษาเรื่อง engaged buddhism อยู่ซักพักใหญ่ๆ
มัทถูกเตือนโดยกัลยาณมิตรเสมอค่ะว่า อย่าไปคิดว่าจะต้องช่วยคนอื่นให้ได้
แต่มัทยังมีอวิชชาตรงนี้อยู่มาก ยังอีกยาวไกลค่ะ