เกษตรกรที่มุ่งขายสู่ระบบตลาด นอกจากจะเผชิญความเสี่ยงด้านดินฟ้าอากาศแล้วยังเผชิญความเสี่ยงด้านตลาดซ้ำเข้าอีก เกษตรกรจึงมีความเสี่ยงและความเปราะบางมากกว่าคนอื่นๆ
ความเปราะบาง**เป็นสภาพการณ์ที่บุคคลไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาเกิดขึ้น เนื่องจากไม่ได้เตรียมการจัดการกับความเสี่ยงไว้อย่างเพียงพอ
อาจารย์อัมมารบอกว่า แนวคิดการจัดการความเสี่ยงให้ภาพที่เป็นพลวัตมากกว่าความยากจน
Unni and Rani (2002) บอกว่า แนวคิดการจัดการความเสี่ยงทำให้สามารถเชื่อมโยงกับแนวคิดความมั่นคงของมนุษย์ได้ชัดเจนขึ้น
การทำให้คนจนมีความเสี่ยงน้อยลง นอกจากแก้ที่ต้นเรื่อง (ซึ่งแก้ยากเพราะควบคุมยาก)แล้ว มาตรการสำคัญคือ “การคุ้มครอง” (protection) และ “การเสริมสร้างสนับสนุน” (promotion) (ซึ่ง พรบ.สส.การจัดสวัสดิการสังคม ๒๕๕๐ ก็พูดถึงประเด็นเหล่านี้)
การคุ้มครอง** เพื่อ “ไม่ให้มาตรฐานการดำรงชีวิตต้องลดลง” เมื่อประสบเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์ และเพื่อลดผลเสียหายจากความเสี่ยง เครื่องมือหนึ่งที่ใช้คือ การประกัน เช่น ประกันการว่างงาน ประกันอุบัติเหตุ และการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาจากความเสี่ยง ในกลุ่มองค์กรชุมชนก็จะเห็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทางไปโรงพยาบาล
การเสริมสร้างสนับสนุน** เป็นการช่วย “ยกระดับมาตรฐานการดำรงชีวิต” ช่วยให้สามารถลดความเปราะบาง จึงเกี่ยวข้องกับการเพิ่มศักยภาพของคน ในกลุ่มองค์กรชุมชนก็จะเห็นการสนับสนุนทุนการศึกษาในระบบ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้
การจัดการความเสี่ยงในมุมมองของความมั่นคงของมนุษย์**จำแนกเป็นความมั่นคงขั้นพื้นฐาน (รายได้ อาหาร สุขภาพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย) และความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ (การมีงานทำที่เหมาะสม ตามมาตรฐานแรงงาน)
โดยนิยามข้างต้น งานสนับสนุนการจัดสวัสดิการสังคมตาม พรบ. ๒๕๕๐ ซึ่งรวมบทบาทของทุกภาคส่วน รวมทั้งชุมชน...(คารวะครูชบอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ที่ทำให้ พรบ.มีความสมบูรณ์เพราะเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง) ดูจะมุ่งเน้นความมั่นคงขั้นพื้นฐาน ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และสอดคล้องกับการกระจายอำนาจ
หากหน่วยงานภาครัฐได้บูรณาการเป้าหมาย คือ ต่างตระหนักถึงบทบาทของสวัสดิการสังคมทั้งสามประการข้างต้น และใช้ชาวบ้านเป็นตัวตั้ง ก็น่าจะลดความรู้สึกเป็นเจ้าของเงิน เจ้าของงาน และพร้อมจะหนุนเสริมศักยภาพของชุมชนท้องถิ่น (กลุ่มองค์กรชาวบ้าน อบต. และเอกชนในพื้นที่) ในการเป็นผู้บริหารจัดการระบบสวัสดิการสังคมที่สอดคล้องกับพื้นที่ หากทุกฝ่ายใช้ชาวบ้านเป็นตัวตั้ง การบูรณาการงาน บูรณาการเงิน บูรณาการคน ก็คงจะง่ายขึ้น
โดยส่วนตัวเห็นว่า หลักศาสนาเป็นทั้งส่วนที่คุ้มครอง และสนับสนุน การมองปัญหาที่ประสบอย่างมีสติ การสร้างความมั่นคงทางจิตใจเมื่อประสบปัญหา การมีศีลธรรมที่ลดปัญหาการใช้ชีวิตอย่างสุ่มเสี่ยง การมีปัญญาที่ช่วยให้จัดการความเสี่ยงความเปราะบางได้อย่างรู้เท่าทันตามหลักอริยสัจสี่
การจัดการกับตนเอง จัดการจิตใจตนเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายภายใต้สถานการณ์ภายนอกที่บีบคั้นให้จิตพะวักพะวน เช่น ต้องดิ้นรนรับผิดชอบชีวิตคนอื่นๆในครอบครัวด้วย สังคมจึงจำเป็นต้องสร้างระบบสวัสดิการขั้นพื้นฐานควบคู่กัน
อาจคิดได้ว่าสถาบันต่างๆที่เกิดขึ้นหลากหลายในชุมชนเพื่อจัดการกับความเสี่ยงหลายมิติในชนบท เช่น ระบบอุปถัมภ์ ระบบการแบ่งผลผลิตแทนจ่ายค่าเช่า ที่สมัยใหม่ขึ้นมาหน่อยก็ได้แก่ ระบบสหกรณ์ ระบบเครือข่าย ระบบสวัสดิการชุมชน
_____________________
หมายเหตุ ** นิยามที่เรียบเรียงมาจาก นฤมล นิราทร (๒๕๕๐) “แรงงานนอกระบบและนัยต่อรัฐสวัสดิการ” การสัมมนาวิชาการประจำปี ๒๕๕๐ จะแก้ปัญหาความยากจนกันอย่างไร: แข่งขัน แจกจ่าย หรือ สวัสดิการ” จัดโดยมูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ๑๐-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ชลบุรี
ไม่มีความเห็น