<p>...</p>
เป็นที่ทราบกันดีว่า โลกแห่งความเจริญทางวัตถุนั้นมักจะมาพร้อมกับความ "ใกล้ชิดแบบห่างเหิน" หรือต่างคนต่างอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โรคซึมเศร้า และปัญหาการฆ่าตัวตายระบาดไปทั่วโลก วันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากครับ
ท่านอาจารย์ดอกเตอร์แมทติว เค. นอค และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคมบริดจ์ แมสซาชูเซทส์ สหรัฐฯ ทำการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ 84,850 คนจาก 17 ประเทศ
...
ผลการศึกษาพบว่า คนทั่วโลก 9.2% หรือประมาณ 1 ใน 10 มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย (อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิต) และมีคนที่ลงมือฆ่าตัวตายจริงๆ น้อยกว่า 3% (คนที่ "คิดจริง-ทำจริง" ย่อมจะมีน้อยกว่าคนที่ "คิดจริง-ทำไม่จริง" เสมอ)
อาจารย์นอคศึกษากลุ่มตัวอย่างที่มีความคิดฆ่าตัวตาย (suicidal ideation) 3 ประการ ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปตามลำดับได้แก่
...
ประเทศที่คนมีความคิดฆ่าตัวตายมากที่สุดได้แก่
...
ประเทศที่คนมีความคิดฆ่าตัวตายน้อยที่สุดได้แก่
...
ปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มคนที่มีความคิดฆ่าตัวตายได้แก่
...
ข่าวดีสำหรับคนจนตอนนี้คือ ความจนไม่ได้ทำให้คนเราคิดฆ่าตัวตายมากขึ้น นอกจากนั้นเรายังรู้ด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอย่างหนึ่งของการฆ่าตัวตายคือ โรคซึมเศร้า ซึ่งแฝงอยู่ในประชากรทั่วไปประมาณ 1 ใน 10
ทุกวันนี้เรามียารักษาโรคซึมเศร้าที่ช่วยให้ชีวิตที่ห่อเหี่ยวกลับมามีชีวิตชีวาได้จริง (ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า)
...
นอกจากนั้นการออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ การออกกำลังแบบตะวันออก เช่น ไทเกก-ไทชิ(ชี่กง) มวยจีน รำกระบองชีวจิต ฯลฯ การใช้ชีวิตแบบพอเพียง โดยเฉพาะการมีหนี้ให้น้อยที่สุด มีส่วนช่วยป้องกันโรคซึมเศร้า
การใช้ชีวิตให้มีค่าเสมอ เช่น ชื่นชมความดีของตัวเราให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง กล่าวชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง การบริจาคเลือด ฯลฯ มีส่วนช่วยให้เราเคารพตัวเองและคนอื่นมากขึ้น อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างสันติมากขึ้น
...
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ข่าวประกาศ
ที่มา
</span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span>
ไม่มีความเห็น