การเรียนรู้ได้อย่างมีความหมายก็โดยการอาศัยวัฏจักรการเรียนรู้ ตามของ Lawson และKarplus ซึงจะมีขั้น การสำรวจ (exploration) ขั้นนำเข้าสู่เทอมหรือคอนเซ็ปท์ (term introduction) และขั้นการประยุกต์ (Application) ซึ่งการสอนแบบสืบเสาะแบบชี้นำ (guided inquiry) ได้แยกขั้นสำรวจออกเป็นขั้นเตรียม และการลอง และในขั้นนำเข้าสู่เทอมเป็นการหาค่า และหาแบบจำลอง ส่วนในขั้นประยุกต์ก็ให้นำมาใช้ในกรณีต่างๆ
การเรียนรู้อย่างมีความหมายตามการก่อตัวของมโนทัศน์และการคงอยู่ของมโนทัศน์ตามแนวของ Bruner
การที่จะให้คิดแบบวิพากษ์และคิดได้อย่างสร้างสรรค์ จะใช้อุปนัยเชิงประสบการณ์ (Empirical inductive) และการใช้นิรนัยเชิงทฤษฎี (Hypothetical deductive) ตามแนวของ Lawson
ส่วนการดำเนินการมโนทัศน์ (concept operation) และการดำเนินการแบบฉบับผู้ใหญ่ ตามแนวของ Piaget
การใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบบรรยาย (Descriptive learning cycle) ครูจะเป็นกำหนดมโนทัศน์และปรากฏการณ์ให้นักเรียนเพื่อจะสำรวจหารูปแบบ (pattern) ที่นำไปสู่การนำเข้าสู่เทอมซึ่งกำหนดรูปแบบของเทอมอีกทีหนึ่ง ตามด้วยการประยุกต์มโนทัศน์ ซึ่งจะสำรวจถึงปรากฏการณ์อื่นเพิ่มเติม
การใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบการเลียนแบบความคิดเชิงประสบการณ์ (Empirical abductive learning cycle) ในชั้นการสำรวจโดยการถามคำถามบ่งถึงความสัมพันธ์ และพัฒนาไปสู่การตั้งสมมุติฐานทางเลือก (alternative hypothesis) แล้วนำเข้าสู่เทอมการเรียนรู้เพื่ออธิบายสิ่งที่ตั้งสมมุติฐานไว้ และสุดท้ายด้วยการประยุกต์มโนทัศน์ในสถานะการณ์อื่น หรือสำรวจปรากฏการณ์เพิ่มเติมอื่น
การใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบนิรนัยเชิงทฤษฎี (Hypothetical deductive learning cycle) ในขั้นสำรวจถ้ามีการหาค่าต่างๆ ก็เท่ากับรวมความสนใจนักเรียนไว้ (engage) ในขั้นสำรวจจะต่อด้วยการนำเข้าสู่เทอมมีการหาสมมุติฐานทางเลือก และจัดให้มีการทดลองเพื่อทดสอบสมุติฐาน สร้างข้อสรุป และนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป
ไม่มีความเห็น